กรุงเทพฯ 23 ก.พ.-ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดราคาผลปาล์มไตรมาส 2/65 อยู่ในกรอบ 4.5-6.5 บาท/กก. ด้านจีจีซีลุ้น รัฐกลับมาใช้บี 7 ตั้งแต่เม.ย.เป็นต้นไป
บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ประเมิน ผลปาล์มดิบของไทยในไตรมาส 2/65 น่าจะปรับลดลงมาอยู่ในกรอบราว 4.5-6.5 บาท/กก. ตามปัจจัยด้านฤดูกาลที่ไทยจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด ขณะที่ในฝั่งอุปสงค์ยังคงมีความไม่แน่นอนจากการเลือกใช้สูตรไบโอดีเซล (B5/B7/B10/B20) ของภาครัฐที่ยังขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก แต่ทั้งนี้คาดว่าราคาปาล์มน้ำมันเฉลี่ยน่าจะยังคงสูงกว่าราคาประกันที่ 4 บาท/กก. ตามการประเมินดังนี้
-กรณีที่ 1 ปรับสูตรไบโอดีเซล B5 โดยเปลี่ยนกลับไปใช้สูตรเดิม (B7/B10/B20) หากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกสามารถปรับลดลงมาได้ต่ำกว่าในปัจจุบันที่ราคาเข้าใกล้ 100 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งจะเป็นช่วงจังหวะเวลาที่ผลผลิตปาล์มน้ำมันออกสู่ตลาดจำนวนมากพอดี ทำให้ในกรณีนี้ แม้ราคาปาล์มในประเทศจะได้รับอิทธิพลจากราคาตลาดโลกที่ย่อลง แต่ความต้องการใช้ปาล์มจากสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลที่ขยับขึ้น จะช่วยประคองให้ราคาปาล์มในประเทศไม่ลดลงแรงโดยเฉลี่ยอาจจะอยู่ที่ราว 6.5 บาทต่อกิโลกรัม
-กรณีที่ 2 คงสูตรไบโอดีเซลไว้ที่ B5 ต่อไป หากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงยืนอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องหรือเร่งตัวขึ้นอีก ผนวกกับเป็นช่วงที่ผลผลิตปาล์มน้ำมันออกสู่ตลาดจำนวนมาก ในกรณีนี้แม้จะมีแรงหนุนจากราคาน้ำมันปาล์มดิบและราคาน้ำมันตลาดโลก แต่การลดลงของความต้องการใช้ปาล์มเพื่อพลังงานที่ขยายเวลาออกไปในจังหวะที่อุปทานมากขึ้น อาจกดดันให้ราคาปาล์มในประเทศลดลงมามากกว่ากรณีแรก โดยคาดว่า ราคาปาล์มน้ำมันเฉลี่ยอาจลดลงไปอยู่ที่ราว 4.5 บาทต่อกิโลกรัม
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ไตรมาส 1/65 มองว่า ราคาปาล์มน้ำมันน่าจะสามารถประคองตัวในระดับสูงในกรอบ 7.5-9.5 บาท/กก. สอดคล้องไปกับราคาน้ำมันปาล์มดิบและราคาพลังงานโลกที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่การปรับลดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลเหลือ B5 เพื่อดูแลราคาน้ำมันในประเทศช่วง ก.พ.-มี.ค. กระทบความต้องการใช้ปาล์มราว 3.2 แสนตัน และมีผลให้ราคาปาล์มในประเทศย่อลงจากระดับสูงสุดในเดือนม.ค.65 ที่ 10.3 บาท/กก.
ในปี 64 ที่ผ่านมาราคาปาล์มน้ำมันของไทยได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำสถิติใหม่หลายครั้ง จนมีราคาเฉลี่ยทั้งปีที่ 6.7 บาท/กก. (ราคาเฉลี่ยปี 59-63 อยู่ที่ 4 บาท/กก.) ต่อเนื่องจนถึงในเดือนม.ค. 65 ที่ราคาได้พุ่งสูงไปแตะระดับเฉลี่ยที่ 10.3 บาท/กก.
อย่างไรก็ดี แม้ว่าในปี 65 ราคาปาล์มน้ำมันจะยังสามารถยืนอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่ปัจจัยเสี่ยง คือ ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ทั้งราคาค่าปุ๋ยเคมี ค่ายาฆ่าแมลงและวัชพืช และจากกระแสรักสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นทั่วโลก รูปแบบการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปเช่น มาตรการ Zero Palm Oil ของกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) เนื่องจากประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงกระแสการต่อต้านการใช้น้ำมันปาล์มในอาหาร นอกจากนี้ กระแสการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ก็อาจยิ่งกระทบต่อความต้องการใช้ปาล์มน้ำมันด้วยเช่นกัน
นายไพโรจน์ สมุทรธนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด(มหาชน) หรือ GGC ระบุว่า แนวโน้มการดำเนินธุรกิจในปี 2565 ในส่วนของตลาดไบโอดีเซล(บี 100) ยังคงแข่งขันดุเดือด คาดว่า ผลผลิตน้ำมันปาล์ม(CPO) จะเพิ่มขึ้น 5.6% จากปีก่อน ซึ่งในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ ผลผลิตจะยังออกสู่ตลาดไม่มากนัก ดังนั้น ราคาบี 100 น่าจะยังอยู่ในระดับสูง และเริ่มอ่อนตัวลงในไตรมาส 2 ตามผลผลิตที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดในช่วงปลายเดือนมี.ค.- เม.ย.นี้ ขณะความต้องการใช้CPO ทั่วโลกยังเติบโต แต่ในประเทศไทย ยังต้องติดตามดูนโยบายของภาครัฐ หลังจากมีมาตรการลดส่วนผสมเหลือบี5 จากเดิม บี7 ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 มี.ค.นี้ ว่าภาครัฐจะมีมาตรการอย่างไร
สำหรับความคืบหน้า โครงการนครสวรรค์ ไบโอคอมเพล็กซ์ (NBC) ที่บริษัท ร่วมกับกลุ่ม KTIS ดำเนินโครงการใน ระยะที่ 1 มูลค่า 7,500 ล้านบาท ได้เปิดเดินเครื่องการผลิตเชิงพาณิชย์ในช่วงเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา คาดว่าจะสามารถเริ่มการหีบอ้อย เพื่อผลิตเอทานอลได้ในเดือนมี.ค.นี้ ส่วนโครงการ ระยะที่ 2 มูลค่า 1,400 ล้านบาท หลังจากที่บริษัท NatureWorks LLC (“NatureWorks”) ตัดสินใจลงทุนโรงงานผลิตพลาสติกชีวภาพชนิด(PLA) ซึ่งจะต้องเตรียมพร้อมเรื่องการผลิตไฟฟ้า ไอน้ำ วางระบบน้ำประปา ในพื้นที่นั้นได้เริ่มการปรับที่ดินแล้ว คาดว่า จะสามารถส่งมอบพื้นที่ให้กับ NatureWorks ได้ในช่วงเดือนเม.ย.นี้ เพื่อเริ่มก่อสร้างโครงการต่อไป โดยตามกำหนดแล้ว โครงการนี้จะแล้วเสร็จในปี 2567 .-สำนักข่าวไทย