กรุงเทพฯ 14 ก.พ. – ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทยคาดการณ์ ผลผลิตยางปี 65 เพิ่มขึ้นจากปี 64 ประมาณ 1.82% โดยการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศผู้ใช้ยางจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ไทยสามารถส่งออกยางได้เพิ่มขึ้น
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า ในปี 2565 จะมีผลผลิตยางประมาณ 4.905 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1.82% แต่ช่วงไตรมาสที่ 1 คาดว่า จะมีผลผลิต 1.186 ล้านตัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 6.35% โดยในเดือนกุมภาพันธ์และเดือนมีนาคมจะมีผลผลิตประมาณ 0.387 ล้านตัน และ 0.142 ล้านตัน ตามลำดับ สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตยางลดลงในไตรมาสนี้เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลปิดกรีด
(พื้นที่สวนยางภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคตะวันออก คาดว่าจะเริ่มปิดกรีดตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์) ประกอบกับสถานการณ์โรคใบร่วงในพื้นที่ภาคใต้และภาคตะวันออก ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 1 ล้านไร่ จึงส่งผลให้ผลผลิตยางออกสู่ตลาดลดลง
สำหรับการคาดการณ์การส่งออกยางและสต๊อกยาง ในปี 2565 จะส่งออกยาง 4.218 ล้านตันเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2.03% โดยในช่วงไตรมาสที่ 1 คาดว่า จะมีการส่งออกยางประมาณ 1.107 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4.29% ในขณะที่สต็อกยางมีแนวโน้มลดลง จากปริมาณสต็อกชินเต่าที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยหนุนให้การส่งออกเพิ่มขึ้น
ผู้ว่ากยท. กล่าวถึงโอกาสของยางพาราในปี 2565 ว่า ประเทศจีนเข้าสู่ฤดูหนาว เกษตรกรที่มีสวนยางในมณฑลยูนนาน และมณฑลไห่หนาน จึงหยุดกรีดยางแล้วจึงเป็นโอกาสการส่งออกของไทย การแพร่ระบาดของ COVID- 19 ทำให้มีความต้องการใช้ถุงมือยางและชุด PPE มากขึ้น กระแสการลดโลกร้อน ทำให้มีความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น อุตสาหกรรมรถยนต์ฟ้าในจีนขยายตัวเพิ่มขึ้นและความต้องการยางล้อสำหรับรถไฟฟ้าก็เพิ่มขึ้นด้วย เศรษฐกิจจีนเติบโต มีการขยายโรงงาน มีการลงด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ด้านโลจิสติกส์ การเปิดใช้เส้นทางรถไฟ จีน – ลาว ในอนาคต เป็นโอกาสของการส่งออกยางทางรถไฟ ใช้เวลาจากลาวไปจีน ประมาณ 3 วัน จากเดิมขนส่งจากท่าเรือแหลมฉบังถึงชินเต่าใช้เวลาประมาณ 14-16 วัน ส่วนประเทศญี่ปุ่นมีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ยางพาราเช่น ยางยานพาหนะ ถุงมือยาง สายยางในปริมาณเพิ่มมากขึ้น
นางสาวอธิวีณ์ แดงกนิษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจยางกล่าวถึงตัวชี้วัดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศผู้ใช้ยางว่า เศรษฐกิจของประเทศผู้ใช้ยางทั้งสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และEU ยังคงขยายตัว ดัชนี PMI ซึ่งเป็นดัชนีชี้นำ GDP ยังคงขยายตัวอยู่เหนือระดับ 50 ส่วนประเทศจีนถึงจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 50 แต่ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน อุตสาหกรรมยางล้อเพิ่มการผลิตสูงขึ้น ยอดขายรถยนต์ในปี 2564 มี 77.747 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 4.6% โดยเฉพาะจีนยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้น 4.3% ดังนั้นจึงคาดว่าในเดือนกุมภาพันธ์และเดือนมีนาคมราคายางยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ส่วนการคาดการณ์แนวโน้มยางพาราปี 2565 ANRPC คาดว่า จะมีการผลิตทั้งโลกประมาณ 14.554 ล้านตันและปริมาณการใช้จะอยู่ที่ 14.398 ถึง 14.822 ล้านตัน ภายใต้สมมติฐานว่าการใช้จะขยายตัวร้อยละ 2-5 ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ในปี 2565 คาดว่า การผลิตน้อยกว่าปริมาณความต้องการใช้ยาง
สำหรับโครงการชะลอขายยางเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง กยท. ดำเนินโครงการชะลอในปี 64 ทำให้ราคายางก้อนถ้วยค่อนข้างมีเสถียรภาพ ดังนั้นปีนี้จึงขยายไปยังยางชนิดอื่น ทั้งน้ำยางสด ยางแผ่นดิบ และยางแผ่นรมควัน.-สำนักข่าวไทย