กรุงเทพฯ 2 ก.พ.-ผู้อำนวยการสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทยเผยปี 65 เหล็กยังโตต่อ แนะรัฐเพิ่มใช้เหล็กในประเทศช่วยฟื้นเศรษฐกิจ
นายวิโรจน์ โรจน์วัฒนชัย ผู้อำนวยการสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยข้อมูลสถานการณ์ภาพรวมของอุตสาหกรรมเหล็กประเทศไทยช่วง 11 เดือน ปี 2564 มีปริมาณการบริโภคผลิตภัณฑ์เหล็ก 17.3 ล้านตัน เพิ่มขึ้น15% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 โดยคาดว่าทั้งปี 2564 มีความต้องการใช้เหล็กราว 18.9 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 15% จากปี 2563 แต่ปริมาณนำเข้ายังคงมีอัตราขยายตัวที่สูงกว่าการผลิตในประเทศมาก โดยปริมาณการผลิตขยายตัว 8.3% ส่วนการนำเข้าขยายตัว 20.9%
สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ได้จัดทำแผนพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็ก 4.0 ร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม และกลุ่ม 7 สมาคมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็ก เพื่อให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กอย่างยั่งยืน รวมถึงการแก้ปัญหาอุตสาหกรรมเหล็ก โดยเฉพาะปัญหาด้านโครงสร้างการผลิต โดยเน้นขยายขอบข่ายของมาตรการการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ให้สามารถครอบคลุมงานโครงการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน หรือ PPP และมาตรการควบคุมการตั้ง หรือขยายโรงงานเหล็กแผ่นเพื่อป้องกันปัญหากำลังการผลิตล้นตลาด (Over capacity) เช่นเดียวกับกรณีเหล็กเส้น
นายนาวา จันทนสุรคน ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)เปิดเผยว่า ราคาผลิตภัณฑ์เหล็กโลกช่วงปลายปี 2564 ถึงต้นปี 2565 ได้ลดความร้อนแรงลง เนื่องจากโรงงานเหล็กส่วนใหญ่ทั่วโลกกลับมาผลิตเหล็กในปริมาณเกือบเป็นปกติ โดยล่าสุดข้อมูลต้นเดือน ม.ค. 2565 ราคาผลิตภัณฑ์เหล็กทรงยาว และเหล็กทรงแบนและในประเทศจีนปรับตัวลดลงเหลือ 756 – 762 เหรียญ/ตัน ลดลง 18%–24% จากช่วงที่ราคาเคยขึ้นไปสูงสุดเมื่อกลางปี 2564 แต่ยังมองว่าเป็นไปได้ยากที่ราคาเหล็กจะลงไปต่อเนื่องจนเทียบเท่าระดับราคาในปี 2563 โดยเชื่อว่าราคาเหล็กในจีนและภูมิภาคเอเชีย จะขยับลงอีกไม่มาก หรือทรงตัว ก่อนจะปรับขึ้นภายในไตรมาส 1 ปี 2565 นี้ เนื่องจากประเทศจีนปรับนโยบายเรื่องยกเลิกการให้ภาษีส่งออก (Rebate VAT) สินค้าเหล็ก รวมถึงมีการดำเนินการนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังส่งผลให้มีต้นทุนในกระบวนการผลิตเพิ่ม รวมถึงสถานการณ์ของต้นทุนพลังงาน และวัตถุดิบต่างๆ เช่น ถ่านหิน ก็มีแนวโน้มราคาสูงขึ้นเช่นกัน
โดยในปี 2565 นี้ ความต้องการใช้เหล็กของประเทศน่าจะยังเติบโตต่อเนื่อง ไม่น้อยกว่า 5% จากปี 2564 เนื่องจากการก่อสร้างในโครงสร้างพื้นฐาน (Infra Structure) ของภาครัฐที่ยังดำเนินการต่อเนื่อง การเริ่มฟื้นตัวของภาคส่งออก ภาคบริการ โดยเหล็กเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความจำเป็นต่อการผลิตในภาคอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ดังนั้นการส่งเสริมอุตสาหกรรมเหล็กภายในประเทศ และการส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์เหล็กที่ผลิตในประเทศไทย เพื่อลดการพึ่งพาสินค้านำเข้า รวมถึงการควบคุม Supply การผลิตเหล็กในประเทศให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความต้องการของประเทศ จะเป็นปัจจัยสำคัญช่วยเร่งการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมเหล็กภายในประเทศ รวมถึงเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศให้เร็วขึ้นได้
“นอกจากนี้ยังต้องจับตาดูผลกระทบจากกรณีที่กรอบความตกลงเขตการค้าเสรี RCEP (Regional Comprehensive Economic Partnership) มีผลบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2565 ว่าจะส่งกระทบต่อปริมาณการนำเข้าสินค้าเหล็กสู่ประเทศไทยหรือไม่” ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก ส.อ.ท. กล่าว .-สำนักข่าวไทย