กรุงเทพฯ 24 ม.ค.-บมจ.ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 84-89 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 86-91 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ไทยออยล์คาด แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ (24 – 28 ม.ค. 65) มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง หลังตลาดได้รับแรงหนุนจากอุปทานน้ำมันดิบโลกที่ยังคงตึงตัว จากความไม่สงบภายในประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบ อาทิเช่น คาซัคสถาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รัสเซีย เป็นต้น และการเพิ่มกำลังการผลิตอย่างจำกัดของกลุ่มโอเปกพลัส ทำให้ตลาดกังวลอุปทานน้ำมันดิบมีแนวโน้มตึงตัว ประกอบกับความต้องการใช้น้ำมันที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่มากนัก อย่างไรก็ตามแผนการระบายน้ำมันจากคลังเก็บน้ำมันสำรองเชิงยุทธศาสตร์ของจีน และจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้ตลาดคลายความกังวลความตึงตัวของอุปทานน้ำมันดิบ
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าราคาน้ำมันดิบมีโอกาสอยู่ที่ 100 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ในช่วงไตรมาส 1/65 หลังอุปทานน้ำมันดิบตึงตัว แต่หลังราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง ทำให้จีนมีแผนที่จะระบายน้ำมันดิบจากคลังสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ ในช่วงเทศกาลตรุษจีน หรือในช่วงวันที 31 ม.ค. ถึง 6 ก.พ. 65 โดยการปล่อยน้ำมันดิบดังกล่าว เป็นความร่วมมือกันระหว่างจีน สหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ เพื่อลดความร้อนแรงของราคาน้ำมันดิบ ในขณี่น้ำมันดิบสหรัฐฯมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น หลัง Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติสหรัฐฯ ณ สัปดาห์สิ้นสุด 14 ม.ค. 65 เพิ่มขึ้น 13 แท่นสู่ระดับ 601 แท่น ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 64
ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (17 – 21 ม.ค. 65) ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเพิ่มขึ้น 1.32 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 85.14 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 1.83 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 87.89 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 85.20 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังได้รับแรงสนับสนุนจากอุปทานน้ำมันดิบตึงตัวเนื่องจากความไม่สงบในประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบ อาทิเช่น ลิเบีย คาซัคสถาน และการเพิ่มกำลังการปริมาณผลิตน้ำมันดิบอย่างจำกัดของกลุ่มโอเปกพลัส อย่างไรก็ตาม ยังมีความไม่แน่นอนจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก ที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในสหรัฐฯ และยุโรป และมีการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้.-สำนักข่าวไทย