กรุงเทพฯ 18 ต.ค.- คลังยืนยันกลไกดูแลน้ำมันดีเซลผ่านกองทุนน้ำมันฯ และการอุดหนุนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล 1.99-4.16 บาท/ลิตร ยังเพียงพอ ไม่จำเป็นต้องลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันช่วงนี้ หากขยับสูงมาก อาจเสนอรัฐบาลพิจารณา
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ชี้แจงกรณีปัญหาราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลปรับตัวสูงขึ้น จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดราคา 83.53 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล สาเหตุจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก จึงมีความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศ ณ วันที่ 18 ตุลาคม 2564 ราคา 28 บาท/ลิตร ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 16 เทียบกับช่วงต้นปี (มกราคม 2564)
เมื่อเปรียบเทียบราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลของไทยยังใกล้เคียงกับประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกัน เช่น สิงคโปร์ ลิตรละ 53 บาท, สปป ลาว ลิตรละ 31.50 บาท, กัมพูชา ลิตรละ 30.24 บาท, ฟิลิปปินส์ ลิตรละ 28.69 บาท, เมียนมา ลิตรละ 26.95 บาท และมาเลเซีย สำหรับผู้ส่งออกน้ำมัน ลิตรละ 17.42 บาท
รัฐบาลยังมุ่งรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล ผ่านกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นกลไกหลักรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง และมีสภาพคล่องพร้อมดูแลราคาน้ำมัน โดยอุดหนุนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล 1.99-4.16 บาท/ลิตร และยังได้ปรับลดค่าการตลาดลงด้วย นับว่าเป็นกลไกเพียงพอต่อการดูแลราคาดีเซลในปัจจุบัน ภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลปัจจุบัน
กรณีข้อเสนอให้กระทรวงการคลัง ปรับลดภาษีสรรพสามิต เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ยังไม่ใช่ช่วงเวลาเหมาะสม เนื่องจากการจัดเก็บของภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ได้หวังรักษาระดับราคาพลังงาน แต่ต้องการมุ่งดูแลสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ยอมรับว่า ช่วงที่ผ่านมาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล เพื่อบรรเทาภาระของประชาชน เพราะราคาน้ำมันดิบตลาดโลกยังสูง ดังนั้น หากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น รัฐบาลอาจพิจารณามาตรการภาษีสรรพสามิต เพื่อบรรเทาภาระของประชาชนต่อไป.-สำนักข่าวไทย