กระทรวงการคลัง 18 เม.ย.- คลังแนะยืนยันตัวตนเพื่อสวัสดิการฯ เริ่มใช้สิทธิตามกำหนด ย้ำผู้ผ่านเกณฑ์ที่เหลือ 1.4 ล้านราย ยืนยันตัวตนภายใน 26 เม.ย. เริ่มใช้สิทธิ 1 พ.ค.นี้
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การยืนยันตัวตนตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ วันที่ 18 เมษายน 2566 เวลา 13.00 น. ยืนยันตัวตนสำเร็จ 13.145 ล้านราย (ร้อยละ 90 ของผู้ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด) ยังเหลือผู้ผ่านเกณฑ์ แต่ยังไม่ยืนยันตัวตน 1.4 ล้านราย ยังสามารถยืนยันตัวตนได้ที่ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ตามวันเวลาที่หน่วยงานกำหนด หากยืนยันตัวตนสำเร็จภายใน 26 เมษายน 2566 จะสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป
สำหรับการยืนยันตัวตนผู้ผ่านเกณฑ์ ต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชนอเนกประสงค์ (Smart Card) และต้องผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนกับธนาคารใดก็ได้ เนื่องจากการผูกบัญชีพร้อมเพย์ไว้ล่วงหน้าจะทำให้ผู้ได้รับสิทธิโครงการฯ สะดวกในการรับสิทธิสวัสดิการ หากภาครัฐมีการให้สวัสดิการเป็นเงินโอนเข้าบัญชีในอนาคต หากผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนไม่สำเร็จ เนื่องจากการตรวจสอบสถานะบัตรประจำตัวประชาชนไม่ผ่าน ในกรณีนี้ ขอให้ผู้ที่ยืนยันตัวตนไม่สำเร็จ ตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลได้ ณ ที่ว่าการอำเภอ หรือสำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร และหากตรวจสอบและแก้ไขสถานะบัตรประจำตัวประชาชน จากนั้นให้ยืนยันตัวตนอีกครั้ง กรณีเปรียบเทียบใบหน้าไม่ผ่าน ขอให้ติดต่อธนาคารกรุงไทย เพื่อดำเนินการยืนยันตัวตนตามขั้นตอนของธนาคารฯ ต่อไป
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ลงทะเบียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ ขอให้รีบดำเนินการยื่นขออุทธรณ์ภายในวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 ผ่าน 2 ช่องทาง ดังนี้ 1. ขออุทธรณ์ด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ได้ตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น. ของทุกวัน หรือ
2. ขออุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ธ.ก.ส. สำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัด ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร หรือศาลาว่าการเมืองพัทยา แสดงบัตรประจำตัวประชาชนกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานรับลงทะเบียนก่อนดำเนินการยื่นอุทธรณ์
สำหรับความคืบหน้าการใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชน ณ วันที่ 18 เมษายน 2566 เวลา 13.00 น. มูลค่า 3,668 ล้านบาท จากผู้มีสิทธิฯ 11.53 ล้านราย ส่วนใหญ่ใช้สิทธิเพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากร้านธงฟ้าฯ 3,418 ล้านบาท วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าตามที่กระทรวงพลังงานกำหนด 214.45 ล้านบาท และค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 35.23 ล้านบาท ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและรายละเอียดโครงการฯ เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th.-สำนักข่าวไทย