สภาพัฒน์ ปรับลด GDP ปี 64 เหลือโต 0.7-1.2% จากเดิมคาด 1.5-2.5%

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.- สภาพัฒน์ ปรับลด GDP ปี 64 เหลือโต 0.7-1.2% จากเดิมคาด 1.5-2.5% จากวิกฤติการระบาดของโควิด-19 ระลอกนี้ ขณะที่ไตรมาสที่ 2 ยังขยายตัวที่ 7.5% พร้อมชี้ปัจจัยเสี่ยงเฝ้าระวังเชื้อกลายพันธุ์ ปัญหาหนี้ครัวเรือน การจ้างงาน และการระบาดที่กระทบภาคโรงงานผลิตเพื่อการส่งออก


  นายอนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) แถลงการขยายตัวเศรษฐกิจไทย GDP ในไตรมาส 2/64 ขยายตัว 7.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/63 และขยายตัว 0.4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/64 ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 2/64 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกับของปีก่อน มาจากการบริโภคภาคเอกชน ที่ขยายตัว 4.6% และการลงทุนรวมขยายตัว 8.1% โดยการลงทุนจากภาคเอกชนขยายตัว 9.2% และการลงทุนภาครัฐขยายตัว 5.6% ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัว 36.2%  ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจครึ่งปีแรกขยายตัวราว 2% จากฐานปีก่อนที่ต่ำผิดปกติ และมีการขยายตัวในบางสาขาสำคัญ ได้แก่ ภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร และภาคส่งออกเป็นหลัก ส่วนภาคการท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัว

โดยสภาพัฒน์  ยังคาดการณ์ขยายตัวเศรษฐกิจไทยในปี 2564 จะขยายตัว  0.7-1.2  % จากประมาณการเดิม 1.5-2.5%  โดยผลจากการระบาดโควิดระลอก 3 ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้การขยายตัวเศรษฐกิจไทยส่งสัญญาณขยายตัวลดลง   จนถึงการประกาศใช้มาตรการควบคุมสูงสุดเข้มงวด(แดงเข้ม)  29 จังหวัด  โดย สภาพัฒน์ ใช้สมติฐานการประมาณยอดติดเชื้อจากกระทรวงสาธารณสุขว่า  ยอดติดเชื้อจะสูงสุดช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้   และเริ่มลดลงช้าๆ ในเดือนกันยายน  ทำปลายปีเชื่อว่าจะสามารถผ่อนคลายเปิดพื้นที่เศรษฐกิจได้ ในไตรมาสที่ 4   และปัจจัยจะมีการกระจายวัคซีนได้  85 ล้านโดส ในปลายปี 2564 ด้วย ท่ามกลางการขยายตัว เศรษฐกิจโลกที่ประมาณการว่าในปีนี้จะขยายตัวที่  6 % 


เลขาฯสภาพัฒน์ ยังกล่าวถึงปัจจัยเสี่ยงในช่วงที่เหลือของปี  2564 ประกอบด้วยปัจจัย  การกลายพันธุ์เชื้อ โควิด-19 ที่จะทำให้การควบคุมการระบาด โควิด-19 ทำได้ยาก ,  หนี้ภาคครัวเรือนที่สูง , ปัญหาการจ้างงาน การตกงานจากภาคท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบหนักจากการระบาด  , ความไม่แน่นอนภาคการส่งออก ต้องระวังผลกระทบการระบาดต่อการผลิต ในโรงงาผลิตเพื่อการส่งออก ซึ่งเป็นภาคที่ยังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอยู่

ส่วนเรื่องที่ต้องทำในการบริหารเศรษฐกิจ 7 เรื่องขณะนี้ คือ ต้องควบคุมการระบาดให้อยู่ในวงจำกัดเร็วที่สุด ,การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ,  การสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เมื่อการระบาดคลี่คลายลง ,การขับเคลื่อนการส่งออกให้เติบโตต่อเนื่อง ,การขับเคลื่อนการลงทุน และการใช้จ่าย จากเม็ดเงินการลงทุนภาครัฐ  การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน และ การดูแลเสถียรภาพการเมืองและเศรษฐกิจ .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เครื่องบินภูเก็ตมุ่งหน้ามอสโก ขอลงจอดฉุกเฉินที่สุวรรณภูมิ

เที่ยวบิน 777-300ER สายการบิน Aeroflot ขึ้นจากภูเก็ตไปมอสโก เตรียมลงสุวรรณภูมิ หลังบินวนกลางทะเลอันดามันหลายชั่วโมง จากปัญหาระบบลงจอดขัดข้อง

ไข้หวัดใหญ่ระบาด

ไข้หวัดใหญ่ระบาดในสหรัฐ-เสียชีวิตแล้ว 13,000 ราย

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี รายงานว่า พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในฤดูกาลนี้อย่างน้อย 24 ล้านคนแล้วทั่วสหรัฐ

ตัดไฟเมียนมา

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันปลดพนักงานแล้วกว่าร้อยคน

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันออนไลน์และกลุ่มสแกมเมอร์ที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ปลดพนักงานแล้วกว่า 100 คน เนื่องจากขาดแคลนกระแสไฟฟ้า ทำให้พนักงานทยอยเดินทางออกจากท่าขี้เหล็ก กลับมาทางด่าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย อย่างต่อเนื่อง

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยอีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า-กทม.อุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศาฯ

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสานมีอากาศเย็นในตอนเช้า และอากาศร้อนในตอนกลางวัน ส่วนภาคกลาง รวม กทม.-ปริมณฑล และภาคตะวันออก อุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศาฯ อากาศร้อนในตอนกลางวัน

ไฟไหม้วัดไทยในนิวยอร์ก เสียชีวิต 2 ราย

เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่วัดไทยในเขตบรองซ์ นครนิวยอร์ก ของสหรัฐ ช่วงเช้าวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น มีผู้เสียชีวิต 2 ราย หนึ่งในนั้นเป็นพระไทยที่จำพรรษาในวัด

ปฏิบัติการกวาดล้าง “คาวบอยบ่อแก้ว” แก๊งยาเสพติดรายใหญ่ภาคเหนือ

เจ้าหน้าที่เปิดปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่าย “คาวบอยบ่อแก้ว” แก๊งขนยาเสพติดรายใหญ่ของภาคเหนือ พร้อมยึดทรัพย์สินกว่า 100 ล้านบาท หลังพบช่วง 2 ปีนี้ ขนไอซ์จากชายแดนลงไปภาคกลางไม่ต่ำกว่า 20 ครั้ง เฉพาะที่ถูกจับได้ 3 ครั้ง ยึดไอซ์ได้กว่า 3,000 กิโลกรัม