กรุงเทพฯ 30 ก.ค. – รมช.มนัญญาเร่งกระจายผลไม้ของสมาชิกสหกรณ์ภาคใต้ผ่านเครือข่ายสหกรณ์ นำผลไม้คุณภาพบรรจุกล่อง ส่งตรงถึงผู้บริโภค หวังบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงสถานการณ์โควิด – 19
น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานในพิธีเปิดการกระจายผลไม้ภาคใต้ เพื่อลดปัญหาการกระจุกตัวและราคาตกต่ำ โดยปีนี้ผลไม้ทั้งของภาคใต้และภาคเหนือมีปริมาณเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนเนื่องจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการออกดอกติดผล อีกทั้งเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้การกระจายผลผลิตที่ได้รับผลกระทบ
ทั้งนี้ ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด เป็นศูนย์กลางในการจำหน่ายผลไม้สหกรณ์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเริ่มต้นจากเงาะ 3 ตันจากสหกรณ์การเกษตรเมืองสุราษฎร์ธานี มูลค่ากว่า 100,000 บาท ที่จะจัดส่งถึงบ้านผู้บริโภคภายในวันเดียว และยังมีรถแท็กซี่สหกรณ์ซึ่งได้รับผลกระทบจากการขาดรายได้ในช่วงสถานการณ์โควิดระบาด มาร่วมเป็นรถขนส่งผลไม้จากชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทยไปยังผู้บริโภคในเขตกรุงเทพฯ ด้วยเช่นกัน และเตรียมแผนที่จะกระจายผลผลิตมังคุดและลำไยต่อไป
จากนั้นรัฐมนตรีมนัญญามอบนโยบายการกระจายผลไม้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของสมาชิกสหกรณ์ ผ่านระบบ Zoom Meeting และได้ถ่ายทอดสัญญาณไปยังสหกรณ์ผลไม้และสหกรณ์ผู้จำหน่ายข้าวสารในจังหวัดต่างๆ โดยระบุว่า สหกรณ์ต้องเรียนรู้ด้านการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์เพื่อตอบสนองต่อผู้บริโภคได้ทุกช่องทาง ขบวนการโลจิสติกส์ก็มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ผลไม้สดใหม่ต้องคู่กับการจัดส่งที่รวดเร็วให้ถึงมือผู้บริโภคเสมือนที่มารับประทานในสวนผลไม้ หากขบวนการสหกรณ์ทำได้เช่นนี้ เชื่อมั่นว่า ผลผลิตของสหกรณ์จะสามารถจำหน่ายได้จำนวนมาก และหากสมาชิกสหกรณ์หรือเกษตรกรติดขัดหรือมีอุปสรรคด้านใด พร้อมช่วยเหลือ แล้วจึงปล่อยขบวนรถเปิดการกระจายผลไม้ โดยมีรถแท็กซี่และรถขนส่งสินค้าของชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทยเพื่อกระจายผลไม้ไปสู่ผู้บริโภค
นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์กล่าวว่า ช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคม – กันยายน ผลไม้ในภาคใต้และภาคเหนือมีปริมาณผลผลิตออกมาจำนวนมาก โดยเฉพาะผลไม้ 3 ชนิดหลัก ได้แก่ เงาะ ปริมาณ 63,647 ตัน มังคุด ปริมาณ 173,116 ตัน และลำไย ปริมาณ 973,603 ตัน ได้สั่งการให้สหกรณ์จังหวัดทุกจังหวัดประสานเครือข่ายสหกรณ์ในแต่ละพื้นที่สั่งซื้อเงาะและมังคุดจากสหกรณ์ที่เป็นแหล่งผลิตในภาคใต้ กระจายสู่ผู้บริโภคของแต่ละจังหวัด โดยให้สหกรณ์ต้นทาง 7 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ระนอง นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี พังงา พัทลุง และยะลา เปิดจุดรวบรวมเงาะและมังคุดจากเกษตรกรและสมาชิกสหกรณ์ชาวสวนผลไม้ เน้นผลไม้ที่ได้คุณภาพมาตรฐาน GAP ก่อนนำมาคัดเกรดบรรจุลงกล่อง และเร่งจัดส่งให้สหกรณ์ที่เป็นตลาดปลายทางเพื่อให้ถึงผู้บริโภคโดยเร็ว
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ใช้กลไกสหกรณ์เข้าช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์ 2 มาตรการ ได้แก่ การแลกเปลี่ยนสินค้ากันระหว่างเครือข่ายสหกรณ์ เน้นข้าวสารแลกกับผลไม้ เนื่องจากเป็นสินค้าที่ได้รับผลกระทบเรื่องช่องทางการตลาดในขณะนี้ และการซื้อขายโดยตรงระหว่างสหกรณ์ชาวสวนผลไม้กับสหกรณ์ผู้บริโภคในจังหวัดต่างๆ เป็นการกระจายผ่านเครือข่ายของศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ ซูเปอร์มาเก็ตสหกรณ์ และสหกรณ์ขนาดใหญ่ระดับอำเภอ
ปัจจุบันการแลกเปลี่ยนสินค้าข้าวและผลไม้ ดำเนินการไปแล้ว 11 สหกรณ์ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปริมาณผลผลิต 854 ตัน มูลค่ากว่า 1,424,670 บาท ส่วนการซื้อขายโดยผ่านขบวนการสหกรณ์ดำเนินการแล้ว 35 แห่ง ปริมาณ 204 ตัน มูลค่ากว่า 7,049,954 บาท
อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์กล่าวต่อว่า ได้จัดสรรเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ วงเงิน 122 ล้านบาทเพื่อให้สหกรณ์กู้ยืมเป็นทุนหมุนเวียนรับซื้อผลผลิตจากสมาชิกและเกษตรกรในราคานำตลาด เพื่อดึงราคาผลไม้ในพื้นที่ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและเป็นธรรมแก่พี่น้องเกษตรกร
สำหรับโครงการกระจายผลไม้สูชุมชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ปี 2564 ทางชุมนุมสหกรณ์การกษแห่งประทศไทย จำกัด (ชสท.) ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมสหกรณ์กรุงเทพ พื้นที่ 2 จัดทำตั้งแต่ปี 2560 เพื่อช่วยกระจายผลไม้ของสมาชิกออกนอกพื้นที่ผลิต และยกระดับราคาผลไม้ในพื้นที่ให้มีราคาสูงขึ้น โดยผลไม้ต้องได้มาตรฐาน GAP โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางโดยการจำหน่ายจะเปิดรับจองล่วงหน้า ผ่านช่องทาง ออนไลน์ใน Application Co-opClick Lineและ Facebook โดยชสท. จะแจ้งราคาและวันส่งชัดเจน การกระจายมี 3 รูปแบบคือบริการจัดส่งที่จุดนัดหมาย เป็นองค์กรหรือหน่วยงาน ไม่มีค่าขนส่งจัดส่งโดยสหกรณ์เท็กซี่ ลูกค้ารับผิดชอบค่าบริการ โดยจะเช็คค่าบริการให้ลูกค้าทราบก่อนและลูกค้ามารับสินค้าเองที่ ชสท.โดยเป้าหมายปี 2564 จะกระจายผลไม้ทั้งสิ้น 100 ตัน. – สำนักข่าวไทย