กรุงเทพฯ 28 พ.ค. – ตลาดที่อยู่อาศัยเขต EEC ยอดรอขาย 64,575 หน่วย มูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท ยอดเปิดตัวโครงการใหม่ชะลอ ผลกระทบโควิด-19 จากเศรษฐกิจชะลอตัว ชลบุรียังเป็นพื้นที่สำคัญพัฒนาที่อยู่อาศัย
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ผลการสำรวจอุปทานและอุปสงค์ของโครงการที่อยู่อาศัย ในพื้นที่ภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยองและจังหวัดฉะเชิงเทรา หรือพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ณ สิ้นปี 2563 จำนวนที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างเสนอขาย 979 โครงการ จำนวน 75,362 หน่วย มูลค่า 254,832 ล้านบาท โดยช่วงครึ่งปีแรก ลดลงจากช่วงครึ่งปีแรก -3.3% มีโครงการเปิดขายใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังเพียง 8,586 หน่วย แบ่งเป็นอาคารชุด 3,720หน่วย และบ้านจัดสรร 4,866 หน่วย รวมมีหน่วยเหลือขายทั้งสิ้น 64,575 หน่วย มูลค่า 221,579 ล้านบาทลดลง -5.2%
สำหรับ ยอดขายใหม่มีจำนวน 10,787 หน่วย โดยมีคอนโดมิเนียม 2,794 หน่วย บ้านจัดสรร 7,993 หน่วย แต่จำนวนการเปิดขายโครงการใหม่ทั้งในส่วนของโครงการคอนโดมิเนียม กับโครงการบ้านจัดสรร หน่วยการเปิดตัวโครงการมีจำนวนต่างกันไม่มาก โดยคอนโดมิเนียมได้เปิดตัวโครงการใหม่ 3,720 หน่วย ส่วนโครงการบ้านจัดสรรมีการเปิดขายโครงการใหม่ประมาณ 4,866 หน่วย
ทั้งนี้ พื้นที่ EEC เข้ามามีบทบาทความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก โดยเฉพาะจังหวัดชลบุรีถือว่ามีบทบาทความสำคัญอย่างยิ่ง มีการขอใบอนุญาตจัดสรร คิดเป็น8.3% ของประเทศ มีการขอใบอนุญาตปลูกสร้างแนวราบพื้นที่เท่ากับ5.3% ของประเทศ มีจำนวนการขอใบอนุญาตปลูกสร้างอาคารชุดพื้นที่เท่ากับ 7.1% ของประเทศและมีจำนวนหน่วยเท่ากับ7.1% ของประเทศ โดยสัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์ในพื้นที่ชลบุรีมีจำนวนหน่วยเท่ากับ8.2% ของประเทศมูลค่าเท่ากับ7.4% ของประเทศ และมีหน่วยคอนโดฯซึ่งถือครองโดยคนต่างชาติหน่วยเฉลี่ย3 ปีประมาณ2.9% ของจำนวนการถือครองทั้งหมดที่เป็นชาวต่างชาติ โดยทิศทางตลาดปี 2564 ตลาดยังคงชะลอตัว ที่อยู่อาศัยนำออกขายใหม่ ในปี 64 คาดว่า มีจำนวน 1,233หน่วย ลดลง -7.4% มูลค่า3,665ล้านบาท ลดลง -0.2% . – สำนักข่าวไทย