จีซีมั่นใจไตรมาส2 ยังไปได้ดี

กรุงเทพฯ 13 พ.ค.-จีซีมั่นใจไตรมาส2 ยังไปได้ดี แม้จะมีการระบาดของโควิด-19 ในหลายพื้นที่ทั่วโลก และตั้งเป้าบริจาคเสื้อ PPE สู้โควิด-19 รวม 1 ล้านชุด

นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ จีซี ยังมั่นใจไตรมาส ที่ 2/64 ผลดำเนินการยังไปได้ดี เพราะในขณะนี้มาร์จิ้นต่างๆ ยังไปได้ดี แม้ว่าทั่วโลกในหลายประเทศ ยังมีปัญหาการระบาดของโควิด-19 ซึ่งผลประกอบการไตรมาส 1/2564 มีกำไรสุทธิ 9,694.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 210% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 8,784.11 ล้านบาท เป็นผลมาจากราคาขายของทุกผลิตภัณฑ์ที่ปรับขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง จากเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น และราคาน้ำมันดิบดูไบที่ปรับเพิ่มขึ้น รวมทั้งบริษัทมีปริมาณการขายเพิ่มขึ้นจากแผนการปิดซ่อมบำรุงตามแผนที่น้อยกว่าในไตรมาส 1/2563 ทำให้บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานปกติ โดยหากไม่รวมผลกำไรจากสตอกน้ำมัน และการกลับรายการมูลค่าสุทธิที่ได้รับของสินค้าคงเหลือ ในไตรมาส 1/2564 จะมีกำไรที่ 8,769 ล้านบาท


“ผลดำเนินการที่ออกมาดีเพราะเราสามารถเดินเครื่องโรงงงานได้เต็มที่ ธุรกิจหลายตัวกลับมามามีมาร์จิ้นที่ดีเช่น เช่น โพลิเมอร์ พลาสติก พีโอ โครงการใหม่ก็ดีหมด และเทรนด์ธุรกิจไตรมาส 2 ยังดี มาร์จิ้น ผลิตภัณฑ์ยังดี แต่ที่ต้องติดตามคือ ไตรมาส 3-4 มากกว่า เพราะกำลังผลิตใหม่ทั่วโลกหากเข้ามาตามคาด ก็จะมีผลต่อซัพพลายด์ที่เพิ่มขึ้น ส่วนราคาน้ำมันดิบแม้เพิ่มขึ้น หากราคาผลิตภัณฑ์ หรือมาร์จินยังดี ก็ไม่เป็นอะไร” นายคงกระพัน กล่าว

นายคงกระพัน กล่าวว่า จีซีขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนทีมบุคลากรทางการแพทย์ในการต่อสู้กับวิกฤตการณ์ โควิด-19 ด้วยผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมของ GC โดยในส่วนของเสื้อกาวน์พีพีอีตั้งเป้าหมายร่วมสนับสนุน 1 ล้านชุด เป็นพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งที่ผลิตจากเม็ดพลาสติก InnoPlus ของ GC


ทั้งนี้ไตรมาส1/64 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 101,864 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากไตรมาส 4/2563 และเพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาส 1/2563 โดยบริษัทฯ มี Adjusted EBITDA ในไตรมาสนี้ 14,108 ล้านบาท รวมถึงผลจากการที่บริษัทฯ รับรู้ผลกำไรจากสตอกน้ำมัน และการกลับรายการมูลค่าสุทธิที่จะได้รับของสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (Stock Gain Net Reversal of NRV) เป็นกำไรรวม 2,296 ล้านบาท ผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง 226 ล้านบาทและผลขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน 1,144 ล้านบาท ส่งผลให้ในไตรมาส 1/2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิรวม 9,695 ล้านบาท เพิ่มจากไตรมาส 4/2563 ถึง 51% และเพิ่ม 210% จากไตรมาส 1/2563

ในไตรมาสนี้ ราคาเม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีน (PE) เพิ่มจากไตรมาสก่อนหน้า 19% และสูงกว่าไตรมาส 1/2563 ประมาณ 45% ส่งผลให้กลุ่มนี้มี Adjusted EBITDA Marginในไตรมาสนี้อยู่ที่ 26% เพิ่มจากไตรมาส 4/2563 และไตรมาส 1/2563

ธุรกิจโรงกลั่นสภาพตลาดโดยรวมปรับตัวดีขึ้น ความต้องการใช้น้ำมันดีขึ้นตามลำดับ โดยบริษัทฯ ยังคงปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันอากาศยานและเปลี่ยนไปผลิตเป็นน้ำมันดีเซลโรงกลั่นมีค่าการกลั่น (GRM) อยู่ที่ 3.17 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล นอกจากนี้ บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่บริษัทฯ รับรู้จำนวน 1,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากทั้งไตรมาส 4/2563 และไตรมาส 1/2563


สำหรับทิศทางราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบในครึ่งปีหลังนี้คาดจะเฉลี่ยอยู่ที่ 60-64 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่ราคาและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมจะปรับตัวดีขึ้น จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและการผ่อนคลายมาตรการปิดประเทศ ทำให้มีการเดินทางเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลกับน้ำมันดิบดูไบครึ่งหลังปี 2564 จะอยู่ที่ 6-9 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยบริษัทคาดว่าจะใช้กำลังการผลิตปีนี้ได้ที่ร้อยละ 102

ส่วนผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี นับตั้งแต่ต้นปี 2564 บริษัทไม่ได้รับผล กระทบจากโควิด-19 ทั้งในด้านราคาและกำลังการผลิตยังเป็นไปตามแผนงาน โดยแนวโน้มอะโรเมติกส์มีทิศทางที่ดีขึ้น แต่ส่วนต่างผลิตภัณฑ์โดยรวมยังคงมีปัจจัยกดดันจากกำลังการผลิตส่วนเกิน โดยบริษัทคาดการณ์ส่วนต่างผลิตภัณฑ์พาราไซลีนกับแนฟทาในครึ่งปีหลังมีทิศทางที่ดีขึ้นอยู่ที่เฉลี่ย 230-260 เหรียญสหรัฐ/ตัน เนื่องจากความต้องการใช้พาราไซลีนจากธุรกิจเส้นใย สิ่งทอ ขวดบรรจุภัณฑ์ (PET) รวมทั้งมีกำลังการผลิตใหม่ของโรง PTA ในปีนี้

ด้านแนวโน้มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องในปีนี้คาดว่าราคาจะปรับตัวดีขึ้นจากปีที่แล้ว การผลิตใหม่โอเลฟินส์และโรงผลิตเม็ดพลาสติกจะเพิ่มขึ้น โดยราคาเฉลี่ยเม็ดพลาสติก HDPE ในครึ่งปีหลังนี้อยู่ที่ 1,000-1,100 เหรียญสหรัฐต่อตัน โดยส่วนต่าง HDPE กับแนฟทาครึ่งปีหลังอยู่ที่ 480-540 เหรียญสหรัฐต่อตัน บริษัทฯคาดการณ์การใช้กำลังการผลิตในปีนี้ของธุรกิจโอเลฟินส์จะอยู่ที่ร้อยละ 93 จากแผนการการปิดซ่อมบำรุงของโรงโอเลฟินส์ หน่วยที่ 3 ในช่วงปลายไตรมาส 3 เป็นเวลา 39 วัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

พ่อผู้ต้องหาชนไรเดอร์ กราบขอขมาครอบครัวผู้เสียชีวิต

พ่อผู้ต้องหาชนไรเดอร์ กราบขอขมาครอบครัวผู้เสียชีวิต เปิดใจกับสื่อ ลูกชายยังอยู่ในอาการช็อก เชื่อเสียใจและอยากมาขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต

นายกฯ สวมกระโปรงผ้าปาเต๊ะ ร่วมประชุม WEF อวดผ้าไทยสู่สายตาโลก

นายกฯ สวมกระโปรงผ้าปาเต๊ะ จากภาคใต้ ร่วมประชุม WEF อวดผ้าไทยสู่สายตาโลก หารือผู้นำและภาคเอกชนชั้นนำของโลก

กทม.จำกัดพื้นที่ชั้นใน ห้ามรถบรรทุกวิ่ง เริ่มคืนนี้!

ผู้ว่าฯ กทม. ติดตามสถานการณ์ฝุ่น กทม. คาดสุดสัปดาห์ระบายอากาศดีขึ้น พร้อมจำกัดพื้นที่ชั้นใน ห้ามวิ่งรถบรรทุก เริ่มคืนนี้! ย้ำประชาชนช่วยสอดส่องการลอบเผา ต้นเหตุฝุ่น PM 2.5

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง