จีซีมั่นใจไตรมาส2 ยังไปได้ดี

กรุงเทพฯ 13 พ.ค.-จีซีมั่นใจไตรมาส2 ยังไปได้ดี แม้จะมีการระบาดของโควิด-19 ในหลายพื้นที่ทั่วโลก และตั้งเป้าบริจาคเสื้อ PPE สู้โควิด-19 รวม 1 ล้านชุด

นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ จีซี ยังมั่นใจไตรมาส ที่ 2/64 ผลดำเนินการยังไปได้ดี เพราะในขณะนี้มาร์จิ้นต่างๆ ยังไปได้ดี แม้ว่าทั่วโลกในหลายประเทศ ยังมีปัญหาการระบาดของโควิด-19 ซึ่งผลประกอบการไตรมาส 1/2564 มีกำไรสุทธิ 9,694.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 210% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 8,784.11 ล้านบาท เป็นผลมาจากราคาขายของทุกผลิตภัณฑ์ที่ปรับขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง จากเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น และราคาน้ำมันดิบดูไบที่ปรับเพิ่มขึ้น รวมทั้งบริษัทมีปริมาณการขายเพิ่มขึ้นจากแผนการปิดซ่อมบำรุงตามแผนที่น้อยกว่าในไตรมาส 1/2563 ทำให้บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานปกติ โดยหากไม่รวมผลกำไรจากสตอกน้ำมัน และการกลับรายการมูลค่าสุทธิที่ได้รับของสินค้าคงเหลือ ในไตรมาส 1/2564 จะมีกำไรที่ 8,769 ล้านบาท


“ผลดำเนินการที่ออกมาดีเพราะเราสามารถเดินเครื่องโรงงงานได้เต็มที่ ธุรกิจหลายตัวกลับมามามีมาร์จิ้นที่ดีเช่น เช่น โพลิเมอร์ พลาสติก พีโอ โครงการใหม่ก็ดีหมด และเทรนด์ธุรกิจไตรมาส 2 ยังดี มาร์จิ้น ผลิตภัณฑ์ยังดี แต่ที่ต้องติดตามคือ ไตรมาส 3-4 มากกว่า เพราะกำลังผลิตใหม่ทั่วโลกหากเข้ามาตามคาด ก็จะมีผลต่อซัพพลายด์ที่เพิ่มขึ้น ส่วนราคาน้ำมันดิบแม้เพิ่มขึ้น หากราคาผลิตภัณฑ์ หรือมาร์จินยังดี ก็ไม่เป็นอะไร” นายคงกระพัน กล่าว

นายคงกระพัน กล่าวว่า จีซีขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนทีมบุคลากรทางการแพทย์ในการต่อสู้กับวิกฤตการณ์ โควิด-19 ด้วยผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมของ GC โดยในส่วนของเสื้อกาวน์พีพีอีตั้งเป้าหมายร่วมสนับสนุน 1 ล้านชุด เป็นพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งที่ผลิตจากเม็ดพลาสติก InnoPlus ของ GC


ทั้งนี้ไตรมาส1/64 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 101,864 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากไตรมาส 4/2563 และเพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาส 1/2563 โดยบริษัทฯ มี Adjusted EBITDA ในไตรมาสนี้ 14,108 ล้านบาท รวมถึงผลจากการที่บริษัทฯ รับรู้ผลกำไรจากสตอกน้ำมัน และการกลับรายการมูลค่าสุทธิที่จะได้รับของสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (Stock Gain Net Reversal of NRV) เป็นกำไรรวม 2,296 ล้านบาท ผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง 226 ล้านบาทและผลขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน 1,144 ล้านบาท ส่งผลให้ในไตรมาส 1/2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิรวม 9,695 ล้านบาท เพิ่มจากไตรมาส 4/2563 ถึง 51% และเพิ่ม 210% จากไตรมาส 1/2563

ในไตรมาสนี้ ราคาเม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีน (PE) เพิ่มจากไตรมาสก่อนหน้า 19% และสูงกว่าไตรมาส 1/2563 ประมาณ 45% ส่งผลให้กลุ่มนี้มี Adjusted EBITDA Marginในไตรมาสนี้อยู่ที่ 26% เพิ่มจากไตรมาส 4/2563 และไตรมาส 1/2563

ธุรกิจโรงกลั่นสภาพตลาดโดยรวมปรับตัวดีขึ้น ความต้องการใช้น้ำมันดีขึ้นตามลำดับ โดยบริษัทฯ ยังคงปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันอากาศยานและเปลี่ยนไปผลิตเป็นน้ำมันดีเซลโรงกลั่นมีค่าการกลั่น (GRM) อยู่ที่ 3.17 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล นอกจากนี้ บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่บริษัทฯ รับรู้จำนวน 1,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากทั้งไตรมาส 4/2563 และไตรมาส 1/2563


สำหรับทิศทางราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบในครึ่งปีหลังนี้คาดจะเฉลี่ยอยู่ที่ 60-64 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่ราคาและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมจะปรับตัวดีขึ้น จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและการผ่อนคลายมาตรการปิดประเทศ ทำให้มีการเดินทางเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลกับน้ำมันดิบดูไบครึ่งหลังปี 2564 จะอยู่ที่ 6-9 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยบริษัทคาดว่าจะใช้กำลังการผลิตปีนี้ได้ที่ร้อยละ 102

ส่วนผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี นับตั้งแต่ต้นปี 2564 บริษัทไม่ได้รับผล กระทบจากโควิด-19 ทั้งในด้านราคาและกำลังการผลิตยังเป็นไปตามแผนงาน โดยแนวโน้มอะโรเมติกส์มีทิศทางที่ดีขึ้น แต่ส่วนต่างผลิตภัณฑ์โดยรวมยังคงมีปัจจัยกดดันจากกำลังการผลิตส่วนเกิน โดยบริษัทคาดการณ์ส่วนต่างผลิตภัณฑ์พาราไซลีนกับแนฟทาในครึ่งปีหลังมีทิศทางที่ดีขึ้นอยู่ที่เฉลี่ย 230-260 เหรียญสหรัฐ/ตัน เนื่องจากความต้องการใช้พาราไซลีนจากธุรกิจเส้นใย สิ่งทอ ขวดบรรจุภัณฑ์ (PET) รวมทั้งมีกำลังการผลิตใหม่ของโรง PTA ในปีนี้

ด้านแนวโน้มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องในปีนี้คาดว่าราคาจะปรับตัวดีขึ้นจากปีที่แล้ว การผลิตใหม่โอเลฟินส์และโรงผลิตเม็ดพลาสติกจะเพิ่มขึ้น โดยราคาเฉลี่ยเม็ดพลาสติก HDPE ในครึ่งปีหลังนี้อยู่ที่ 1,000-1,100 เหรียญสหรัฐต่อตัน โดยส่วนต่าง HDPE กับแนฟทาครึ่งปีหลังอยู่ที่ 480-540 เหรียญสหรัฐต่อตัน บริษัทฯคาดการณ์การใช้กำลังการผลิตในปีนี้ของธุรกิจโอเลฟินส์จะอยู่ที่ร้อยละ 93 จากแผนการการปิดซ่อมบำรุงของโรงโอเลฟินส์ หน่วยที่ 3 ในช่วงปลายไตรมาส 3 เป็นเวลา 39 วัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูเชิญถกอาเซียน ยันไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยได้

พรรคภูมิใจไทย 19 ก.ย.- “อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูหาเชิญร่วมประชุมอาเซียน ยันไม่มีใครเคลียร์-แทรกแซงรัฐบาลได้ หลัง “ฮุน มาเนต” ขอมาเลเซียเป็นตัวกลาง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาเปิดเผยว่าได้โทรศัพท์พูดคุยเป็นการส่วนตัว โดยนายอนุทิน ยอมรับว่า เมื่อวานนายอันวาร์ได้โทรมาหา พูดคุยถึงการเชื้อเชิญว่า ถ้าหากตนได้รับตำแหน่งเรียบร้อยแล้วคงจะได้พบกันโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในช่วงเดือนหน้า ส่วนการพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนจังหวัดสระแก้ว นายอนุทิน ระบุว่า ไม่ได้มีการพูดคุยในรายละเอียด อีกทั้งตนยังไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เนื่องจากยังไม่ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ก็ยังคงมีรัฐบาลรักษาการ เราให้เกียรติกัน “ผมรับตำแหน่งได้ ก็ต่อเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อน ส่วนเรื่องนโยบาย ข้อสั่งการ ต้องรอการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งขณะนี้เราก็ยังรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไว้ให้มากที่สุด” นายอนุทิน กล่าว ส่วนกรณีที่นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร้องขอไปยังนายอันวาร์ เพื่อให้เข้ามาแทรกแซงการเจรจานั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยและอธิปไตยของไทยได้ ส่วนเรื่องการพูดคุย นายอนุทิน ย้ำว่า เราสามารถทำได้ เพราะเป็นคนที่คุ้นเคยรู้จักกัน […]

“อนุทิน” กินข้าว “อภิสิทธิ์” ขอคำแนะนำอดีตนายกฯ

กทม. 19 ก.ย.- “อนุทิน” โพสต์ภาพร่วมโต๊ะกินมื้อกลางวันคู่กับ “อภิสิทธิ์” บอกขอคำแนะนำอดีตนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพรับประทานอาหารกลางวันคู่กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเป็นการส่วนตัว พร้อมระบุข้อความว่า “ได้รับคำแนะนำที่มีประโยชน์และคุณค่ามากมายจากท่านนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้ให้เกียรติมาให้กำลังใจและทานอาหารกลางวันด้วยกันในวันนี้ ขอบพระคุณท่านมากครับ” ทั้งนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวแรกของนายกรัฐมนตรี หลังจากที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของนายอนุทิน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีอีกกระแสข่าว ที่เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ กลับไปเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ -สำนักข่าวไทย

รวบยกแก๊ง 4 ชาวอังกฤษขับรถชิงทรัพย์ชาวอเมริกัน

ภูเก็ต 19 ก.ย. – วานนี้มีเหตุอุกอาจกลางเมืองภูเก็ต กลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถชนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายก่อนลงไปชิงนาฬิกาหรู มูลค่ากว่า 2 ล้าน เช้านี้ตำรวจรวบผู้ก่อเหตุได้ครบ เชื่อวางแผนทำกันเป็นขบวนการ.-สำนักข่าวไทย

ไทยยึดหลักสากล จัดการปมบ้านหนองหญ้าแก้ว

กระทรวงการต่างประเทศ 19 ก.ย.- “อนุทิน” แจงประธานอาเชียน เหตุบ้านหนองหญ้าแก้ว ไทยยืนยันยึดหลักสากล จัดการปัญหา กัมพูชาขัดข้อตกลงหยุดยิง ใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ ไร้มนุษยธรรม ไม่สร้างสรรค์ บิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมเรียกร้องกัมพูชาแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหา นายนิกรเดช พลางกูล อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ที่มีการรื้อถอนสิ่งกีดขวางของฝ่ายไทย และมีการปะทะจนมีเจ้าหน้าที่ไทยได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถือเป็นการทำผิดกฎหมายไทยหลายมาตรา โดยย้ำว่าที่ผ่านมาฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดทุกประการมาโดยตลอด ข้อตกลงนี้เป็นหมุดหมายสำคัญที่จะปูทางไปสู่สันติภาพ แม้สถานการณ์สงบลง แต่กัมพูชายังยั่วยุในรูปแบบต่างๆ ซึ่งขัดข้อตกลงหยุดยิง พร้อมย้ำว่าการวางเครื่องกีดขวางเสริมความมั่นคง เป็นการดำเนินการในอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยอดกลั่น และใช้เวลาชี้แจงกับประชาชนกัมพูชา แต่ไม่เป็นผล ที่สุดเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนของไทยต้องเข้าระงับเหตุตามหลักสากล ตามหลักมนุษยชนการปลุกระดมให้ประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์ ขัดกฎหมายระหว่างประเทศ ไร้มนุษยธรรม ขาดความรับผิดชอบ ไม่สร้างสรรค์ และไม่ยึดถือประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง นอกจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศให้คำมั่นหยุดยิงไปแล้ว แต่กัมพูชาเลือกเส้นทางจากต่างไทยโดยสิ้นเชิง ไทยมุ่งมั่นแสวงหาสันติภาพ ซึ่งต่างจากกัมพูชาที่แสวงหาความรุนแรง การวางรั้วลวดหนามของฝ่ายไทย เป็นไปเพื่อป้องกันการปะทะ และเพื่อสร้างความปลอดภัยของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และเหตุความรุนแรงอาจนำไปสู่การสูญเสีย […]