กรุงเทพฯ 24 เม.ย.-ก.คมนาคม เตรียมเสนอรัฐบาลทำการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ให้ผู้ปฏิบัติงานด่านหน้าในภาคคมนาคม ขนส่ง ทุกระบบ ทั้งภาครัฐ-เอกชน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้มีความห่วงใยในสวัสดิภาพและสุขภาพของประชาชนผู้ใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภท เตรียมจัดหาวัคซีนป้องกันเชื้อ COVID-19 ให้ผู้บริการภาคคมนาคมขนส่ง พร้อมได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงคมนาคม แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อทำการสำรวจและรวบรวมจำนวนผู้ให้บริการระบบขนส่งสาธารณะทุกระบบสำหรับใช้เป็นข้อมูลประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยด่วนนั้น
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 พบผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทวีคูณและกระจายไปทุกจังหวัดอย่างรวดเร็ว กระทรวงคมนาคมในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบการให้บริการขนส่งผู้โดยสารสาธารณะทุกประเภท การปฏิบัติงานของบุคลากรของหน่วยงานในสังกัด โดยเฉพาะผู้ปฏิบัติหน้าที่ในงานแนวหน้า (Front Line) มีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อไวรัส COVID -19 และอาจเป็นเหตุของการแพร่กระจายเชื้อ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันและลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อจึงมอบให้หน่วยงานในสังกัดพิจารณาสำรวจจัดทำข้อมูลจำนวนบุคลากรในกลุ่มเสี่ยงสูงที่จำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนเป็นลำดับแรกดังนี้
- กลุ่มบุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่ในงานแนวหน้าและสัมผัสกับประชาชนผู้รับบริการโดยตรง เช่นบุคลากรที่ปฏิบัติงานที่ทำอากาศยาน ทำเรือโดยสาร สถานีขนส่งผู้โดยสาร สถานีรถไฟ สถานีรถไฟฟ้ารถโดยสารสาธารณะ ท่านเก็บเงินค่าผ่านทาง เป็นต้น
- บุคลากรภาคเอกชนที่ปฏิบัติงานเกี่ยวเนื่องกับหน่วยงาน เช่น พนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ พนักงานเก็บค่าโดยสาร พนักงานเก็บค่าผ่านทาง พนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่บนสายการบิน พนักงานอำนวยความสะดวก และบริการประชาชนประจำท่าอากาศยาน สถานีขนส่ง สถานีรถไฟ และท่าเรือ เป็นต้น
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมระบุว่า ได้มอบให้ นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ตั้งคณะทำงานขึ้นมาทำการรวบรวมและพิจารณาผู้ให้บริการในระบบขนส่งสาธารณะทุกระบบ ทั้งในส่วนของผู้บริการภาครัฐ และผู้ประกอบการภาคเอกชนทั้งหมดเป็นการเร่งด่วน เพื่อเสนอรัฐบาลพิจารณาจัดสรรการฉีดวัคซีนให้ผู้ให้บริการทุกคน เป็นลำดับถัดไป หลังจากฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ และบุคลากรอื่นที่สัมผัสใกล้ชิดกับประชาชน โดยกระทรวงฯจะเร่งแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อดำเนินการในเรื่องดังกล่าวต่อไป.-สำนักข่าวไทย