ผู้บริหาร ปตท.กักตัว หลังใกล้ชิดผู้ติดโควิด

กรุงเทพฯ 9 เม.ย.-กรรมการและผู้บริหาร บมจ.ปตท. 5 ราย กักตัว หลังใกล้ชิดผู้ติดโควิด-19 ยืนยันกับผู้ถือหุ้น มีแผนงานพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงทุกด้าน ลุย new business 6 ด้าน พัฒนาธุรกิจไฟฟ้า – อีวีครบวงจร

ในการประชุมผู้ถือหุ้น บมจ.ปตท.ในวันนี้ มีกรรมการและผู้บริหาร ใช้ระบบ VDO Conference เข้าร่วมประชุม หลังจากมีความใกล้ชิดผู้ติดโควิด-19 เช่น นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร กรรมการที่ให้การต้อนรับเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ที่ไปเยี่ยม วังจันทร์ วัลเลย์ จ.ระยอง นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ซีอีโอ) และระดับ รองฯอีก 3 ท่าน เนื่องจากมีการร่วมประชุมกับผู้บริหาร ปตท. ระดับรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ 1 ราย ที่ได้รับการยืนยันผลการตรวจจากแพทย์ ว่า ติดโควิด-19 เนื่องจากได้เข้าประชุมสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมกับผู้บริหารของ ส.อ.ท.ที่ได้รับการยืนยันติดเชื้อไปก่อนหน้านี้


นายอรรถพล กล่าวว่า ผลกระทบของโควิด-19 ในปี 2563 กระทบทั่วโลกและไทยที่ทำให้เศรษฐกิจติดลบ ราคาผลิตภัณฑ์ทั้งน้ำมัน ปิโตรเลียม ปิโตรเคมี และอื่นๆ ลดลง เช่น ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยเหลือเพียง 42.2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลจากปี 62 อยู่ที่ 63.5 เหรียญ/บาร์เรล ส่งผลต่อผลดำเนินการของ ปตท.ทำให้กำไรสุทธิลดลง ร้อยละ 59 เหลือ 37,766 ล้านบาท ซึ่ง ปตท.ได้มีการตั้งทีมปรับแผนดำเนินงานทุกด้าน ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และแสวงหาโอกาสการลงทุน ใช้พลังร่วมในทุกๆด้านของเพื่อทำธุรกิจที่ยั่งยืนร่วมกัน และไม่เป็นการแข่งขันกันเอง โดยในแง่การแสวงหาแหล่งเงินทุนเพื่อเสริมสภาพคล่อง และเตรียมพร้อมแผนลงทุนระยะยาวปี 63 ทางบริษัทได้จัดหาวงเงินทุนระยะสั้น 87,000 ล้านบาท และระยะยาว 166,600 ล้านบาท มีการเพิ่มประสิทธิภาพลดรายจ่ายทั้งกลุ่มรวม 39,000 ล้านบาท ปรับปรุงบริหารห่วงโซ่อุปทานทั้งกลุ่ม ปตท. สร้างมูลค่าเพิ่มกว่า 2,400 ล้านบาท รวมทั้งลดผลกระทบต่อลูกค้าโดยขยายเครดิดแก่ลูกหนี้การค้า 1,660 ล้านบาท ในขณะที่การสร้างความมั่นคงและการลงทุนระบบโลจิสติกส์ ทางบริษัทกับพันธมิตรผู้ร่วมทุนก็ร่วมดำเนินโครงการระยะที่ 3 ของทั้งโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือแอลเอ็นจี มาบตาพุด และท่าเทียบเรือตู้สินค้าแหลมฉบัง เป็นต้น

สำหรับการลงทุนในอนาคตนั้น ได้วางกลยุทธ์ใหม่ “ขับเคลื่อนทุกชีวิตด้วยพลังแห่งอนาคต (powering life with Future Energy and Beyond) ” พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเป็นโรคอุบัติใหม่ การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เทรนด์ของโลกทุกด้าน ด้วยแผนงานด้านธุรกิจใหม่ (New Business และ New energy) เดินหน้าด้วยพลังร่วมของบริษัทในเครือ ตั้งเป้าปรับพอร์ตใน 6 ธุรกิจ ได้แก่
1.พลังงานอนาคต โดยกำหนดเป้าหมายมีพอร์ตพลังงานประเภท ฟอสซิลหรือ Conventional และพลังงานทดแทน ประเภทละ 8 พันเมกะวัตต์ ในปี 2573 ,กลุ่ม ปตท. ยังเป็นตัวกลางซื้อขายพลังงานทดแทนให้ เจ้าของ โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ให้กับผู้ประกอบการต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทย เป็นแพลทฟอร์ม บริการด้านธุรกิจที่ต้องการใช้พลังงานสะอาดและลดการลดโลกร้อน, การลุนในธุรกิจแบตเตอรี่ และยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี แบบครบวงจร


  1. ธุรกิจด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพ หรือ LIFE SCIENCE เน้น ธุรกิจด้านยา อาหารเสริม และเครื่องมือทางการแพทย์ เพื่อต่อยอด อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและพลาสติกของในเครือ เบื้องต้นในจัดตั้งบริษัทอินโนบิก มาดำเนินธุรกิจด้านยาก
    3.โมบิลิตี้ ไลฟ์สไตล์ ที่จะตอบสองต่อยุคดิจิทัล ที่ต้องการข้อมูลที่เข้าถึงได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว โดยธุรกิจนี้ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ จะเป็นผู้ดำเนินการหลักทั้งระบบออนไลน์และออฟไลน์
  2. High Value Business การปรับต้ว การร่วมทุนไปสู่การผลิตปิโตรเคมีเกรดพิเศษเพิ่มขึ้น
  3. Logistics & Infrastructure ร่วมผลักดันประเทศให้มีโลจิสติกส์ที่ดีขึ้น ซึ่งนอกจาก ปตท.จะร่วมทุนลงทุนในโครงการมาบตาพุดเฟส 3 และท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 แล้วยังศึกษาด้านระบบโลจิสติกส์ทางน้ำ และระบบรางอีกด้วย
  4. AI & Robotics Digitalization กลุ่ม ปตท. ศึกษาด้านนี้ การพัฒนาหุ้นยนต์ โดรนมาใช้ในธุรกิจ และยังร่วมมือกับพันธมิตร เช่น ไมโคซอฟท์ ทำระบบคลาวด์ โซลูชั่น การใช้ดิจิทัลในการ คาดการณ์ ซ่อมบำรุง เครื่องจักรจัดตั้งกองทุน (Corporate Venture Capital หรือ CVC) เข้าไปลงทุนผ่านกองทุนฯในต่างประเทศต่างๆ รวมถึงในประเทศที่จะเข้าไปลงทุนในสตาร์ทอัพ รวมถึง ปตท.ได้ตั้งทีมงานส่งเข้าไปประกบกองทุนต่างๆ เพื่อมองหาโอกาสเข้าไปลงทุนตรงในสตาร์ทอัพด้วย ซึ่งปัจจุบันเข้าไปลงทุนในหลายบริษัทแล้ว เช่น บริษัทที่มีเทคโนโลยี Solar Tracker ที่ทำให้แผงโซลาร์หมุนเปลี่ยนทิศทางตามดวงอาทิตย์ ก็เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้า

“กลุ่ม ปตท.จัดตั้ง ทีม EV Value Chain เพื่อเข้าไปดูการลงทุน EV แบบครบวงจร การตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ G-Cell ที่ใช้เทคโนโลยี Semi Solid จัดตั้งบริษัท SWAP & GO เป็นธุรกิจเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้กับมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้า ตั้งบริษัท ออน-ไอออน โซลูชั่นส์ จำกัด (On-I on Solutions) การพัฒนา EV Changer Platform และโออาร์ มีแผนจะก่อสร้างสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Charging Station) ในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station เพิ่มอีก 100 แห่ง กระจายทั่วประเทศบริเวณหัวเมืองหลักในแต่ละจังหวัด ในรูปแบบชาร์จเร่งด่วน Quick Charge และจะมีด้านอื่นๆพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง”นายอรรถพลระบุ

ส่วนการลงทุนเมียนมาในกลุ่มของ ปตท. ในส่วนของธุรกิจการขุดเจาะสำรวจปิโตรเลียม ยังคงผลิตได้ตามปกติ แต่กลุ่มได้จัดตั้งทีมงานเฉพาะและเตรียมแผนดูแล เกาะติด เตรียมสำรองแผนไว้ เช่นกรณีหากเมียนมาถูกแซงชั่นหรือคว่ำบาตร ก็จะมีแผนสำรองด้านต่างๆมารองรับ ส่วนการลงทุนของโออาร์ในเมียนมา ก็ต้องชะลอดูสถานการณ์ไปก่อน ในโครงการก่อสร้างก่อสร้างคลังน้ำมันแอลพีจีที่มีความคืบหน้าร้อยละ 60

นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ ปตท. กล่าวว่า กรณีเหตุการณ์ท่อส่งก๊าซธรรมชาติของ ปตท.รั่ว เกิดระเบิดไฟลุกไหม้ที่ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ในช่วงเดือนต.ค.2563 นั้น ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ทางปตท.ได้จัดทำประกันภัยไว้รองรับ โดยในส่วนของประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่3 มีวงเงินประมาณ 1,500 ล้านบาท และยังมีประกันภัยซ่อมแซมความเสียหายส่วนต่าง รวมเป็นวงเงินประกันภัยที่ครอบคลุมความเสียหายทั้งหมดกว่า 50,000 ล้านบาท โดย ปตท.ได้ใช้เงินเข้าไปเยียวยาความเสียหายใน 3 ส่วนแล้ว คือ 1.บุคคลที่ไม่รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ได้ชดเชยแล้ว 41 ล้านบาท 2.บ้านอยู่อาศัย ได้ชดเชยแล้ว 61 ล้านบาท และ3.รถยนต์และยานพาหนะ ชดเชยแล้ว 10 ล้านบาท รวมเป็นเงินเยียวยาความเสียหาย 112 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

EOD ลุยค้นหาจรวด หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง

13 ส.ค. – EOD ลุยค้นหา-เก็บกู้จรวดในพื้นที่บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง ขณะที่คณะ ICRC ลงพื้นที่เก็บข้อมูลผลกระทบเหตุปะทะ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD ลงพื้นที่ตรวจสอบไร่ยางพาราของชาวบ้านและอีกหลายจุด ในเขต ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบหลุมต้องสงสัยอยู่ในที่ดินของตัวเอง จากการตรวจสอบพบสะเก็ดระเบิด และอีกหลายจุดพบเป็นหลุมคล้ายหลุมจรวด BM21 ที่ตกลงมา เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และต้องใช้ความระมัดระวัง ขณะที่ชาวบ้านที่เพิ่งเข้ามาอยู่บ้าน ยังไม่มั่นใจกับสถานการณ์ โดยเฉพาะหลังมีทหารเหยียบทุ่นระเบิดเป็นรายที่ 5 EOD เร่งตรวจสอบ–กู้ระเบิดกระสุนปืนใหญ่ชายแดน ส่วนที่ศรีสะเกษเจ้าหน้าที่ EOD สนธิกำลัง ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีพบกระสุนปืนใหญ่ตกในเขต ต.เสาธงชัย และ ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดน เบื้องต้นพบ 7 จุด บริเวณสวนยางพาราและใกล้เขตชุมชน โดยส่วนใหญ่เป็นลูกกระสุนปืนใหญ่ขนาด 100 มิลลิเมตร เจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดตรวจพิสูจน์ พบว่าหลายลูกระเบิดไปแล้ว เหลือเพียงเศษซาก และยังพบอีก 1 จุดในพื้น […]

อึ้งพระอยู่กับสีกา เปิดบนรถเจอกองทิชชูใช้แล้ว

สกลนคร 13 ส.ค. – วงการผ้าเหลืองฉาวอีก ตำรวจตรวจรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง พบพระกับสีกาอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 คุยไปคุยมา สุดท้ายไปจบที่ลาสิกขา หลังตำรวจ สภ.ขมิ้น จ.สกลนคร ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พบรถเก๋งต้องสงสัยสีดำ จอดผิดปกติบริเวณ ริมคลอง บ.พาน ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.สกลนคร เมื่อเข้าไปตรวจสอบ ตำรวจต้องอึ้ง เมื่อเจอพระอยู่กับสีกา 2 ต่อ 2 ในรถ ต่อมาทราบว่า คือ พระชัยณรงค์ อายุ 53 ปี สังกัด วัดแห่งหนึ่ง อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ จึงเชิญตัวไปยังวัดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อทำพิธีลาสิกขา และนำตัวมาตรวจปัสสาวะ ผลไม่พบสารเสพติด แต่รถที่พระเเละสีกาดังกล่าวอยู่ด้วยกัน พบเป็นรถที่ถูกสวมทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ คืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง สภ.ขมิ้น พบรถเก๋งคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณสถานที่เก็บของกลาง กระจกด้านข้างและด้านหลังติดฟิล์มดำสนิท แต่ด้านหน้าฟิล์มใสมองเห็นถึงภายใน ที่เบาะนั่งข้างคนขับ ยังพบกองจีวรของทิดชัยณรงค์ […]

สถานการณ์ชายแดนสุ่มเสี่ยงปะทะรอบ 2

สุรินทร์ 13 ส.ค. – กระแสข่าวจากหลายฝ่ายยืนยันตรงกันว่าระยะ 2 วันนี้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเพิ่มความตึงเครียด สุ่มเสี่ยงที่จะมีการปะทะรอบ 2 ฝ่ายปกครอง จ.สุรินทร์ จึงแจ้งเตือนไปยังกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ให้ลูกบ้านเตรียมพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉิน ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ ในหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือน พบว่า หลายครอบครัวเพิ่งกลับเข้าพื้นที่ 1-2 วัน หลังอพยพหนีภัยการสู้รบในห้วงวันที่ 24 – 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ได้รับข่าวไม่สู้ดีนัก เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง แจ้งให้เตรียมความพร้อม เก็บสัมภาระไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงการปะทะ รอบ 2 ซึ่งอาจรุนแรงมากกว่ารอบแรก ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างตื่นตระหนก ต้องการอพยพไปอยู่นอกพื้นที่ แต่เมื่อผู้นำหมู่บ้านทำความเข้าใจ ก็คลายความกังวลลงบ้าง โดยสื่อสารข้อความจากนายอำเภอพนมดงรักว่า รอให้มีเสียงปะทะกันเกิดขึ้นก่อน จึงให้อพยพ ซึ่งชาวบ้านก็เชื่อฟัง เพราะส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะอพยพไปที่ไหน เพราะยังไม่มีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะที่หญิงคนหนึ่งติดอยู่ในพื้นที่สู้รบ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือนตลอดห้าวัน เพราะเป็นห่วงวัวที่เลี้ยงไว้ จึงอาศัยอยู่ในกระต๊อบพร้อมญาติรวมสี่คน และประเมินสถานการณ์ว่า น่าจะปลอดภัย เพราะวิถีกระสุนไปตกไกลกว่า จึงได้ยินเสียงปะทะอย่างชัดเจน […]

คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำ ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัว

มุกดาหาร 13 ส.ค.- คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา หลังศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุก 26 ปี คดีน้องชมพู่ จากกรณีศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาเพิ่มโทษให้จำคุก “ลุงพล” 26 ปี ฐานเจตนาฆ่าเด็ก พรากผู้เยาว์ และอำพรางศพ ขณะที่ “ป้าแต๋น” พิพากษายืนยกฟ้อง ในคดีฆาตกรรม น้องชมพู่ ทั้งนี้ภายหลัง ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ “ลุงพล” ได้ยื่นขอประกันตัว โดยศาลจังหวัดมุกดาหาร เสนอไปยังศาลฎีกา ล่าสุด ช่วงเย็นที่ผ่านมา ศาลฎีกายังไม่มีคำตอบลงมาว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ ทำให้ “ลุงพล” ถูกคุมตัวไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา ย้อนไปคดีนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 น้องชมพู่ วัย 3 ขวบ หายไปจากบ้านพักภาย ในหมู่บ้านกกกอก ทำให้ชาวบ้านมากกว่า 200 ชีวิต รวมถึง ตัวลุงพล ช่วยกันออกตามหา […]