ไทยออยล์พร้อมเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันเครื่องบินรองรับเปิดประเทศ

กรุงเทพฯ  1 เม.ย.-บมจ.ไทยออยล์พร้อมเพิ่มกำลังกลั่นน้ำมันเครื่องบินรองรับแผนเปิดประเทศ ด้านธุรกิจมุ่งสู่องค์กร 100 ปี ทำ 3 แผนหลักปรับพอร์ตกำไรธุรกิจน้ำมันเหลือร้อยละ 40 ใน10 ปีข้างหน้า ลุยหาพันธมิตรร่วมทุนทั้งในและต่างประเทศด้านโอเลฟินส์ รองรับ CFP  


นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) กล่าวว่า บมจ.ไทยออยล์พร้อมเพิ่มกำลังกลั่นน้ำมันเครื่องบิน ส่งเสริมนโยบายเปิดประเทศที่จะทยอยเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนนี้ โดยปีที่แล้วจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ทางไทยออยล์เป็นเพียงโรงกลั่นเดียวที่ยังคงกลั่นน้ำมันเครื่องบิน แต่ก็ลดกำลังกลั่นจากร้อยละ 20 เหลือร้อยละ 10 ของกำลังกลั่นไทยออยล์ 275,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งเชื่อว่า นับจากนี้ การใช้น้ำมันในประเทศน่าจะขยายตัวดีขึ้น

ส่วนราคาน้ำมันที่ขยับสูงขึ้นมากในไตรมาส 1 ปีนี้ คงต้องจับตาดูว่า ประเทศต่าง ๆ จะเปิดประเทศได้มากน้อยเพียงใด หลังวัคซีนออกมาเพิ่มขึ้น ซึ่งล่าสุดการที่ยุโรปหลายประเทศล็อกดาวน์อยู่ก็ทำให้ผู้ผลิตน้ำมันเช่น โอเปกพลัส   คาดการณ์อุปสงค์น้ำมันปรับเพิ่มขึ้น 5.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2564 ลดลงจากคาดการณ์ในครั้งก่อน  300,000 บาร์เรลต่อวัน 


ส่วนโครงการพลังงานสะอาด(CFP) ที่ ไทยออยล์ปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นและขยายกำลังการกลั่นน้ำมันจากเดิม 275,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 400,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 2566  ขณะนี้มีความคืบหน้าแล้วร้อยละ 60 โดยยอมรับว่าในช่วงโควิด-19 ปีที่แล้วโครงการล่าช้ากว่าแผนเล็กน้อย เนื่องจากมีการสั่งซื้อชิ้นส่วนทั่วโลก ทำให้เกิดปัญหาการส่งมอบล่าช้าบ้างในขณะนี้ก็เร่งงานให้เป็นไปตามกำหนด โดยโครงการนี้ลงทุนรวม 150,000 ล้านบาท และมีการจ้างงานในพื้นที่ 15,000 คน หากรวมกับการจ้างงานของพนักงานรับช่วงและซัพพลายเออร์ต่างๆแล้วคาดว่าจะมีการจ้างงานรวม 50,000 คนช่วยเศรษฐกิจของประเทศ

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะเดินหน้าโครงการ Beyond CFP เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ ต่อยอดจาก CFP เพราะจะมีผลพลอยได้เป็นวัตถุดิบ (feedstock) เพิ่มขึ้นประมาณ 2.2 ล้านตันต่อปี แบ่งเป็นก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) ประมาณ 600,000 ตัน Light naphtha ประมาณ 700,000 ตันต่อปี ใช้เป็นวัตถุดิบในสายโอเลฟินส์ และ Heavy naphtha ประมาณ 900,000ตันต่อปี จะใช้เป็นวัตถุดิบในสายอะโรเมติกส์ โดยไทยออยล์กำลังเจรจากับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศเพื่อร่วมทุนในการผลิตแทนที่จะต้องก่อสร้างโรงงานโอเลฟินส์ใหม่ ที่ต้องใช้เวลานาน โดยสร้างซีเอฟพีเสร็จอีก  2 ปี  หากลงทุนโรงโอเลฟินส์ใหม่ ต้องใช้เวลาอีก 4-5 ปี รวมใช้เวลา  7-8 ปีหลังจากนี้ ดังนั้น หากเข้าไปร่วมทุนกับผู้ที่มีโรงงานอยู่แล้วก็จะได้ผลตอบแทนรวดเร็วที่เรียกว่า   ได้ fast track  ส่วนสายอะโรเมติกส์ ไทยออยล์มีโรงงาน ไทยพาราไซลีนอยู่แล้วก็จะมีการศึกษาเรื่องการขยายขนาดกำลังการผลิตให้เหมาะสมต่อไป   ซึ่งบริษัทก็เตรียมพร้อมด้านการเงิน โดยมีกระแสเงินสดอยู่ที่ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 60,000 ล้านบาทซึ่งเตรียมไว้สำหรับ CFP และการลงทุนใหม่

 “นโยบายของไทยออยล์ คือจะ fast track  ร่วมทุนสายโอเลฟินส์ ทั้งภายในกลุ่ม ปตท. และนอกกลุ่ม ทั้งในและต่างประเทศ  โดยเฉพาะในประเทศที่มีความต้องการใช้(ดีมานด์)    เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม คาดว่าจะสรุปความชัดเจนในการเลือกพันธมิตรร่วมลงทุนได้เร็วสุดภายในปีนี้  ซึ่งจากวิกฤติ โควิด-19 หลายคนที่ลงทุนก่อสร้างโรงงานโอเลฟินส์ที่ต่างประเทศก็อยากจะหาพาร์ทเนอร์และเงินลงทุนก็น้อยกว่าปกติ ฉะนั้นเรามองว่าเป็นช่วงเวลาที่วิกฤตเป็นโอกาส” นายวิรัตน์ กล่าว


นายวิรัตน์  กล่าวอีกว่าไทยออยล์ครบรอบ 60 ปีในปีนี้จากกำลังกลั่นเริ่มต้นปี 2504 เพียง 35,000 บาร์เรลต่อวัน  ขณะนี้ 275,000 บาร์เรลต่อวัน   เมื่อ CFP แล้วเสร็จปี 2566  จะเพิ่มเป็น 400,000 บาร์เรลต่อวัน ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นด้านการกลั่น รับน้ำมันดิบที่หลากหลายและวาง 3 กลยุทธ์หลัก พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อมุ่งสู่องค์กร 100 ปีและตั้งเป้าพอร์ตกำไรใน 10 ปีข้างหน้า จะประกอบไปด้วย ธุรกิจปิโตรเคมี ร้อยละ 40 ธุรกิจการกลั่นร้อยละ 40 ธุรกิจไฟฟ้าร้อยละ 15 และ ธุรกิจใหม่ ร้อยละ  5

 สำหรับ 3 กลยุทธ์ หลักได้แก่  1. การต่อยอดห่วงโซ่คุณค่าให้แก่ทุกโมเลกุลที่ผลิต (Hydrocarbon Value Chain Maximization) เร่งหาโอกาสลงทุนในธุรกิจปิโตรเคมีต่อยอด จากโครงการ CFP  มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง (High-value Products) เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและลูกค้า 2. การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานและสร้างแพลตฟอร์มสำหรับการเติบโต (Supply Chain Management as a Growth Platform) เพื่อสร้าง Platform สำหรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคตทั้งในประเทศและผ่านบริษัทในกลุ่มที่ตั้งอยู่ที่ต่างประเทศ  เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากโครงการ CFP  3. การกระจายความเติบโตเพื่อลดความผันผวนของกำไร (Earnings Diversification)  ไปยังธุรกิจที่มีรายได้ที่มั่นคง รวมถึงธุรกิจใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือธุรกิจใหม่เชิงนวัตกรรมที่สอดคล้องกับแนวโน้มในอนาคต (New S Curve) เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้พอร์ตการลงทุนและเพิ่มเสถียรภาพของกำไร รองรับความผันผวนจากธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี  ซึ่งขณะนี้มีการจัดตั้งกองทุนร่วมทุน  30 ล้านเหรียญสหรัฐ ลงทุนในสตาร์ทอัพ ซึ่งในขณะนี้ร่วมทุนแล้วในสหรัฐและอิสราเอล

ส่วนการขยายธุรกิจด้านไฟฟ้า พอร์ตจะเติบโตไปพร้อมกับบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จํากัด (มหาชน) หรือ GPSC ที่ไทยออยล์ ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 20 ปัจจุบันไทยออยล์มีพอร์ตไฟฟ้ารวม 1,000 เมกะวัตต์  นอกจากนี้ บริษัทยังมองหาโอกาสในธุรกิจใหม่(New Business) ตั้งเป้าหมายจะมีกำไร 5% ของพอร์ตธุรกิจ จะมุ่งไปใน 2 ด้าน คือ Green Business เช่น การที่บริษัทได้เข้าไปลงทุนในธุรกิจเอทานอลในทรัพย์ทิพย์และอุบลไบโอเอทานอล  ซึ่งพันธมิตรทั้ง 2รายยังมีแผนต่อยอดการเติบโตธุรกิจเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และยังมองโอกาสเข้าร่วมลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก(โครงการนำร่อง)อีกด้วย  -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

พายุ “หวู่ติบ” ไม่เข้าไทย แต่เสริมมรสุม ฝนเพิ่ม คลื่นแรง เตือนระวังน้ำหลาก

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.-ไทยมีฝนตกเพิ่ม โดยพายุ​ “หวู่ติบ” จะส่งอิทธิพลให้ร่องมรสุมพาดผ่านและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุฯ เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัยน้ำหลากและคลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิด นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 12–13 มิถุนายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา จันทบุรี และตราด ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของประเทศ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรง กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้ง​เตือน​ว่า พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะไหหลำของจีนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย.68 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แม้ศูนย์กลางพายุจะไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่พายุนี้เป็นอีกปัจจัยที่เสริมให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก คลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนสูง 2–3 เมตร และในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจสูงมากกว่า 3 […]

ผลแล็บพบข้าวมันไก่ติดเชื้อ ทำครู-นร.ท้องเสีย 23 คน

ปราจีนบุรี 12 มิ.ย. – แม่ค้ามือเป็นแผล! ครู-นักเรียน กินข้าวมันไก่ ท้องเสียยกชั้น หามส่ง รพ. แพทย์ชี้ชัดผลแล็บ พบเชื้อสตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ต้นเหตุทำอาหารเป็นพิษ จากกรณีที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จ.ปราจีนบุรี ต้องระดมทั้งรถตู้โรงเรียน และรถฉุกเฉิน เร่งนำตัวนักเรียนและคุณครู ส่งโรงพยาบาล จำนวน 23 คน หลังทุกคนกินข้าวมันไก่ในช่วงพักกลางวัน พอตกบ่ายก็มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน บางรายเป็นไข้หนาวสั่น คาดสาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งรักษาอาการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร รวม 16 คน (นักเรียน 15 คน ครู 1 คน) เบื้องต้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วบางส่วนเหลือคุณครูที่ต้องดูอาการเนื่องจากมีอาการช็อก ส่วนนักเรียน ยังคงต้องดูอาการอีก 9 คน ซึ่งคาดว่าแพทย์น่าจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ภายในวันนี้ ส่วนที่ รพ.ค่ายจักรพงษ์ มีจำนวน 7 คน (เป็นนักเรียนทั้งหมด) เบื้องต้น […]

หลุดภาพ​ “ชาดา-สันติ-​นายกด๊อยซ์” สะพัดขน 6 สส. ​ซบ ​“ภท.”

กทม. 11​ มิ.ย. – “ชาดา-สันติ-นายกด๊อยซ์” ร่วมวงกินข้าว หลังสะพัดขน “6 สส.มะขามหวาน” เด็กลุงป้อม ย้ายซบ “ภูมิใจไทย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 แต่งตั้ง นางจิตรา หมีทอง ซึ่งเป็นทีมงานนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำ 6 สส. เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และ รมว.มหาดไทย ล่าสุดช่วงเย็น วันที่ 11 มิ.ย. ได้ปรากฏภาพนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้รับประทานอาหารเย็น ร่วมกับ นายสันติ และ นายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง […]

ข่าวแนะนำ

กัมพูชาสั่งแบนหนัง-ละครไทย

พนมเปญ 13 มิ.ย. – เว็บไวต์ขแมร์ไทม์ส ของกัมพูชารายงานว่า นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภา เรียกร้องให้สถานีโทรทัศน์กัมพูชายกเลิกการออกอากาศละครไทย เลิกฉายหนังไทย และอาจจะยกเลิกการนำเข้าสินค้าจากไทยด้วยเพื่อรักษาอธิปไตยและศักดิ์ศรีของประเทศในยามที่เผชิญแรงกดดัน กระทรวงข่าวสารกัมพูชาได้ออกหนังสือถึงเจ้าของสถานีโทรทัศน์ทุกแห่งแจ้งให้ทราบว่าตั้งแต่เวลา 12.00 น. ของวันที่ 12 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป ทุกสถานีของกัมพูชาต้องงดออกอากาศภาพยนตร์ไทยทุกประเภทเพื่อความเหมาะสมของสถานการณ์และรักษาความมั่นคงของชาติ นอกจากนี้กระทรวงศิลปะและวัฒนธรรมกัมพูชายังออกประกาศแจ้งเตือนให้ระงับการฉายและห้ามนำเข้าภาพยนตร์ไทยทุกประเภทในกัมพูชาตั้งแต่ 12 นาฬิกาวันนี้เป็นต้นไป.-816.-สำนักข่าวไทย

 อิสราเอลระบุเปิดฉากโจมตีอิหร่าน

เยรูซาเล็ม 13 มิ.ย. – กองกำลังอิสราเอลเปิดฉากโจมตีเป้าหมายด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน เพื่อขัดขวางมิให้อิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ สื่อของอิหร่านและผู้เห็นเหตุการณ์รายงานว่า เกิดเหตุระเบิดหลายครั้งที่โรงงานเพิ่มสมรรถนะแร่ยูเรเนียม อิสราเอลเรียกปฏิบัติการโจมตีนี้ว่า “สิงห์ผงาด” (Rising Lion) โดยระบุว่าการโจมตียังพุ่งเป้าไปที่บรรดาผู้บัญชาการของอิหร่านและโรงงานผลิตขีปนาวุธ พร้อมกันนั้น อิสราเอลได้ประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อเตรียมรับมือกับการโจมตีตอบโต้ด้วยขีปนาวุธและโดรนจากเตหะราน นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ได้กล่าวผ่านข้อความวิดีโอที่บันทึกไว้ว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ชี้ขาดในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล นายเนทันยาฮูเขากล่าวด้วยว่า อิสราเอลเล็งเป้าโจมตีไปที่นักวิทยาศาสตร์ที่กำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ โครงการขีปนาวุธนำวิถี และโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมที่เมืองนาทานซ์ (Natanz) ในปฏิบัติการที่จะดำเนินต่อไปอีกหลายวัน เจ้าหน้าที่กองทัพอิสราเอลกล่าวว่า อิสราเอลกำลังโจมตีเป้าหมายทางนิวเคลียร์และทางทหาร ‘หลายสิบแห่ง’ โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าอิหร่านมีวัสดุเพียงพอที่จะสร้างระเบิดนิวเคลียร์ได้ถึง 15 ลูกภายในไม่กี่วัน มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า อิสราเอลได้ดำเนินการฝ่ายเดียวเนื่องจากเชื่อว่าปฏิบัติการดังกล่าวมีความจำเป็นสำหรับการป้องกันตนเอง พร้อมกับย้ำว่า สหรัฐไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปฎิบัติการครั้งนี้ของอิสราเอล ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นกว่า 3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจากข่าวนี้.-813.-สำนักข่าวไทย

“ทนายวิญญัติ” รอศาลกำหนดแนวทางพิจารณา

ศาลฎีกาฯ 13 มิ.ย.-“ทักษิณ” ไม่มาศาลฎีกา​ “ทนายวิญญัติ” รอศาลกำหนดแนวทางพิจารณา นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี​ เดินทางมาที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองประมาณ 8.30 น. พร้อมทีมทนาย 4-5 คน โดยไม่ปรากฏนายทักษิณ เดินทางมาศาลแต่อย่างใด นายวิญญัติ เปิดเผยถึงกรณีศาลฯได้นัดไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้นายทักษิณ ได้รับการเข้ารักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ วันนี้ว่า​ เป็นการนัดของศาลฎีกาฯ เพื่อจะดำเนินการกระบวนการไต่สวน​ ซึ่งต้องรอดู ตนในฐานะทนายความผู้รับมอบอำนาจของนายทักษิณ​ มาทำหน้าที่ ซึ่งเป็นเรื่องที่เห็นว่า กระบวนการพิจารณาคดีจากนี้ไป จะกำหนดหรือวางแนวทางอย่างไร ยังไม่สามารถตอบได้ ส่วนเรื่องรายละเอียดต่างๆ ขอให้สัมภาษณ​์หลังจากที่เสร็จกระบวนการก่อน เนื่องจากว่ายังไม่ทราบ ว่าจะมีกระบวนการอย่างไรบ้าง ทั้งนี้การเป็นทนายความมาพอจะคาดเดาได้ ส่วนในคดีนี้มีโอกาสที่นายทักษิณจะมาหรือไม่​ นายวิญญัติ​ กล่าวว่ายังตอบไม่ได้ และการพิจารณาวันนี้ไม่น่านาน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ ต้องดูว่า เราจะทำคำชี้แจงอย่างไร และหน่วยงานต่างๆ บุคคลที่ได้รับหมายได้ยื่นคำชี้แจงมาหรือไม่ ต้องมาดูว่ามีใครยื่นมาบ้าง หลังจากนั้นศาลจะให้โอกาสทุกฝ่าย ในการชี้แจง.-319​.-สำนักข่าวไทย

เครื่องบินตกอินเดีย

นายกฯ แสดงความเสียใจเครื่องบินตกที่อินเดีย

กทม. 13 มิ.ย.-นายกฯ แสดงความเสียใจโศกนาฏกรรมเครื่องบินตกที่เมืองอาเมดาบัด นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความเมื่อคืนที่ผ่านมา แสดงความรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อโศกนาฏกรรมเครื่องบินตกที่เมืองอาเมดาบัด ในนามของประชาชนและรัฐบาลไทย ขอแสดงความเสียใจไปยังท่านนายกรัฐมนตรีโมที @NarendraModi และผู้ที่ประสบความสูญเสียจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้ I am deeply saddened by the tragic plane crash in Ahmedabad earlier today. On behalf of the people and Government of Thailand, I extend our heartfelt condolences to PM @NarendraModi and all those who suffered loss in this tragedy.-314.-สำนักข่าวไทย