ไทยออยล์พร้อมเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันเครื่องบินรองรับเปิดประเทศ

กรุงเทพฯ  1 เม.ย.-บมจ.ไทยออยล์พร้อมเพิ่มกำลังกลั่นน้ำมันเครื่องบินรองรับแผนเปิดประเทศ ด้านธุรกิจมุ่งสู่องค์กร 100 ปี ทำ 3 แผนหลักปรับพอร์ตกำไรธุรกิจน้ำมันเหลือร้อยละ 40 ใน10 ปีข้างหน้า ลุยหาพันธมิตรร่วมทุนทั้งในและต่างประเทศด้านโอเลฟินส์ รองรับ CFP  


นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) กล่าวว่า บมจ.ไทยออยล์พร้อมเพิ่มกำลังกลั่นน้ำมันเครื่องบิน ส่งเสริมนโยบายเปิดประเทศที่จะทยอยเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนนี้ โดยปีที่แล้วจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ทางไทยออยล์เป็นเพียงโรงกลั่นเดียวที่ยังคงกลั่นน้ำมันเครื่องบิน แต่ก็ลดกำลังกลั่นจากร้อยละ 20 เหลือร้อยละ 10 ของกำลังกลั่นไทยออยล์ 275,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งเชื่อว่า นับจากนี้ การใช้น้ำมันในประเทศน่าจะขยายตัวดีขึ้น

ส่วนราคาน้ำมันที่ขยับสูงขึ้นมากในไตรมาส 1 ปีนี้ คงต้องจับตาดูว่า ประเทศต่าง ๆ จะเปิดประเทศได้มากน้อยเพียงใด หลังวัคซีนออกมาเพิ่มขึ้น ซึ่งล่าสุดการที่ยุโรปหลายประเทศล็อกดาวน์อยู่ก็ทำให้ผู้ผลิตน้ำมันเช่น โอเปกพลัส   คาดการณ์อุปสงค์น้ำมันปรับเพิ่มขึ้น 5.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2564 ลดลงจากคาดการณ์ในครั้งก่อน  300,000 บาร์เรลต่อวัน 


ส่วนโครงการพลังงานสะอาด(CFP) ที่ ไทยออยล์ปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นและขยายกำลังการกลั่นน้ำมันจากเดิม 275,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 400,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 2566  ขณะนี้มีความคืบหน้าแล้วร้อยละ 60 โดยยอมรับว่าในช่วงโควิด-19 ปีที่แล้วโครงการล่าช้ากว่าแผนเล็กน้อย เนื่องจากมีการสั่งซื้อชิ้นส่วนทั่วโลก ทำให้เกิดปัญหาการส่งมอบล่าช้าบ้างในขณะนี้ก็เร่งงานให้เป็นไปตามกำหนด โดยโครงการนี้ลงทุนรวม 150,000 ล้านบาท และมีการจ้างงานในพื้นที่ 15,000 คน หากรวมกับการจ้างงานของพนักงานรับช่วงและซัพพลายเออร์ต่างๆแล้วคาดว่าจะมีการจ้างงานรวม 50,000 คนช่วยเศรษฐกิจของประเทศ

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะเดินหน้าโครงการ Beyond CFP เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ ต่อยอดจาก CFP เพราะจะมีผลพลอยได้เป็นวัตถุดิบ (feedstock) เพิ่มขึ้นประมาณ 2.2 ล้านตันต่อปี แบ่งเป็นก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) ประมาณ 600,000 ตัน Light naphtha ประมาณ 700,000 ตันต่อปี ใช้เป็นวัตถุดิบในสายโอเลฟินส์ และ Heavy naphtha ประมาณ 900,000ตันต่อปี จะใช้เป็นวัตถุดิบในสายอะโรเมติกส์ โดยไทยออยล์กำลังเจรจากับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศเพื่อร่วมทุนในการผลิตแทนที่จะต้องก่อสร้างโรงงานโอเลฟินส์ใหม่ ที่ต้องใช้เวลานาน โดยสร้างซีเอฟพีเสร็จอีก  2 ปี  หากลงทุนโรงโอเลฟินส์ใหม่ ต้องใช้เวลาอีก 4-5 ปี รวมใช้เวลา  7-8 ปีหลังจากนี้ ดังนั้น หากเข้าไปร่วมทุนกับผู้ที่มีโรงงานอยู่แล้วก็จะได้ผลตอบแทนรวดเร็วที่เรียกว่า   ได้ fast track  ส่วนสายอะโรเมติกส์ ไทยออยล์มีโรงงาน ไทยพาราไซลีนอยู่แล้วก็จะมีการศึกษาเรื่องการขยายขนาดกำลังการผลิตให้เหมาะสมต่อไป   ซึ่งบริษัทก็เตรียมพร้อมด้านการเงิน โดยมีกระแสเงินสดอยู่ที่ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 60,000 ล้านบาทซึ่งเตรียมไว้สำหรับ CFP และการลงทุนใหม่

 “นโยบายของไทยออยล์ คือจะ fast track  ร่วมทุนสายโอเลฟินส์ ทั้งภายในกลุ่ม ปตท. และนอกกลุ่ม ทั้งในและต่างประเทศ  โดยเฉพาะในประเทศที่มีความต้องการใช้(ดีมานด์)    เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม คาดว่าจะสรุปความชัดเจนในการเลือกพันธมิตรร่วมลงทุนได้เร็วสุดภายในปีนี้  ซึ่งจากวิกฤติ โควิด-19 หลายคนที่ลงทุนก่อสร้างโรงงานโอเลฟินส์ที่ต่างประเทศก็อยากจะหาพาร์ทเนอร์และเงินลงทุนก็น้อยกว่าปกติ ฉะนั้นเรามองว่าเป็นช่วงเวลาที่วิกฤตเป็นโอกาส” นายวิรัตน์ กล่าว


นายวิรัตน์  กล่าวอีกว่าไทยออยล์ครบรอบ 60 ปีในปีนี้จากกำลังกลั่นเริ่มต้นปี 2504 เพียง 35,000 บาร์เรลต่อวัน  ขณะนี้ 275,000 บาร์เรลต่อวัน   เมื่อ CFP แล้วเสร็จปี 2566  จะเพิ่มเป็น 400,000 บาร์เรลต่อวัน ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นด้านการกลั่น รับน้ำมันดิบที่หลากหลายและวาง 3 กลยุทธ์หลัก พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อมุ่งสู่องค์กร 100 ปีและตั้งเป้าพอร์ตกำไรใน 10 ปีข้างหน้า จะประกอบไปด้วย ธุรกิจปิโตรเคมี ร้อยละ 40 ธุรกิจการกลั่นร้อยละ 40 ธุรกิจไฟฟ้าร้อยละ 15 และ ธุรกิจใหม่ ร้อยละ  5

 สำหรับ 3 กลยุทธ์ หลักได้แก่  1. การต่อยอดห่วงโซ่คุณค่าให้แก่ทุกโมเลกุลที่ผลิต (Hydrocarbon Value Chain Maximization) เร่งหาโอกาสลงทุนในธุรกิจปิโตรเคมีต่อยอด จากโครงการ CFP  มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง (High-value Products) เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและลูกค้า 2. การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานและสร้างแพลตฟอร์มสำหรับการเติบโต (Supply Chain Management as a Growth Platform) เพื่อสร้าง Platform สำหรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคตทั้งในประเทศและผ่านบริษัทในกลุ่มที่ตั้งอยู่ที่ต่างประเทศ  เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากโครงการ CFP  3. การกระจายความเติบโตเพื่อลดความผันผวนของกำไร (Earnings Diversification)  ไปยังธุรกิจที่มีรายได้ที่มั่นคง รวมถึงธุรกิจใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือธุรกิจใหม่เชิงนวัตกรรมที่สอดคล้องกับแนวโน้มในอนาคต (New S Curve) เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้พอร์ตการลงทุนและเพิ่มเสถียรภาพของกำไร รองรับความผันผวนจากธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี  ซึ่งขณะนี้มีการจัดตั้งกองทุนร่วมทุน  30 ล้านเหรียญสหรัฐ ลงทุนในสตาร์ทอัพ ซึ่งในขณะนี้ร่วมทุนแล้วในสหรัฐและอิสราเอล

ส่วนการขยายธุรกิจด้านไฟฟ้า พอร์ตจะเติบโตไปพร้อมกับบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จํากัด (มหาชน) หรือ GPSC ที่ไทยออยล์ ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 20 ปัจจุบันไทยออยล์มีพอร์ตไฟฟ้ารวม 1,000 เมกะวัตต์  นอกจากนี้ บริษัทยังมองหาโอกาสในธุรกิจใหม่(New Business) ตั้งเป้าหมายจะมีกำไร 5% ของพอร์ตธุรกิจ จะมุ่งไปใน 2 ด้าน คือ Green Business เช่น การที่บริษัทได้เข้าไปลงทุนในธุรกิจเอทานอลในทรัพย์ทิพย์และอุบลไบโอเอทานอล  ซึ่งพันธมิตรทั้ง 2รายยังมีแผนต่อยอดการเติบโตธุรกิจเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และยังมองโอกาสเข้าร่วมลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก(โครงการนำร่อง)อีกด้วย  -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ป.ป.ช.ตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรมร้ายแรง “แพทองธาร” คลิปคุย “ฮุนเซน”

กทม. 14 ก.ค. – ป.ป.ช. มติเอกฉันท์ตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรมร้ายแรงต่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปมคลิปเสียงคุยกับ “ฮุน เซน” ที่สำนักงาน ป.ป.ช. วันนี้มีรายงานว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ได้ประชุม และมีมติเป็นเอกฉันท์ให้แต่งตั้งองค์คณะไต่สวน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีปรากฏคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งบริเวณแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา โดยนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานกรรมการ ป.ป.ช. และนายประภาศ คงเอียด กรรมการ ป.ป.ช. ร่วมเป็นองค์คณะไต่สวน การตั้งองค์คณะไต่สวนครั้งนี้ เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา51 ซึ่งเปิดช่องให้ ป.ป.ช. ตั้งกรรมการไม่น้อยกว่า 2 คนไต่สวนได้ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงมีผลกระทบต่อสาธารณะอย่างกว้างขวางหรือเกี่ยวพันกับองค์กรตุลาการ ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช. มีมติรับเรื่องไว้พิจารณาเบื้องต้น และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 10 วัน โดยให้มีการถอดเทปคำสนทนาและจัดทำคำแปลจากภาษาต่างประเทศอย่างถูกต้อง ครอบคลุมการสอบพยาน และการศึกษา คดีเปรียบเทียบ เช่น […]

เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ลาสิกขา ปมโอน 13 ล้าน

พระนครศรีอยุธยา 14 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ สมัครใจลาสิกขา หลังโอนเงินกว่า 13 ล้าน ให้ “สีกากอล์ฟ” ยืนยันไม่มีสัมพันธ์เชิงชู้สาว แต่ยอมรับว่า “อ่อนต่อโลก” พระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำพิธีลาสิกขาด้วยความสมัครใจในวันนี้ ภายหลังจากเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ลงพื้นที่ตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัด พร้อมสอบปากคำพระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสฯ นานเกือบ 3 ชั่วโมง พันตำรวจโท สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ท. เปิดเผยว่า อดีตเจ้าอาวาสฯ เต็มใจลาสิกขา เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เพราะจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของสีกากอล์ฟ พบว่า เส้นเงินถูกโอนจากบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาสฯ ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า เป็นเงินที่ได้มาจากการรับกิจนิมนต์และสอนหนังสือ โดยโอนไปให้สีกากอล์ฟ รวม 12.8 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีเงินจากบัญชีวัดอีก 3.8 แสนบาท ซึ่งมีทั้งโอนผ่านโทรศัพพ์และให้เป็นเงินสด เริ่มโอนตั้งแต่เดือนมกราคมไปจนถึงเดือนกรกฎาคม 2567 ซึ่งในเดือนเดียวกันพบว่าโอนให้สีกากอล์ฟ […]

แก๊งจีนดำลวงเพื่อนร่วมชาติเรียกค่าไถ่ สังหารโหด

เชียงราย 14 ก.ค. – ตำรวจเร่งคลี่คลายคดีแก๊งจีนดำฆ่าจีนเทา หลอกเพื่อนร่วมชาติมาเรียกค่าไถ่ที่เชียงใหม่ สังหารโหด และนำศพทิ้งกลางป่า ตำรวจพบศพนายหยาง อายุ 24 ปี สัญชาติจีน ถูกห่อด้วยถุงดำ และผ้าปูที่นอน แล้วใช้ผ้ายางพลาสติกห่อทับอีกชั้น ถูกนำมาทิ้งไว้ที่ป่าละเมาะข้างทางริมถนน ใกล้กับหมู่บ้านป่าเหว ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยก่อนหน้านี้ ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากพี่สาวของนายหยางให้ช่วยติดตามตัวน้องชาย หลังข้ามชายแดนมาจากเขตเศรษฐกิจพิเศษคิงส์โรมัน ในฝั่งลาว ผ่าน ตม.สบรวก อำเภอเชียงแสน ที่ จ.เชียงราย มาพร้อมกับนายฮูกัง เพื่อนชาวจีนอีกคนหนึ่ง โดยจ้างแท็กซี่เดินทางมายังเชียงใหม่ เมื่อ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมาและหายตัวไป ก่อนถูกเรียกค่าไถ่ 3 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พลตำรวจโทกฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า พบตัวนายฮูกัง เพื่อนชาวจีนที่เดินทางมากับนายหยาง และอ้างว่า ถูกนายซาง เบนซิน และนายหวังซวง นัดหมายให้พานายหยาง […]

“รมต.สุชาติ” เข้าพบสมเด็จฯ วัดไตรมิตร รับแนวทางแก้ปัญหาวงการสงฆ์

วัดไตรมิตร 14 ก.ค.- “รมต.สุชาติ” เข้าพบสมเด็จฯ วัดไตรมิตร รับแนวทางแก้ปัญหาวงการสงฆ์ ชี้ต้องร่วมมือกัน ทั้งตำรวจ-มส.-พศ. ย้ำต้องเร่งแก้ให้เร็วที่สุด ก่อนประชาชนหมดศรัทธา สั่งสำนักพุทธฯ ดูกฎหมายอาญา 206 เอาผิดสีกา ก. ได้หรือไม่ ย้อนถาม พศ. ทำไมไม่รู้ จี้ให้ทำงานเชิงรุก บอกหลัง 1 ต.ค.นี้ ทุกวัดต้องส่งรายงานการเงินทุกเดือนและทุกปี ตามกฎกระทรวงใหม่ นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมายังวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เมื่อมาถึงได้เข้ากราบสักการะสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (สมเด็จธงชัย) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ก่อนเข้ากราบนมัสการสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก เพื่อรับแนวทางปฏิบัติ ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ภายหลังการเข้าพบสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) นานกว่า 30 นาที นายสุชาติ กล่าวว่า เรื่องสงฆ์ที่เกิดปัญหาอยู่ในขณะนี้ เป็นเรื่องที่มหาเถรสมาคม มีการประชุมตั้งแต่เมื่อวาน ซึ่งเป็นการประชุมเร่งด่วนฉุกเฉิน […]