กรุงเทพฯ 7 มี.ค. – “เฉลิมชัย” เร่งเครื่องโมเดล “เกษตรผลิต-พาณิชย์ตลาด” ผนึกความร่วมมือจีน พัฒนาเกษตรอัจฉริยะและอี-คอมเมิร์ซ เพิ่มศักยภาพเกษตรกร ขยายส่งออกด่านใหม่ “ตงชิง-ผิงเสียง” ด้าน “อลงกรณ์” เผยจีนพร้อมส่งเสริมการลงทุนนิคมอุตสาหกรรมเกษตรอาหารในไทย
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังจากนายหวัง ลี่ผิง (Mr.Wang Liping) อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจและพาณิชย์ ประจำสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย และคณะ เข้าเยี่ยมคารวะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าการหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นความร่วมมือระหว่างไทย-จีน เป็นไปด้วยบรรยากาศที่ดียิ่ง ได้แก่ ความร่วมมือในการพัฒนาศักยภาพของเกษตรกรและผู้ประกอบการ (Entrepreneurship Development) การพัฒนาเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ การพัฒนาเส้นทางขนส่งสินค้าทางรถไฟเชื่อมระหว่างไทย-ลาว-จีน และไทย-เวียดนาม-จีน การขยายความร่วมมือด้านตลาดอี-คอมเมิร์ซ ในจีน ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ยักษ์ใหญ่ อาทิ JD Alibaba (TAPBAO Tmall) Lazada และ Shopee เป็นต้น รวมทั้งความร่วมมือในโครงการนิคมอุตสาหกรรมเกษตรอาหาร ซึ่งขณะนี้มี 8 กลุ่มจังหวัดที่เริ่มและอยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการ เพื่อรองรับการลงทุนจากผู้ประกอบการจีน เช่น นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี ขณะนี้มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 60%
โดยฝ่ายจีนยืนยันพร้อมสนับสนุนการลงทุนในโครงการอุตสาหกรรมเกษตรอาหาร และยังเสนอที่จะสนับสนุนการพัฒนาขีดความสามารถของเกษตรกรและผู้ประกอบการ เช่น การศึกษาดูงานของผู้นำเกษตรกรไทยในจีน การศึกษาดูงานด้านเกษตรกรอัจฉริยะ การสัมมนาการจับคู่ผู้ประกอบการ โครงการฝึกอบรม ฯลฯ และฝ่ายไทยได้นำเสนอโครงการความร่วมมือภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน สร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมทั้งลดช่องว่างทางเศรษฐกิจ และส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศสมาชิกลุ่มน้ำโขง และส่งเสริมกระบวนการสร้างประชาคมอาเซียน
ปัจจุบันกระทรวงเกษตรฯ ได้รับงบสนับสนุนดำเนินโครงการแล้วทั้งหมด 7 โครงการ ในวงเงินราว 60 ล้านบาท และครั้งล่าสุดเมื่อปี 2563 ได้เสนอโครงการจำนวน 8 โครงการ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พร้อมให้การสนับสนุนและมีส่วนร่วมในกรอบความร่วมมือนี้ และพร้อมจะดำเนินงานร่วมกับประเทศสมาชิกทุกประเทศ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่ออนุภูมิภาคนี้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ จะหารือต่อเนื่องในการประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการเกษตรไทย-จีน ครั้งที่ 12 ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีกำหนดการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ ในช่วงเดือนมิถุนายน 2564 ผ่านระบบออนไลน์
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า จีนเป็นพันธมิตรและคู่ค้าสำคัญ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและผลไม้ไทย โดยในปี 2563 ไทยสามารถส่งออกผลไม้ไปจีนเป็นมูลค่ากว่า 60,000 ล้านบาท แม้จะเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งปัจจัยความสำเร็จที่ผ่านมาคือ ความร่วมมืออย่างดียิ่งระหว่างไทยกับจีน และการทำงานภายใต้โมเดล “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ระหว่างกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ ตามนโยบายร่วมระหว่างนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตลอดจนการพัฒนาระบบผลิตจนถึงผู้บริโภค ด้วยนโยบาย “เกษตรปลอดภัย อาหารปลอดภัย” สร้างความเชื่อมั่นผู้บริโภคด้วยมาตรฐาน GAP, GMP, Organic, Halal, Q เป็นต้น รวมทั้งคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ ซึ่งมี ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน ได้กำหนดแนวทางบริหารจัดการผลไม้ปี 2564-2566 เพื่อเป็นกรอบในการทำงาน เน้นเทคโนโลยีมากขึ้นในยุค 4.0 และในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ตลอดห่วงโซ่การผลิต เพื่อผู้บริโภคได้รับประทานผลไม้ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และรสชาติอร่อย
นอกจากนี้ได้มีการพัฒนามาตรฐานและคุณภาพผลไม้ไทย อาทิ ระบบการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) จากฟาร์มถึงผู้บริโภค การส่งเสริมการตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์ (O2O model) การพัฒนาการอำนวยความสะดวก (Facilitation) บริเวณด่านส่งออก 4 ด่าน ได้แก่ ด่านโมฮ่าน ด่านโหยวอี้กวน ด่านตงชิง และด่านผิงเสียง ขณะนี้กระทรวงเกษตรฯ โดยคณะกรรมการโลจิสติกส์เกษตร (Logistic) ที่มีนายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรฯ เป็นประธาน กำลังจัดทำแผนพัฒนาเส้นทางขนส่งทางรถไฟ โดยจะเชื่อมระหว่างไทย-ลาว-จีน และไทย-เวียดนาม-จีน
สำหรับสถิติการส่งออกผลไม้สดไปจีน ปี 2563 มีดังนี้ ปริมาณรวม 1,624,000 ตัน มูลค่า 102,800 ล้านบาท โดยผลไม้ที่มีปริมาณการส่งออกไปจีน 5 อันดับแรก คือ 1.ทุเรียน 620,000 ตัน มูลค่า 66,000 ล้านบาท 2.ลำไย 378,000 ตัน มูลค่า 14,400 ล้านบาท 3.มังคุด 287,000 ตัน มูลค่า 15,700 ล้านบาท 4.มะพร้าวอ่อน 270,000 ตัน มูลค่า 4,900 ล้านบาท และ 5.ขนุน 22,700 ตัน มูลค่า 400 ล้านบาท ในส่วนของทุเรียนเป็นผลไม้สดที่จีนนำเข้ามากที่สุดในปี 2563 คิดเป็น 23% ของปริมาณการนำเข้าผลไม้จากต่างประเทศทั้งหมดของจีน โดยไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่จีนอนุญาตให้นำเข้าผลทุเรียนสด
“ประเทศไทยสามารถขยายการส่งออกผลไม้และสินค้าเกษตรผ่านด่านตงซิงและด่านผิงเสียงที่เปิดใหม่ได้ ช่วยลดปัญหาและอุปสรรคการขนส่งสินค้าไปจีน และช่วยขยายความร่วมมือการค้าของทั้งสองประเทศ หากสามารถเปิดในรูปแบบ Green lane ตรวจปล่อยสินค้าบริเวณด่านการค้าพิเศษและเขตฟรีโซนหนานหนิง จะทำให้การขนส่งผลไม้จากไทยไปจีนเป็นไปอย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคได้รับประทานผลไม้ที่มีคุณภาพ จึงได้ขอให้ฝ่ายจีนติดตามความก้าวหน้าการอนุญาตนำเข้าผลไม้ไทยผ่านด่านใหม่ หากสามารถเปิดดำเนินการได้โดยเร็ว จะลดความแออัดบริเวณด่านโหย่วอี้กวนในช่วงฤดูกาลการส่งออกทุเรียนของปีนี้
ท้ายที่สุดที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอขอบคุณฝ่ายจีนที่มาหารือพูดคุยกันในครั้งนี้ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะได้หารือในความเป็นไปได้ในการพัฒนาความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายต่อไป.-สำนักข่าวไทย