ตลท. 19 ก.พ. – หุ้น KISS เปิดเทรดวันแรกที่ 15.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท (+ร้อยละ 66.67% จากราคา IPO ที่ 9.00 บาท/หุ้น
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ยินดีต้อนรับ บมจ. โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคและบริโภค หมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “KISS” ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564
KISS ประกอบธุรกิจพัฒนา จ้างผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านความงามและสุขภาพทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการให้บริการคำปรึกษาในการดำเนินธุรกิจและการตลาดสำหรับการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของบริษัทในต่างประเทศด้วย สินค้าของบริษัทอยู่ภายใต้ 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ 5 แบรนด์หลัก กว่า 200 SKUs ได้แก่ 1) ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว “Rojukiss” “PhDerma/PhD K-Derma” “Wonder Herb” and “Best Korea” 2) ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง “Sis2Sis” 3) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “Rojukiss”
ทั้งนี้ ในวันแรกของการเข้าจดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ KISS มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก จำนวนรวม 152.64 ล้านหุ้น ประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 60 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย Aurora Asia Holdings Pte. Ltd. จำนวน 92.64 ล้านหุ้น เสนอขายให้บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนสถาบันและนิติบุคคล ผู้มีอุปการคุณของบริษัท กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท ในราคาหุ้นละ 9 บาท มูลค่าระดมทุนรวม 540 ล้านบาท (ไม่รวมการเสนอขายหุ้นสามัญเดิม) และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 5,400 ล้านบาท โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นางวรวรรณ ไชยกำเนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KISS กล่าวว่า บริษัทพร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านความงาม และสุขภาพของเอเชีย หรือ True Health and Beauty Company โดยตั้งเป้าหมายมีรายได้แตะ 3,000 ล้านบาทภายในปี 2567 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 20% ต่อปี นับจากปี 2562 คาดกำไรสุทธิปี 2563 ของ KISS จะลดลง 10.6% จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 กดดันแนวโน้มรายได้ในกลุ่มเครื่องสำรองลดลง ขณะที่คาดกำไรสุทธิปี 2564-2565 จะเติบโต 55.3% และ 49.1% จากแนวโน้มรายได้รวมฟื้นตัว หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนขยายการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศภายใต้งบ 300 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.พัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่และแบรนด์ใหม่ในประเทศไทย วงเงิน 100 ล้านบาท อาทิ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ นอกจากนี้จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และแบรนด์สำหรับช่องทางการขายให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง วงเงิน 100 ล้านบาท และอีกประมาณ 50 ล้านบาทจะลงทุนพัฒนาดิจิทัลและเทคโนโลยี เข้ามาช่วยผลักดันการพัฒนาและนำเสนอนวัตกรรมให้เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างกว้างขวางและใกล้ชิดมากที่สุดพร้อมพัฒนาด้านการตลาดอาเซียนโดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 2 ประเทศหลักได้แก่ ประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม ด้วยงบประมาณ 50 ล้านบาท .- สำนักข่าวไทย