กรมประมงจัดระเบียบการเก็บลูกหอยแครงจังหวัดชลบุรี

กรุงเทพฯ 28 ม.ค.- รองอธิบดีกรมประมงเตรียมลงพื้นที่จังหวัดชลบุรีเพื่อคลี่คลายข้อพิพาทเรือประมงหอยแครง ย้ำต้องไม่มีการทำประมงผิดกฎหมาย เพื่อให้มีทรัพยากรใช้อย่างยั่งยืน


นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมงเปิดเผยว่า วันนี้ (28 ม.ค.) จะเดินทางไปยังจังหวัดชลบุรีเพื่อร่วมหาแนวทางแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ที่มีกลุ่มเรือประมงผิดกฎหมายจากพื้นที่คลองตำหรุหลายสิบลำเข้าขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าตรวจการประมง ด้วยการล้อมเรือ และขับเรือพุ่งชน ขณะเจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลชลบุรีกำลังตรวจสอบเหตุลักลอบทำการประมงหอยแครงบริเวณกลางอ่าวบางปะกง เป็นเหตุให้เรือตรวจการประมงเสียหาย และเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 3 นาย

ทั้งนี้ในวันเกิดเหตุ หน่วยงานของกรมประมงได้รับรายงานว่า มีเรือประมงกว่า 20 ลำ กำลังทำการประมงลูกหอยแครง บริเวณเขตทะเลชายฝั่งด้วยเครื่องมือผิดกฎหมาย ทั้งเครื่องมือคราดลูกหอยแครง อวนลากคานถ่างที่ใช้มุ้งทำถุงอวนลากเก็บลูกหอยแครง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตนเข้าตรวจสอบ และแจ้งให้เรือหยุดทำการประมง แต่เรือเหล่านั้นกลับไม่ยอมหยุด และพยายามขับเรือพุ่งชนเรือของเจ้าหน้าที่ จนเป็นเหตุให้เรือตรวจการประมง 106 ได้รับความเสียหาย น้ำรั่วเข้าภายในตัวเรือ และมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย


หลังจากนั้น ศูนย์ประสานการปฏิบัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 1 (ศรชล. ภาค 1) ได้ส่งเรือตรวจการณ์ชายฝั่ง 268 พร้อมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งพบกลุ่มเรือประมง ประมาณ 40 – 50 ลำ ทั้งจากพื้นที่คลองตำหรุ จังหวัดชลบุรี แสมขาว จังหวัดฉะเชิงเทรา ปากน้ำ จังหวัดสมุทรปราการ มหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร และคลองโคน จังหวัดสมุทรสงคราม หลายสิบลำ พร้อมลูกเรือกว่า 100 คนที่พยายามขับไล่และล้อมเรือของเจ้าหน้าที่ และพยายามขอเจรจาทำประมงต่อ แต่ทางเจ้าหน้าที่ยืนยันให้หยุดทำการประมงดังกล่าว เนื่องจากเป็นการทำประมงที่ผิดกฎหมาย และยังเป็นการทำประมงที่สร้างความเสียหายให้กับทรัพยากรสัตว์น้ำหน้าดินอย่างมาก โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณกลางอ่าวบางปะกง จังหวัดชลบุรีนี้ เป็นพื้นที่ชุกชุมของลูกหอยแครง เพราะดินบริเวณชายฝั่งทะเลมีสภาพเป็นหาดโคลนหรือพื้นดินเลนละเอียด ซึ่งเป็นแหล่งที่หอยแครงชอบฝังตัว

นายบัญชากล่าวต่อว่า จากข้อมูลทางวิชาการพบว่า หอยแครงสามารถวางไข่ได้ตลอดปี แต่ช่วงที่วางไข่มากจะอยู่ระหว่างช่วง ต.ค. – ธ.ค. และช่วง มี.ค. – ส.ค. ซึ่งเมื่อวางไข่แล้วลูกหอยแครงจะมีโอกาสแพร่กระจายไปตามกระแสน้ำที่พัดพาในรัศมี 10 กิโลเมตรจากปากแม่น้ำ และจะตกลงพื้นเคลื่อนตัวเพื่อหาแหล่งอาหารหรือสภาพที่เหมาะสมในการดำรงชีวิตเพื่อเติบโตเป็นหอยแครงเต็มวัยต่อไป

ปัจจุบัน ชาวประมงพื้นบ้านจะเก็บรวบรวมลูกหอยแครงขนาด 18,000 – 20,000 ตัว/กิโลกรัม ขายเพื่อนำไปเลี้ยงต่อ 8 เดือน – 1 ปี จนตัวเต็มวัยแล้วจึงส่งขายตลาด โดยราคาลูกหอยแครง จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 800 – 1,000 บาท ซึ่งถือว่ามีมูลค่าสูงทางเศรษฐกิจ ดังนั้น การทำประมงลูกหอยแครงจึงเป็นที่นิยมกันมากในปัจจุบัน แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายที่กำหนด โดยมาตรการในการอนุรักษ์หอยแครง เดิมเป็นมาตรการที่ออกตามความในพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 ได้กำหนดห้ามมิให้ทำการประมงคราดหอยประกอบเรือกล ในเขต 3,000 เมตร นับจากฝั่ง และห้ามจับลูกหอยแครง ที่มีขนาดต่ำกว่า 6 มิลลิเมตรไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ ต่อมาเมื่อมี พ.ร.ก. การประมง พ.ศ. 2558 ออกมาบังคับใช้ กำหนดให้สามารถทำการประมงหอยแครงในเขตทะเลชายฝั่งได้โดยการจับด้วยมือหรือเครื่องมือที่ไม่ใช้ประกอบเรือกล แต่ ยังคงห้ามเครื่องมืออวนลากหรือคราดหอยในเขตทะเลชายฝั่ง ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการทำลายล้างสูงเช่นเดิม


ส่วนในเขตทะเลนอกชายฝั่งให้ใช้คราดหอยประกอบเรือกลได้ แต่ต้องได้รับใบอนุญาตทำการประมงประมงพาณิชย์เท่านั้น ซึ่งเป็นการผ่อนผันให้มีความสอดคล้องกับวิถีประมงในปัจจุบัน และสอดคล้องกับข้อมูลทางวิชาการในการบริหารทรัพยากรสัตว์น้ำของลูกหอยแครง ที่จำเป็นต้องมีวิธีการกระจายปริมาณลูกหอยแครงไปยังแหล่งต่างๆ จึงจะก่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากลูกหอยแครงได้อย่างสูงสุด โดยใช้กฎหมายควบคุมเพื่อไม่ให้เกิดการแย่งชิงทรัพยากรทำให้เกิดความเป็นธรรมในการใช้ทรัพยากรอย่างทั่วถึง

เบื้องต้นได้หารือกับชาวประมงที่มีส่วนได้ส่วนเสีย แล้วเห็นร่วมกันว่า จะมีการกำหนดแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรหอยแครงอย่างยั่งยืน โดยใช้รูปแบบการขับเคลื่อนของคณะกรรมการประมงประจำจังหวัดในการกำหนดมาตรการต่างๆ เช่น การกำหนดเครื่องมือ วิธี และพื้นที่ทำการประมงให้เหมาะสม ภายใต้พระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 อีกทั้ง จะมีการส่งเสริมให้มีการรวมกลุ่มจัดตั้งองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นในชุมชน และประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกฎหมาย พ.ร.ก.ประมง 2558 เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการทรัพยากรลูกหอยแครงในธรรมชาติซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะให้ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้อย่างเหมาะสมต่อไป . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Satellite images show wake of destruction of wildfires burning across California

เปิดปัจจัยที่ทำให้ไฟป่าแอลเอไหม้ลามหนัก

มีหลายปัจจัยที่ทำให้ไฟป่าในเทศมณฑลลอสแอนเจลิสหรือแอลเอ (LA) ในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐไหม้ลามเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นวิกฤตไฟป่าครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศ

รู้ตัวคนไทยพลัดตกตึกสูงฝั่งปอยเปต พบไม่ได้ถูกจับโยนลงมา

รู้ตัวคนไทยพลัดตกตึกสูง 18 ชั้น ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เบื้องต้นพบไม่ได้ถูกจับโยนลงมา และอาคารดังกล่าวถูกระบุเป็นฐานบัญชาการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีคนไทยถูกหลอกไปทำงานที่นี่จำนวนมาก

Palisades Fire

สหรัฐสั่งอพยพกว่าแสนคนหนีไฟป่า 6 จุดในแคลิฟอร์เนีย

ลอสแอนเจลิส 9 ม.ค.- สหรัฐสั่งอพยพประชาชนมากกว่า 100,000 คน เนื่องจากจำนวนไฟป่าที่โหมไหม้ในเทศมณฑลลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนียเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 6 จุดแล้ว เพราะกระแสลมแรงเทียบเท่าเฮอริเคนและสภาพอากาศแล้ง เจ้าหน้าที่เผยว่า ในจำนวนไฟป่าทั้ง 6 จุด มีอยู่ 4 จุดที่ยังไม่สามารถควบคุมได้เลย ไฟป่าจุดแรก คือ พาลิเซดส์ไฟร์ (Palisades Fire) เกิดขึ้นช่วงเช้าวันที่ 7 มกราคมตามเวลาท้องถิ่นใกล้แปซิฟิก พาลิเซดส์ ซึ่งเป็นย่านที่พักอาศัยทางตะวันตกเฉียงเหนือของเทศมณฑล ต้นเพลิงมาจากไฟไหม้พุ่มไม้ที่โหมไหม้จนเกินควบคุมเพราะกระแสลมแรง ต้องอพยพคนอย่างน้อย 30,000 คน ไฟป่าจุดที่ 2 คือ อีตันไฟร์ (Eton Fire) เกิดขึ้นในเย็นวันเดียวกันที่หุบเขาอีตันแคนยอน เผาไหม้พื้นที่ขยายวงกว้างมากพอ ๆ กับไฟป่าจุดแรก ไฟป่าจุดที่ 3 คือ เฮิร์ตส์ไฟร์ (Hurst Fire) เกิดขึ้นกลางดึกวันเดียวกันในย่านซิลมาร์ของนครลอสแอนเจลิส จากนั้นในเช้าวันที่ 8 มกราคมเกิดไฟป่าจุดที่ 4 คือ วูดลีไฟร์ […]

ข่าวแนะนำ

จับนายอำเภอเหนือคลอง เรียกรับเงินผู้รับเหมา แลกจบงาน

ตำรวจแถลงผลปฏิบัติการ “ไม่จ่าย ไม่จบ” จับนายอำเภอเหนือคลอง จ.กระบี่ พร้อมเจ้าหน้าที่ปกครอง เรียกรับเงินใต้โต๊ะบริษัทรับเหมา 50,000 บาท แลกจบงาน

นายกฯ เผยไม่มีคนไทยบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุไฟป่าแอลเอ

นายกฯ เผย ไม่มีคนไทยได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต จากเหตุไฟป่าที่แอลเอ มีเพียงร้านอาหารไทยที่ได้รับความเสียหาย สั่ง กงสุลเปิดศูนย์ช่วยเหลือคนไทย