ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 18 ม.ค. – หุ้น JAK เปิดเทรดวันแรกที่ 2.26 บาท เพิ่มขึ้น 0.81 บาท (+55.86%) จากราคาขาย IPO ที่ 1.45 บาท/หุ้น
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า mai ยินดีต้อนรับ บมจ. จักรไพศาล เอสเตท เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “JAK” ในวันที่ 18 มกราคม 2564
JAK เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม โดยโครงการแนวราบที่ผ่านมาของบริษัทอยู่ในเขตจังหวัดสระบุรี อยุธยา ชลบุรี และฉะเชิงเทรา นอกจากนี้ บริษัทได้ร่วมลงทุนโดยถือหุ้นร้อยละ 40 ในบริษัท เอ็ม.ที.เอส. พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการไอดิลล์ ที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดชลบุรี มีมูลค่าโครงการรวม 1,265.50 ล้านบาท ทั้งนี้ โครงการของบริษัทมีราคาบ้านขายหลังละ 1-5 ล้านบาท โดยมีกลุ่มลูกค้าได้แก่ กลุ่มวัยเริ่มทำงาน กลุ่มที่ต้องการมีบ้านหลังแรก และกลุ่มลูกค้าท้องถิ่น
JAK มีทุนชำระแล้ว 320 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 237.29 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 82.71 ล้านหุ้น เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) โดยแบ่งเป็นเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์และผู้ลงทุนสถาบัน จำนวนไม่เกิน 71.61 ล้านหุ้น เสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท จำนวนไม่เกิน 8.00 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัท จำนวนไม่เกิน 3.10 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 8, 11-12 มกราคม 2564 ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.45 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 119.93 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 464 ล้านบาท ทั้งนี้ราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 30.87 เท่า โดยคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา (1 ตุลาคม 2562-30 กันยายน 2563) ซึ่งเท่ากับ 15.03 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.05 บาท โดยมีบริษัท ฟินเน็กซ์ แอ็ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด เป็นผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายวีระพันธ์ จักรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บมจ. จักรไพศาล เอสเตท (JAK) เปิดเผยว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ จะนำไปใช้เป็นเงินทุนสำหรับการพัฒนาโครงการ และ/หรือ การลงทุนในที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ รวมทั้งนำไปใช้ชำระคืนหนี้ธนาคาร และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจและการดำเนินการอื่นใดเพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อบริษัท เพื่อก้าวเป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างครบวงจร
ปัจจุบัน JAK มีโครงการที่อยู่ระหว่างเปิดขาย จำนวน 3 โครงการ อีกทั้งมีโครงการในอนาคตที่มีแผนพัฒนารวมมูลค่าราว 1,422 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังได้รับอานิสงส์จากรัฐบาลประกาศลดค่าธรรมเนียมการโอนจากเดิม 2% เหลือ 0.01% และลดค่าธรรมเนียมการจดจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 1% เหลือ 0.01% ต่อเนื่องในปี 2564 สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหน่วย
ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรปี 2563 ประมาณ 16 ล้านบาท สำหรับปี 2564 คาดการณ์กำไรประมาณ 72 ล้านบาท เติบโต 342% จากจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการเฟิร์นเฟสสองราวไตรมาสแรก และในไตรมาส 2/64 คาดจะเริ่มโอนโครงการ CANNA อีกทั้งเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการ Peony & Pine ราวไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 พร้อมประมาณการรายได้ราว 271 ล้านบาทจากการโอน . – สำนักข่าวไทย