กรุงเทพฯ 22 ธ.ค. – นายกฯ ลุยเปิดเดินเรือไฟฟ้า ท่าเรือแคท ทาวเวอร์ บางรัก บ่ายนี้โดย สนข. พร้อมนำเสนอแผนพัฒนาระบบการขนส่งทางน้ำโดยในปี 2565 จะสรุปแผน (W-MAP) ที่ในอนาคตกรุงเทพ และปริมณฑล 476 กม. เชื่อมต่อกับระบบราง 55 จุด คาดอนาคต มีผู้ใช้บริการเรือโดยสารเพิ่มขึ้นเท่าตัวจาก 200,000คนเป็น 400,000 คน/วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงบ่ายวันนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการเปิดทดลองเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าลำแรกในแม่น้ำเจ้าพระยาพร้อมเปิดท่าเรือสะพานพุทธท่าเรืออัจฉริยะแห่งแรก โดยมีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ผู้บริหารกระทรวงคมนาคมและกรมเจ้าท่า ร่วมในงาน
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ได้มีการประกาศใช้มาระยะหนึ่งแล้ว นั้น หนึ่งในยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลใหความสำคัญคือ “ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” ซึ่งในขณะนี้นานาประเทศล้วนให้ความสำคัญต่อสภาพภูมิอากาศของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยในขณะนี้ต้องเผชิญปัญหาสภาวะฝุ่นละออง PM 2.5 ซึ่งการพัฒนาเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า MINE Smart Ferry ลำแรกในแม่น้ำเจ้าพระยา และท่าเรือ อัจฉริยะ Smart Pier แห่งแรก ในครั้งนี้ นับได้ว่าเป็นการยกระดับการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งทางน้ำ ให้มีมาตรฐานความปลอดภัย ทันสมัย สามารถช่วยลดมลภาวะฝุ่นละออง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมมอบเป็นของขวัญปีใหม่ 2564ให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงได้ ได้อย่างยั่งยืน
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า จากนโยบายของรัฐบาล ภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่กำหนดแผนยุทธศาสตร์ โดยมีเป้าหมายในปี 2573 มุ่งให้ประเทศไทยมีการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 30% ของปริมาณการผลิตยานยนต์ทั้งหมด กระทรวงคมนาคม โดยกรมเจ้าท่า ได้สนองนโยบายดังกล่าวโดยร่วมกับภาคเอกชน ส่งเสริม ผลักดัน ให้มี การยกระดับเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าในแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้มีมาตรฐานและปลอดภัย ลดมลพิษทางอากาศ ลดต้นทุนทางด้านพลังงานของประเทศ และมีความพร้อมในการให้บริการฟรีในช่วงการทดลองตั้งแต่ 23 ธ.ค. 63 ถึง 14 ก.พ. 64 เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ 2564 ให้กับประชาชน พร้อมกับอีกหนึ่งของขวัญปีใหม่ ที่กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม ได้พัฒนาท่าเรือสะพานพุทธให้เป็นท่าเรืออัจฉริยะแห่งแรกของประเทศ ให้สามารถรองรับทั้งการโดยสารที่ปลอดภัย การบริการทันสมัยทั้งระบบจำหน่ายบัตรโดยสารอัจฉริยะและป้ายแจ้งเวลาเดินเรืออัจฉริยะพร้อมทั้งการออกแบบท่าเรือตามหลักอารยสถาปัตย์เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม ผนวกกับการเชื่อมโยงกับระบบการขนส่งสาธารณะทางบกเป็นการส่งเสริมการเดินทางทางน้ำ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนควบคู่กันไปอย่างยั่งยืน
นายปัญญา ชูพานิช รักษาราชการ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการ ขนส่งและจราจร หรือ สนข. ได้นำเสนอแผนพัฒนาระบบการขนส่งทางน้ำ ระบุว่า แผนพัฒนาระบบการขนส่งทางน้ำ หรือ (W-MAP) จะสรุปแผนทั้งหมด ในปี 2565 โดยในอนาคตกรุงเทพ และปริมณฑล จะมีเส้นทางเดินเรือ 476 กม. จากปัจจุบัน 79 กม. มีเส้นทางเดินเรือ ทั้งในแม่น้ำเจ้าพระยา และคลอง อีก 32 คลอง จากปัจจุบัน 5 คลอง คาดว่าในอนาคตหลังนี้ เมื่อมีการเชื่อมต่อกับระบบราง 55 จุด ผู้ใช้บริการเหลือโดยสารเพิ่มขึ้นเท่าตัวจาก 200,000 คน เป็น 400,000 คน/วัน ทั้งเรือ คลองแสนแสบ เรือด่วนเจ้าพระยาและเรือข้ามฟาก
นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม ได้มีการพัฒนาท่าเรือโดยสารในแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อยกระดับการให้บริการแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง ท่าเรือสะพานพุทธ ถือเป็นท่าเรือที่มีที่ตั้งอยู่ระหว่างสะพานประวัติศาสตร์ทั้งสองสะพาน คือ สะพานพระพุทธยอดฟ้า และสะพานพระปกเกล้า อีกทั้งอยู่ใกล้กับไปรษณียาคารที่ทำการไปรษณีย์แห่งแรกของประเทศไทย จึงเป็นที่มาของการออกแบบท่าเรือสะพานพุทธแห่งนี้ ให้มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม สอดคล้องกับพื้นที่เชิงประวัติศาสตร์โดยรอบ พร้อมร่วมกับ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ปรับรูปโฉมภายในให้ใช้บริการได้อย่างปลอดภัย สะดวกสบาย ทันสมัย รองรับการเดินทางท่องเที่ยววิถีโหม่ยุค New Normal พร้อมเป็น Smart Pier แห่งแรกในประเทศไทย อาทิ เครื่องแสกนอุณหภูมิอัตโนมัติ , ป้ายอัจฉริยะ แจ้งเวลาเรือเข้าเทียบท่า, เครื่องจำหน่ายบัตรโดยสารอัตโนมัติ ระบบตรวจสอบเส้นทางการเดินเรือ และตารางเรือ , ระบบความปลอดภัยและตรวจนับความหนาแน่นของผู้โดยสารที่ใช้บริการในแต่ละวัน , ระบบไฟส่องสว่างด้วยระบบโซลาร์เซล ตลอดจนมีความเป็นอารยสถาปัตย์ Friendly Design ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้
โดยได้รับการสนับสนุนการสร้างสุขาสาธารณะ ทั้งห้องสุขาชาย – หญิง และห้องสุขาสำหรับผู้พิการ จากมูลนิธิเอสซีจี (SCG)เพื่อร่วมสร้างความมั่นใจในการเป็นท่าเรืออัจฉริยะเพื่อคนทั้งมวล นอกจากนี้ กรมเจ้าท่า ยังได้พัฒนาเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าในแม่น้ำเจ้าพระยา นวัตกรรมใหม่ของยานยนต์ภาคการขนส่งทางน้ำ ร่วมกับ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ผลักดันให้เกิดขึ้นเพื่อรองรับการให้บริการแก่ประชาชนให้เกิดความสะดวก ประหยัด ปลอดภัย ไร้มลพิษ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 250 คน และได้รับการจดทะเบียนเป็นเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าเป็นรายแรกของไทย อีกทั้งได้รับรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติปี 2563 จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ซึ่งพร้อมทดลองให้บริการฟรี มอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน พร้อมมีแผนพัฒนาเส้นทางการให้บริการจริงจากท่าเรือสะพานพระนั่งเกล้าถึงท่าเรือสาทร ให้เกิดความเชื่อมโยงกับระบบ รถ – ราง – เรือ อาทิ เชื่อมกับระบบรถไฟฟ้า BTS / MRT และรถโดยสารสาธารณะตามนโยบายการคมนาคมไร้รอยต่อ (Seamless Transportation) นำมาซึ่งเป้าหมายเพื่อความสุขที่ยั่งยืนของประชาชน
นาวาโท ปริญญา รักวาทิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สมาร์ท ทรานสปอร์ต จำกัด กล่าวว่า สำหรับการให้บริการระยะที่ 3 บริษัทฯ จะเริ่มเก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. 2564 เป็นเวลา 5 เดือน จากนั้นจะคิดค่าโดยสารตามระยะทาง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอให้กรมเจ้าท่าพิจารณาอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม และแผนที่จะเปิดให้บริการเฟส 2 อีก 1 สายเส้นทาง ภายในเดือน เม.ย. 2464 . – สำนักข่าวไทย