กรุงเทพฯ 2 ธ.ค. – กกร.เชื่อไทยมาถูกทางแม้ปีนี้จะติดลบแต่ปีหน้าเป็นบวกแน่นอน ขอให้คนไทยเชื่อมั่นรัฐบาลมาถูกทางป้องกันปัญหาโควิดได้ดี พร้อมขอให้รัฐใช้มาตรการต่างๆต่อเนื่อง
นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวภายหลังการคณะกรรมกรร่วมภาคอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า กกร. ได้มีการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 63 แล้ว เห็นว่า จากหลายปัจจัยโดยเฉพาะการแพร่ระบาดโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย แม้ไทยจะดูแลการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี แต่ทั่วโลกยังแพร่ระบาดและอยู่ในช่วงรอวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทำให้มีการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้ จะติดลบเพียงร้อยละร้อยละ 6-7 ขณะที่ปีหน้าจะเป็นบวกร้อยละ 2 – 4 ด้านการส่งออกปี 63 จะติดลบร้อยละ 7 – 8 ปี 64 จะเป็นบวกร้อยละ 3 – 5 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อปี 63 ติดลบร้อยละ 0.9 – 1และปี 64 อยู่ที่ร้อยละ 0.8 – 1.2
อย่างไรก็ตาม กกร.มองปี 2564 แม้เศรษฐกิจไทยจะได้รับแรงสนับสนุนจากศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว แต่ยังต้องมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการการธุรกิจโรงแรมท่องที่ยว สมาคมโรงแรมไทยได้เสนอ ที่ประชุม กกร. ขอให้ภาครัฐพิจารณาข้อเสนอ 2 มาตการ ประกอบด้วย 1. มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) สำหรับกรณีหนี้คงเหลือเดิมปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นคงที่ร้อยละ 2 พร้อมทั้งพักการชำระเงินและดอกเบี้ยเป็นระยะวลา 2เปี และขอวงเงินสนับสนุนเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ธุรกิจไทย อนุมัติปล่อยสินเชื่อได้ไม่เกินรายละ 60 ล้านบาท/โรงแรม ในอัตราดอกเบี้ย 2% ปลอดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 2 ปี เมื่อครบกำหนดแล้วให้แปลงเป็นสินเชื่อระยะยาวดอกเบี้ยต่ำผ่อนชำระกับธนาคารพาณิชย์ หากลูกค้ามีหลักประกันไม่พอ ขอให้ บสย. หรือรัฐบาลเป็นผู้จัดตั้งกองทุนค้ำประกัน และไม่จำกัดสิทธิสำหรับโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีวงเงินรวมเกิน 500 ล้านบาท
2. มาตรการสนับสนุนเงินเดือนค่าจ้างร้อยละ 50 Co-payment เพื่อรักษาการจ้างงาน สนับสนุนให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการจ้างพนักงานเดิมจำนวน 200,000 คน (จำนวนไม่เกิน 30% ของจำนวนพนักงานปัจจุบัน) ระยะเวลาดำเนินโครงการ 1 ปี
นอกจากนี้ กกร.ได้มีการหารือเรื่อง ปัญหาขาดแคลนตู้สินค้าอย่างรุนแรง โดยคาดว่าปัญหาการขาดแคลนตู้จะคลี่คลายในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2564 ซึ่งส่งผลกระทบต่ออัตราค่าระวางเรือ และต้นทุนสินค้าของประเทศไทยด้วย โดย กกร.มีข้อเสนอ ดังนี้
1. การแก้ปัญหาระยะสั้น เสนอให้สมาคมผู้ส่งออกสินค้าประเภทต่างๆ ประสานเจรจากับสายเดินเรือต่างๆ โดยตรง เพื่อจัดทำสัญญาการใช้บริการ (Service Contract) ที่ระบุข้อตกลงในเรื่องค่าระวางเรือและการจัดสรรระวางเรือและจำนวนตู้สินค้าที่ยอมรับได้ทั้งสองฝ่าย
2. ส่งเสริมให้สายเดินเรือนำเรือแม่ขนาดใหญ่ของเส้นทางหลัก เช่น สายเอเชีย-ยุโรป สายเอเชีย-อเมริกา สายเอเชีย-ตะวันออกกลาง ฯลฯ เข้ามาเปิดบริการวิ่งตรง (Direct call service) ที่ท่าเรือแหลมฉบังให้มากขึ้น โดยเสนอให้กรมเจ้าท่า ปรับปรุงกฎระเบียบการนำร่องเรือเข้าเทียบท่าเรือแหลมฉบังที่ได้จำกัดความยาวเรือตลอด ไว้ที่ 300 เมตร ให้เพิ่มขึ้นเป็น 400 เมตร
3. ขอเสนอให้ภาครัฐ สนับสนุนส่งเสริมการนำตู้คอนเทนเนอร์เปล่าเข้ามาในประเทศไทย โดยการปรับลดอัตราค่าภาระขนถ่ายและค่าภาระหน้าท่าสำหรับการนำเข้าตู้เปล่า เพื่อลดต้นทุนการนำเข้าตู้เปล่าเข้ามา ซึ่งจะสร้างแรงจูงใจให้สายการเดินเรือนำเข้าตู้เปล่าเข้ามาเก็บไว้ในประเทศไทยมากขึ้น และยังจะช่วยสร้างงานและสร้างรายได้ให้แก่ภาคธุรกิจการบริการซ่อมแซมบำรุงรักษาตู้คอนเทนเนอร์ในประเทศไทยอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม กกร.ได้มีการหารือถึงการใช้แอพพลิเคชันด้านการท่องเที่ยวแบบครบวงจร อาทิ จองโรงแรม ที่พักภายในประเทศ จองตั๋วเครื่องบิน และร้านอาหาร ซึ่งขณะนี้มีแอพพลิเคชัน TAGTHAi (ทักทาย) โดยเป็นแอพพลิเคชัน ที่หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้พัฒนาร่วมกับพันธมิตรหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ประชุม กกร. จึงเห็นควรสนับสนุนและร่วมมือกัน โปรโมท ต่อยอดให้มีการใช้แอพพลิเคชัน TAGTHAi อย่างแพร่หลาย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมทั้ง เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนาการท่องเที่ยวให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน
กกร. ขอขอบคุณภาครัฐที่เรื่มมีการศึกษาความร่วมมือการค้าระหว่างประเทศ (FTA Thai-EU)ทั้งนี้ขอให้ภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง รวมถึงให้มีการใช้จ่ายของภาครัฐและเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ แม้ว่าไทยจะเจอผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศอยู่บ้างในตอนนี้ แต่ภาคเอกชนส่วนใหญ่ไม่ได้วิตกกังวลมากนัก หากจะเจอต่อวันสัก 50 ราย แต่เชื่อมั่นระบบการดูแลและควบคุมของหน่วยงานที่กำกับดูแลจะสามารถป้องกันปัญหาได้ ดังนั้น จึงไม่อยากให้คนไทยตื่นตระหนักมากจนเกินไปจนยกเลิกการเดินทางท่องเที่ยวในขณะนี้อาจจะส่งผลกระทบภาพรวมการท่องเที่ยวได้และภาคเอกชนก็อยากเห็นมาตการกระตุ้นภาคธุรกิจของรัฐให้ต่อเนื่องเพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ในปีหน้า . – สำนักข่าวไทย