ตลท. 29 ต.ค. – SFT เข้าเทรดตลาดเอ็มเอไอวันแรก ต่ำจอง 2.11% มองการเมืองในประเทศและการระบาดโควิด-19 ฉุดภาวะตลาด พร้อมเดินหน้าขยายกำลังการผลิตตามแผน มั่นใจบริษัทยังโตต่อเนื่อง คาดปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 10%
บริษัท ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SFT ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายฉลากฟิล์มหดรัดรูป สำหรับบรรจุภัณฑ์ของสินค้าชนิดต่าง ๆ เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาด mai ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม โดยเริ่มเทรดวันแรก (29 ต.ค.) ราคาต่ำจอง 2.11% อยู่ที่ 3.72 บาท/หุ้น จากราคา IPO 3.80 บาท/หุ้น
นายซุง ชง ทอย ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปขยายธุรกิจขยายโรงงาน คืนเงินกู้บางส่วน และเสริมสภาพคล่องในธุรกิจ โดย SFT มีแผนก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 185 ล้านเมตรต่อปี จากเดิมมีกำลังการผลิต 133 ล้านเมตรต่อปี รวมถึงเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น ฟิล์มหดรัดรูปในกลุ่มฟิล์มใสที่มีความหดตัวสูง และกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน คาดว่าจะเสร็จปลายปี 2564 และจะรับรู้รายได้ต้นปี 2565
นายซุง ชง ทอย กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นฐานการผลิตสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อส่งไปจำหน่ายต่างประเทศ ส่งผลให้ความต้องการฉลากฟิล์มหดรัดรูปถูกนำไปใช้สร้างแบรนด์สินค้าเพิ่มขึ้น จึงประเมินว่าตลาดจะเติบโต 5% แม้จะมีปัจจัยลบจากโควิด-19 ก็ตาม พร้อมมั่นใจว่า SFT ปีนี้จะเติบโตเป็นเลข 2 หลัก หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% แม้มีสถานการณ์โควิด-19 และปัจจัยความอ่อนไหวทางด้านการเมือง หลังภาพรวมผลประกอบการครึ่งปีแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.) สามารถทำรายได้รวม 330.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.05% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกำไรจากการดำเนินงาน 49.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน
ด้านนายคมกฤต มีคำสัตย์ กรรมการผู้จัดการ สายงานตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่าถึงตัวเลขเปิดเทรดวันแรกต่ำจอง ถือว่าเป็นไปตามภาวะตลาดปัจจุบันที่มีเรื่องของการเมืองในประเทศและการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังระบาดสูงในต่างประเทศ แต่ยืนยันว่าตัวเลขที่ออกมายังไม่สะท้อนศักยภาพของบริษัท เพราะสินค้าของบริษัทจะอยู่ในเทรนสินค้าอุปโภคบริโภค และบริษัทมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี และมั่นใจว่ายังมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง
ทั้งนี้ SFT มีนโยบายจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท .-สำนักข่าวไทย