กรุงเทพฯ 27 ต.ค. – YLG เปิดสถิติราคาทองช่วงเลือกตั้งสหรัฐย้อนหลัง 4 รอบมีทั้งขึ้นและลง พร้อมแนะจับตาตลาดคาดไบเดนชนะทองไปต่อ – ทรัมป์ชนะหุ้นบวก มองสัปดาห์นี้มีแนวรับ 1,885-1,881 ดอลลาร์/ออนซ์ แนวต้าน 1,934 ดอลลาร์/ออนซ์
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาด TFEX เปิดเผยว่า นักลงทุนเริ่มจับตาประเด็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ หลังจากที่มีข่าวว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีความพยายามแทรกแซงจากต่างชาติ ทั้งจีน รัสเซีย และอิหร่าน ว่าประเทศเหล่านี้มีข้อมูลผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งของสหรัฐ และเกิดการส่งอีเมลกดดันให้มีการเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทำให้การเลือกตั้งมีความเสี่ยงและมีความผันผวนต่อทิศทางตลาดเงินและตลาดทุน นักลงทุนจึงจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะไม่ว่าฝ่ายใดชนะ แต่ถ้ามีการเปิดเผยว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ถูกแทรกแซงจากต่างประเทศ จะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้มีข้อกังขาในเรื่องความโปร่งใส และส่งผลต่อการลงทุน เพราะหากเกิดความไม่โปร่งใสแล้วโดนัลด์ ทรัมป์ แพ้การเลือกตั้งอาจจะไม่ยอมส่งมอบอำนาจให้โจ ไบเดนอย่างราบรื่น ส่งผลให้การเมืองสหรัฐมีความเสี่ยงมากขึ้น
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์ว่าหากผลการเลือกตั้งออกมาว่าโจ ไบเดน เป็นฝ่ายชนะจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ เนื่องจากโจ ไบเดน มีนโยบายภาษีที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น หากหุ้นปรับตัวลงเงินลงทุนจะไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ กลับกันหากโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะ แม้จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้น และจะทำให้ราคาทองปรับลดลง อย่างไรก็ตาม นโยบายบางอย่างของนายทรัมป์ อาจจะเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำได้ เพราะช่วงปีที่ผ่านมาก็มีนโยบายสงครามการค้าที่ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอน ทำให้นักลงทุนหันมาพักเงินในตลาดทองคำได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หากดูข้อมูลสถิติย้อนหลังราคาทองคำวันที่มีการเลือกตั้งสหรัฐ พบว่า 8 พฤศจิกายน 2559 ราคาทองคำเปิดตลาดที่ 1,281.28 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปิดที่ 1,275.26 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 6.02 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนครั้งก่อนหน้า 6 พฤศจิกายน 2555 ราคาทองคำเปิดตลาดที่ 1,684.32 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปิดที่ 1,715.34 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 31.02 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อ 4 พฤศจิกายน 2551 ราคาทองคำเปิดตลาดที่ 722.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปิดที่ 763.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 41.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2547 ราคาทองคำเปิดตลาดที่ 425.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปิดที่ 421.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 4 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ จะเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างการเคลื่อนไหวของราคาทองคำและการเลือกตั้งสหรัฐไม่ชัดเจน แต่ที่น่าสังเกต คือ การเลือกตั้งปี 2559 ประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับชัยชนะเหนือนางคลินตัน ราคาทองคำเคลื่อนไหวผันผวนอย่างมากระหว่างการซื้อขายของวันที่ 9 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันที่มีการนับคะแนน โดยมีระดับราคาสูงสุดที่ 1,337.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และมีระดับต่ำสุดที่ 1,269.18 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือมีกรอบการแกว่งตัวถึง 68.22 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในวันเดียว ขณะที่การเลือกตั้งครั้งนี้มีแนวโน้มจะสร้างความผันผวนให้แก่ทองคำไม่แพ้กัน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าการเลือกตั้งวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ ราคาทองคำอาจแกว่งตัวในกรอบ เพื่อรอความชัดเจนของการเลือกตั้งระยะสั้น มองว่าหากราคาทองคำยังไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,934 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังต้องระวังการอ่อนตัวลงของราคา ส่วนแนวรับแรกมองที่ 1,885-1,881 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยืนได้ยังมีโอกาสจะแกว่งตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน และหากราคาผ่านแนวต้าน 1,934 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้ จะทำให้ภาพรวมมีมุมมองเชิงบวกเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเรื่องการระบาดของโควิด – 19 และผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐยังคงถือเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อราคาทองคำ ซึ่งต้องจับตาอย่างใกล้ชิด.- สำนักข่าวไทย