กรุงเทพฯ 19 ต.ค. – ธอส.เปิดขายสลากชุดเกล็ดดาววันแรกพรุ่งนี้ 3 ล้านหน่วย ๆ ละ 5,000 บาท ลุ้นเงินล้าน เพิ่มรางวัลเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการวันนี้ (19 ต.ค.) มีมติเห็นชอบให้ธนาคารจัดทำผลิตภัณฑ์สลากออมทรัพย์ ธอส. ชุดเกล็ดดาว หน่วยละ 5,000 บาท เริ่มจำหน่ายวันที่ 20 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป จำนวน 3 ล้านหน่วย หรือกรอบวงเงิน 15,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 หมวด ๆ ละ 1 ล้านหน่วย อายุสลาก 2 ปี ผลตอบแทนหน้าสลาก 0.4% ต่อปี ออกรางวัลทุกเดือน รวม 24 ครั้ง แบ่งเป็น รางวัลที่ 1 มูลค่ารางวัลสูงถึง 1,000,000 บาท/หมวด รางวัลที่ 2 มูลค่า รางวัลละ 50,000 บาท จำนวน 4 รางวัล/หมวด รางวัลที่ 3 มูลค่ารางวัลละ 5,000 บาท จำนวน 20 รางวัล/หมวด รางวัลที่ 4 มูลค่ารางวัลละ 500 บาท จำนวน 20 รางวัล/หมวด คิดเป็นโอกาสในการถูกรางวัลสูงถึง 0.0045%
สำหรับสลากออมทรัพย์ ธอส. ชุดเกล็ดดาว เพิ่มรางวัลเลขท้ายและรางวัลเลขสลับเลขท้าย ทำให้โอกาสถูกรางวัลมีมากขึ้น ประกอบด้วย รางวัลเลขท้าย 3 ตัว รางวัลละ 100 บาท รางวัลเลขสลับเลขท้าย 3 ตัว รางวัลละ 50 บาท รางวัลเลขท้าย 2 ตัว รางวัลละ 50 บาท และรางวัลเลขสลับเลขท้าย 2 ตัว รางวัลละ 20 บาท การซื้อสลากออมทรัพย์ทำได้ 2 ช่องทาง คือ Application : GHB ALL หรือที่ทำการสาขา
“สลากออมทรัพย์ ธอส.ชุดเกล็ดดาวจะเริ่มออกรางวัลครั้งแรกวันที่ 16 พฤศจิกายน 2563 หากถูกรางวัลที่ 1 มูลค่า 1 ล้านบาท จะถือเป็นการได้รับผลตอบแทนสูงถึง 200 เท่าของจำนวนเงินฝาก กรณีฝากครบ 2 ปี รับเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยหน่วยละ 5,040 บาท หากซื้อ 100 หน่วย ทำให้ผู้ซื้อมีโอกาสถูกรางวัลเลขท้ายทุกเดือน และแม้จะเคยถูกรางวัลแล้วก็ยังมีโอกาสถูกซ้ำได้อีกทุกเดือน ซึ่งดอกเบี้ยและเงินรางวัลที่ได้รับจากสลากออมทรัพย์ ธอส.ยังได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีกด้วย ซึ่ง ธอส.จะนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายสลากชุดเกล็ดดาว ธอส.ไปจัดทำเป็นผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้าน Two Gen อัตราดอกเบี้ยต่ำ และผ่อนรายเดือนน้อย ซึ่งจะมีการเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ต่อไป” นายฉัตรชัย กล่าว
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 ธนาคารปล่อยสินเชื่อใหม่ 155,980 ล้านบาท 96,634 บัญชี เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.90% ทำให้สิ้นไตรมาส 3/2563 เทียบกับสิ้นปี 2562 ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวม 1,283,986 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.18% สินทรัพย์รวม 1,350,514 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.51% เงินฝากรวม 1,109,028 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.60% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) 49,484 ล้านบาท คิดเป็น 3.85% ของยอดสินเชื่อรวม ลดลงจากสิ้นปี 2562 ที่มี NPL อยู่ที่ 4.09% มีกำไรสุทธิจำนวน8,415 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 18.45% และอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งโดยอยู่ที่ 15.09% ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนด
นอกจากนี้ วันที่ 30 กันยายน 2563 ธนาคารยังได้ตั้งสำรองส่วนเกิน 5,552 ล้านบาท เพื่อรองรับการเลื่อนชั้นหนี้และรองรับดอกเบี้ยที่รับรู้ตามเกณฑ์คงค้างทั้งตามเกณฑ์ปกติและลูกหนี้ ตามมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทั้ง 10 มาตรการ ที่มีลูกค้าเข้ามาตรการ 423,380 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 369,453 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มสิ้นสุดระยะเวลาความช่วยเหลือของมาตรการ ระยะที่ 1 วันที่ 31 ตุลาคม 2563 และสิ้นสุดความช่วยเหลือระยะที่ 2 วันที่ 31 มกราคม 2564 ไว้แล้ว.-สำนักข่าวไทย