กรุงเทพฯ 2 ต.ค. – นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แนะทุกคนโหลดแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ของธนาคารกรุงไทย เพื่อรองรับนโยบายภาครัฐที่จะช่วยเหลือฟื้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ย้ำโครงการ “สะพานไทย” เป็นประโยชน์เศรษฐกิจระยะยาว
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า จากความไม่แน่นอนทางด้านภาวะเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิด-19 ที่กระทบไปทั่วโลกและคนไทยได้รับผลกระทบ ดังนั้น รัฐบาลจึงมีแนวคิดที่จะช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยต้องตรวจสอบได้และเข้าถึงประชาชนได้ จึงช่วยเหลือผ่านแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” เป็นหลัก ดังนั้น จึงแนะนำให้ทุกคนดาวน์โหลดแอป “เป๋าตัง” ไว้ ขณะที่ร้านค้าใด ๆ ที่ยังไม่สามารถรับการจ่ายเงินผ่านแอปนี้ได้ ก็ควรจะติดต่อธนาคารพาณิชย์ เพื่อขอใช้บริการการเข้าถึงเน็ตแบงก์ เพื่อประโยชน์ในการเข้าร่วมโครงการที่จะมีการช่วยเหลือต่อเนื่อง
นายสุพัฒนพงษ์ ย้ำด้วยว่าไม่มีแนวคิดที่จะจัดตั้งกองทุนพยุงหุ้นแต่อย่างใด โดยเห็นว่าเมื่อผู้ประกอบการมีปัญหาหนี้การปรับโครงสร้างเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว และสร้างความมั่นใจต่อผู้ประกอบการ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อน การระดมทุนเพื่อชำระหนี้ก็ควรจะดำเนินการผ่านตลาดทุน แต่เป็นรูปแบบไหน ต้องมีการศึกษารายละเอียดที่เหมาะสม
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวถึงแนวคิดโครงการสะพานไทย มูลค่าโครงการ 900,000 ล้านบาท ว่า นโยบายนี้จะต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) หรือบอร์ดอีอีซี เห็นชอบ เพื่อให้ทุกฝ่ายร่วมศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ หากเกิดขึ้นได้จะกระตุ้นเศรษฐกิจเชื่อมการลงทุน การเดินทาง การขนส่งสินค้าระหว่างภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และรับขนส่งสินค้าจากจีนตอนใต้ ผ่าน สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาประเทศไทย และส่งออกไปฝั่งตะวันตกจากโครงการสะพานไทย (จ.ชลบุรี-เชื่อม จ.เพชรบุรี หรือประจวบคีรีขันธ์) ไปยัง จ.ระนอง ผ่านท่าเรือระนอง ทำให้การขนส่งสินค้าระหว่างเอเชียตะวันออกและอาเซียนมีทางเลือกไม่ต้องผ่านช่องแคบมะละกา ลดต้นทุนการขนส่ง และเกิดประโยชน์การลงทุนในไทย โดยก่อนหน้านี้แม้จะมีการศึกษาลงทุนโครงการทวาย แต่เนื่องจากเป็นการลงทุนระหว่างประเทศ จึงมีความล่าช้า ดังนั้น หากไทยพัฒนา “สะพานไทย” ควบคู่กับการผ่อนคลายข้อกำหนดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศได้เหมาะสม ก็จะทำให้โครงการเกิดได้รวดเร็วกว่า
นายสุพัฒนพงษ์ ยังกล่าวด้วยว่า ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ ศบศ. วันที่ 7 ตุลาคม 2563 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งจะมีการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2563 (ต.ค.-ธ.ค.) เพิ่มเติมในรูปแบบ Co-pay สำหรับผู้เสียภาษีที่มีกำลังซื้อ ในเรื่องนี้คงจะพิจารณว่าจะดึงกำลังซื้อจากคนที่มีศักยภาพได้อย่างไร โดยมีการปรับรูปแบบจากโครงการ “ชิมช้อปใช้” และโครงการ “ช้อปช่วยชาติ” ให้เหมาะสม ส่วนปัญหาของสายการบินที่เสนอขอใช้เงินกู้ซอฟท์โลน 24,000 ล้านบาทนั้น ขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาเรื่องนี้ เพราะต้องยอมรับว่าโควิด-19 กระทบต่อการเดินทาง ซึ่งการผ่อนคลายต้อนรับนักท่องเที่ยวแบบระยะยาวบนเงื่อนไขเข้มงวดตรวจป้องกันโรคนั้นก็จะช่วยทำให้เพิ่มรายได้ผู้ประกอบการได้แนวทางหนึ่ง.-สำนักข่าวไทย