PTT ทุ่มงบ 18 ล้านบาท กระตุ้นพนักงานเที่ยวไทย

กรุงเทพฯ 25 ก.ย. – PTT ทุ่มงบ 18 ล้านบาท กระตุ้นพนักงานเที่ยวไทย หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ 4 – 5 เท่า


นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า ปตท. เตรียมออกประกาศเชิญชวนให้พนักงาน ปตท. ให้มีส่วนร่วมกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยให้ฟื้นตัว หลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยตั้งงบกระตุ้นท่องเที่ยวในช่วง 3เดือนนี้( ต.ค.-ธ.ค. 63) ประมาณ 18 ล้านบาท โดย ปตท. จะออกค่าใช้จ่ายให้กับพนักงานที่เดินทางท่องเที่ยวไม่เกิน 5,000 บาท/ราย จากพนักงานปตท.ที่มีอยู่ 3,800 คน คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพิ่มขึ้น 4 – 5 เท่าของงบที่ตั้งไว้
ด้านเงื่อนไข แพ็คเกจกระตุ้นท่องเที่ยวของ ปตท. ประกอบด้วย การเที่ยววันธรรมดา อยู่ภายใต้กรอบวันลาพักร้อนที่บริษัทกำหนดสิทธิ์ไว้ โดยจะต้องเป็นการเดินทางไปพักอาศัยค้าง 1 คืน ได้ในทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย ส่วนกรณีที่เที่ยววันหยุด เช่น วันหยุดสุดสัปดาห์ หรือ นักขัตฤกษ์ กำหนดระยะทางเดินทางไปเที่ยวพักอาศัยต้องมีรัศมีห่างจากที่พักพนักงาน 300 ก.ม. ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดไกลๆ หรือ พื้นที่ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวน้อย
นายอรรถพล กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวกำหนดใช้เฉพาะในส่วนของปตท.เท่านั้น ส่วนบริษัทลูกจะใช้มาตรการเดียวกันหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท แต่เบื้องต้นได้รับทราบว่าบมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ก็พร้อมที่จะดำเนินการดังกล่าวด้วยเช่นกัน

สำหรับเป้าหมายการให้บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ดำเนินการลดต้นทุนต่อหน่วยลงเหลือระดับ 25 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากปัจจุบันที่ทำได้อยู่ที่ราว 30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพื่อรับมือกับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ยังอยู่ระดับต่ำนั้น คาดว่า PTTEP จะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายดังกล่าวได้ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า โดยใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือต่าง ๆ เข้ามาใช้ประกอบกัน พร้อมกับยังคงมุ่งหาแหล่งปิโตรเลียมใหม่ในภูมิภาคและตะวันออกกลาง ที่มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำ ก็จะมาช่วยลดต้นทุนต่อหน่วยในภาพรวมด้วย


ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทยังได้อนุมัติแต่งตั้งนายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานโครงการผลิต ของ PTTEP ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดใหญ่ ของ PTTEP มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.63 หลังจากที่ได้อนุมัติให้นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ PTTEP ที่จะเกษียณอายุในสิ้นเดือนก.ย.นี้ ให้ดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ PTTEP ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.63 โดยมีสัญญา 1 ปีเพื่อให้การบริหารองค์รมีความต่อเนื่องในช่วงเปลี่ยนผ่านสัมปทานปิโตรเลียมเอราวัณ-บงกช และช่วยสอนงานให้กับนายมนตรี ที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนต่อไปเพื่อให้เกิดการทำงานที่ราบรื่นขึ้น

สำหรับการกระจายหุ้น OR ภายหลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุมัติแบบคำขอเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) แล้ว หลังจากนี้ OR ก็เตรียมที่จะเดินสายพบนักลงทุน กองทุน ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปแบบของการนำเสนอข้อมูลทางออนไลน์ พร้อมกับประเมินสถานการณ์และตัดสินใจเรื่องการกระจายหุ้นต่อไป ส่วนจะเป็นเมื่อใดนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยรวมถึงภาวะตลาดด้วย . – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ป.ป.ส. รวบ 3 นักค้ายาเสพติดต่างชาติ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

ป.ป.ส. รวบนักค้ายาเสพติดต่างชาติ 3 ราย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ส่งออกไปอิตาลี-อังกฤษ เลขาฯ ป.ป.ส. เผยความสำเร็จครั้งนี้เป็นผลจากการประสานงานใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ตรวจสอบตลาดปาล์มน้ำมัน หลังราคาพุ่ง

ช่วงนี้น้ำมันปาล์มตามท้องตลาดปรับราคาแพงขึ้น จากเดิมขวดละราว 10 บาท ทำให้ผู้บริโภคถึงกับโอดครวญ ขณะที่เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ระบุแม้ช่วงนี้ราคาปาล์มน้ำมันขายได้ราคาดีที่สุดในรอบหลายปี แต่เกษตรกรกลับไม่มีปาล์มขาย

ข่าวแนะนำ

เดินหน้าเสนอ ครม. ตั้งคณะกรรมการร่วมไทย-กัมพูชา เจรจาพื้นที่ทับซ้อน

กระทรวงการต่างประเทศ เดินหน้าเสนอ ครม. ตั้งคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค JTC ไทย-กัมพูชา เจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา ตามแนว MOU 2544 ยืนยันไม่ทำให้เสียเกาะกูด

เข้าสู่ฤดูหนาว

อุตุฯ ประกาศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว

กรมอุตุฯ ประกาศการเข้าสู่ฤดูหนาวของประเทศไทย ปี 2567 ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย. โดยเป็นการเข้าสู่ฤดูหนาวช้ากว่าปกติประมาณ 2 สัปดาห์ เนื่องจากมีพายุก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกและเคลื่อนเข้าสู่ทะเลจีนใต้ และยังมีฝนบางพื้นที่ ปีนี้จะหนาวกว่าปีที่แล้ว

ช้างพลายขุนเดช

ย้ายแล้ว “ช้างพลายขุนเดช” ไปสถาบันคชบาลแห่งชาติ จ.ลำปาง

ย้ายแล้ว “ช้างพลายขุนเดช” สู่สถาบันคชบาลแห่งชาติ จ.ลำปาง จบดราม่า หลังฝากเลี้ยงที่มูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม จ.เชียงใหม่