นนทบุรี 4 ก.ย. – พาณิชย์เตรียมจัดงาน IP Fair 2020 แสดงศักยภาพนักประดิษฐ์ไทย เดินหน้ารณรงค์จดสิทธิบัตรคุ้มครองสินค้าไทยในต่างประเทศป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญาเตรียมจัดงาน IP Fair 2020 ระหว่างวันที่ 15–16 กันยายนนี้ ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ภายใต้แนวคิด “Innovate for a green future” สอดคล้องกับแคมเปญจากองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก หรือ WIPO ซึ่งปัจจุบันผู้บริโภคตระหนักและให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้นวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ คำนึงถึงสุขภาพและสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น พฤติกรรมของมนุษย์ที่ปรับเปลี่ยนนำไปสู่ยุคของ Green New Normal หรือวิถีใหม่เพื่อโลกสีเขียว โดยทุกประเทศต่างตระหนักถึงความสำคัญและเห็นพ้องต้องกันที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ทั้งนี้ กรมฯ ในฐานะเป็นหน่วยงานหลักของประเทศที่รับผิดชอบภารกิจที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญาของไทย จึงเตรียมจัดงานดังกล่าวขึ้น เพื่อแสดงผลงานและนวัตกรรมที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมให้สามารถต่อยอดทางความคิด กระตุ้นให้เกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ และพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการ ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันต้องการผลักดันให้เกิดการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นตัวขับเคลื่อน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าทั้งในและต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ปี 2564 กรมฯ ได้งบ 20 ล้านบาท ในการส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อส่งเสริมการสร้างสรรค์และการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญา ส่วนการยื่นคำขอรับสิทธิบัตรด้านนวัตกรรมทั้งของคนไทยและต่างชาติเฉลี่ยปีละ 8,000 ฉบับ โดยในจำนวนนี้เป็นของคนไทยประมาณร้อยละ 10 หรือประมาณ 800 ฉบับ ส่วนใหญ่เป็นการยื่นจดสิทธิบัตรด้านวิศวกรรมและสิทธิบัตรด้านอาหาร แปรรูปอาหาร สูตรอาหาร เป็นต้น และในช่วงมีการระบาดของโควิด-19 พบว่ามีการขอยื่นจดสิทธิบัตรทั้ง หน้ากากอนามัย เครื่องทำความสะอาดหน้ากากอนามัย และเจลล้างมือ มีการยื่นขอจดสิทธิบัตรเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ที่ผ่านมากรมฯ พยายามสร้างความตระหนักให้กับผู้ประกอบการไทยที่คิดค้นนวัตกรรมต่าง ๆ ได้จดสิทธิบัตรเพื่อคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งอาเซียนเป็นตลาดส่งออกของไทยมีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 25 ของการส่งออกทั้งหมด แต่บางประเทศในอาเซียนยังไม่มีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ไม่มีกฎหมายคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งไทยจะต้องเข้าไปให้ความช่วยเหลือและผลักดันให้ประเทศเหล่านี้มีการพัฒนาเพิ่มขึ้น เพราะไม่เช่นนั้นจะกระทบต่อการส่งออกและการเข้าไปลงทุนของผู้ประกอบการไทยที่ขณะนี้มีการบุกตลาดอาเซียนอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม กรมฯ ได้ร่วมมือกับประเทศอาเซียนในโครงการแลกเปลี่ยนผลการตรวจสอบสิทธิบัตร โครงการจัดทำฐานข้อมูลเครื่องหมายการค้า เพื่อเป็นประโยชน์ในการสืบค้นสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าที่มีการจดทะเบียนไว้ในประเทศสมาชิกอาเซียน และการผลักดันให้อาเซียนเข้าเป็นภาคีความตกลงระหว่างประเทศ เช่น พิธีสารมาดริด เพื่ออำนวยความสะดวกการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า แต่ยังพบว่าการดำเนินการยังมีความล่าช้า ซึ่งจะต้องผลักดันให้ขั้นตอนต่าง ๆ เร็วขึ้น เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองเร็วขึ้น
นอกจากนี้ รวมทั้งผู้ส่งออกสินค้าให้จดสิทธิบัตรคุ้มครองให้ครอบคลุมประเทศที่ส่งสินค้าไปขาย เพราะที่ผ่านมาสินค้าไทยได้รับความนิยมอย่างมากจากลูกค้า โดยเฉพาะจีนนิยมสินค้าไทยอย่างมากจนมีการเลียนแบบหรือแอบอ้างว่าเป็นสินค้าไทย โดยกรมฯ ได้ให้ความรู้กับผู้ประกอบการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆอย่างต่อเนื่อง เช่น สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการค้ายุคใหม่ (NEA) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยเข้าใจเรื่องการค้า เตรียมความพร้อมบุกตลาดจีน ร่วมศึกษาปัญหาจากนักธุรกิจไทยในกรณีพิพาทระหว่างคู่ค้าไทย-จีน ที่มักจะมีปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาบ่อครั้ง เพื่อเป็นแนวทางป้องกันให้แก่นักธุรกิจไทยที่ทำการค้ากับจีนหรือกำลังจะเข้าทำการค้าตลาดจีน และเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ เตรียมความพร้อมทำการค้ากับคู่ค้าจีนในลักษณะต่าง ๆ สำหรับสินค้าที่ไทยถูกละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าอาหาร ผลไม้ ซึ่งเป็นที่นิยมของผู้บริโภคชาวจีนอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย