สมาคมค้าปลีกชงข้อเสนอนายกฯ เร่งฟื้นเศรษฐกิจ

กรุงเทพฯ  3 ก.ย. – สมาคมผู้ค้าปลีกไทยชงข้อเสนอนายกฯ เร่งฟื้นเศรษฐกิจ ชู 3 แนวทางหลัก สร้างเอสเอ็มอี สร้างงาน  สร้างรายได้ให้รัฐ พร้อมดันไทยสู่ Lifestyle Hub of Asia


สมาคมผู้ค้าปลีกไทยตอบกลับจดหมายพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการร่วมเสนอแนะความคิดเห็นด้านแนวทางและการฟื้นฟูภาคธุรกิจค้าปลีกท่ามกลางวิกฤติที่เผชิญ ภายใต้วิสัยทัศน์และบทบาทหลักของสมาคมฯ ที่มุ่งเน้นผลักดันเศรษฐกิจฐานชุมชน (Local Economy) ซึ่งนำไปสู่รากฐานที่แข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของประเทศ

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ธุรกิจค้าปลีกและบริการเปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของประเทศที่มีเส้นเลือดใหญ่คอยกระจายเลือดไปหล่อเลี้ยงระบบและส่วนต่าง ๆ ประกอบด้วย เกษตรกร การจ้างงาน การกระจายสินค้า การให้บริการ รวมถึงการท่องเที่ยว สูบฉีดและสร้างเศรษฐกิจมวลรวมของประเทศให้แข็งแรง ดังนั้น ถ้าธุรกิจค้าปลีกและบริการแข็งแกร่งจะสามารถนำพาประเทศและยกระดับความเป็นอยู่ของคนไทยทุกระดับตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ดังนั้น การดำเนินงานของสมาคมผู้ค้าปลีกไทยได้ยึดหลักวิสัยทัศน์มุ่งสู่การเป็น “สุดยอดการใช้ชีวิต” แห่งเอเชีย (Lifestyle Hub of Asia) ด้วยการพัฒนาบุคลากร ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม และสร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจไทยนับแสนล้านผ่าน 3 แกนหลัก


1.         ผลักดันภาคการค้า ค้าปลีก-ค้าส่ง สู่ระดับเวิลด์คลาส

2.         ส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมผลิต ยกระดับสินค้าสู่เวทีโลก

3.         บูรณการภาคบริการอย่างครบวงจร (อาหาร สุขภาพ และสันทนาการ)


ด้านบทบาทสำคัญของภาคค้าปลีกต่อการพัฒนาประเทศ ประกอบด้วย

1.         สร้างเอสเอ็มอี ภาคการค้ากว่า 1.3 ล้านราย

2.         สร้างงานโดยตรงกว่า 6.2 ล้านคน

3.         สร้างรายได้ให้รัฐ ผ่านการจ่ายภาษีมากกว่า 5 แสนล้านบาท

ทางด้านข้อเสนอแนะแนวทางการในพัฒนาภาคค้าปลีกต่อภาครัฐ แบ่งออกเป็น แนวทางการพัฒนาระยะสั้น ในการกระตุ้นการบริโภค และ แนวทางการพัฒนาเพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส

•          แนวทางการพัฒนาระยะสั้น

1.         พยุงการจ้างงาน

1.1       จ้างงานรายชั่วโมง ทั้งนี้เนื่องจากธุรกิจการค้าปลีกสินค้าและบริการมีช่วงเวลาการให้บริการที่ไม่สม่ำเสมอ ช่วงที่ลูกค้าหนาแน่นก็จะเป็นช่วงเที่ยงและช่วงเย็น รวมทั้งเสาร์ อาทิตย์ ซึ่งแตกต่างจากการดำเนินงานภาคผลิตอย่างสิ้นเชิง หากภาครัฐประกาศอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเป็นรายชั่วโมงในช่วงการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ก็จะช่วยกระจายการจ้างงานได้ ขณะเดียวกัน ลูกจ้างก็จะสามารถรับงานได้ยืดหยุ่นและมีระยะเวลาทำงานได้มากขึ้น (สามารถทำงานได้กับหลายบริษัทใน 1 วันได้) ส่วนนายจ้างก็สามารถเพิ่มอัตราการจ้างงานให้เหมาะสมกับช่วงเวลาที่ต้องการได้ สมาคมฯจึงขอเสนอให้กระทรวงแรงงานประกาศค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเป็นรายชั่วโมงอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น โดยหากสามารถจ้างงานได้มากกว่า 20% จะสามารถสร้างงานเพิ่มได้มากกว่า 1.2 ล้านอัตรา ซึ่งจะเป็นประโยชน์ไม่เฉพาะภาคการค้าปลีก แต่จะเป็นประโยชน์กับทุกภาคส่วนและทุกขนาดของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจ โรงแรม ร้านอาหาร ภัตตาคาร และธุรกิจบริการอื่นๆ อีกด้วย

1.2 กระตุ้นการบริโภคในวงกว้างผ่านโครงการช้อปช่วยชาติ ด้วยวงเงิน 50,000 บาท ในกรอบเวลา 60 วัน ซึ่งจะสามารถสร้างเงินสะพัด 75,000 ล้านบาท ภายใน 60 วัน

1.3 กระตุ้นการบริโภคในกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะสินค้าไลฟ์สไตล์นำเข้า ซึ่งปัจจุบันอัตราภาษีนำเข้าสินค้าไลฟ์สไตล์ในไทยสูงถึง 30% ซึ่งสูงที่สุดใน 15 ประเทศในแถบเอเชีย ทำให้คนหันไปซื้อสินค้าที่ต่างประเทศแทน จึงเสนอให้ทดลองปรับลดภาษีนำเข้าชั่วคราวเป็นเวลา 4 เดือน เช่น ลดจากเดิม 30% เป็น 10% จะสามารถสร้างเงินสะพัดได้ถึง 25,000 ล้านบาท ภายใน 4 เดือน

2.ขับเคลื่อน SME ให้อยู่รอดและแข็งแรง เสนอให้มีการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) 0.1% ผ่านผู้ค้าปลีกรายใหญ่ โดยใช้งบประมาณ 25,000 ล้านบาท จากวงเงิน 5 แสนล้านบาท ที่รัฐตั้งไว้แล้ว เร่งจ่ายเงิน SME ขนาดเล็กจากเดิม 30 วัน เป็นภายใน 7 วัน ส่งผลให้สามารถเพิ่มสภาพคล่องสู่ SME กว่า 5 แสนรายและไม่สร้างหนี้เสียให้ธนาคารพาณิชย์

แนวทางพัฒนาเพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส

1.มาตรการควบคุม E-Commerce ในด้านราคาและการเสียภาษี เสนอให้ภาครัฐจัดเก็บภาษีนำเข้า และภาษีมูลค่าเพิ่มตั้งแต่บาทแรก และห้าม E-Commerce ขายราคาต่ำกว่าทุน เนื่องจากจะทำให้เอสเอ็มอี และค้าปลีกไทยได้รับผลกระทบอย่างมาก ทั้งนี้การจัดเก็บภาษีดังกล่าวจะทำให้รัฐมีรายได้จัดเก็บภาษีจาก E-Commerce ได้ปีละกว่า 2 หมื่นล้านบาท รวมถึงเป็นการปราบปรามสินค้าหนีภาษีที่เติบโตจาก E-Commerce อีกด้วย

2.กำกับดูแลการดำเนินธุรกิจค้าปลีกทุกช่องทางอย่างโปร่งใส ยุติธรรม ไม่จำกัดเพียงค้าปลีกแบบมีหน้าร้านที่มีการเสียภาษีอย่างถูกต้องเท่านั้น ในขณะที่ค้าปลีกออนไลน์และ travel retail ยังไม่มีกฎเกณฑ์ควบคุมที่ชัดเจน จึงเสนอให้มีการกำกับดูแลอย่างโปร่งใส โดยใช้กฎหมายการแข่งขันทางการค้าที่ยุติธรรม จะทำให้เกิดการสมดุลในทุกช่องทางค้าปลีก อีกทั้งช่วยคงสภาพการจ้างงานในค้าปลีกแบบมีหน้าร้านที่มีมากกว่า 6.2 ล้านอัตรา และขับเคลื่อนเอสเอ็มอีไทยในระบบให้ก้าวต่อไป

ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะดังกล่าวข้างต้น ถ้าได้รับการอนุมัติจะส่งผลให้ SME อยู่รอดกว่า 1.3 ล้านราย เกิดการขยายการจ้างงานจาก 6.2 ล้านอัตรา เป็น 7.4 ล้านอัตรา และจะมีเม็ดเงินสะพัดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากกว่าแสนล้าน รวมทั้งสร้างรายได้ให้ภาครัฐเพิ่มขึ้นกว่า 3 หมื่นล้านบาท จะเห็นว่า ข้อเสนอของสมาคมฯ ข้างต้นใช้เงินงบประมาณน้อยมาก เมื่อเทียบกับผลประโยชน์ที่ SME จะได้รับ และการจ้างงานที่จะเพิ่มขึ้นยังผลต่อเศรษฐกิจประเทศชาติโดยรวมในภาวะวิกฤตขณะนี้  และเป็นแนวทางที่เกิดผลเร็วและตรงเป้าหมายชัดเจน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ยันไทยทำถูกต้องปมรั้วลวดหนามบ้านหนองจาน

ทำเนียบ 26 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ยันกรณีล้อมรั้วลวดหนาม พื้นที่บ้านหนองจาน ไทยทำถูกต้องภายใต้ข้อตกลงหยุดยิง บอกโฆษก ทบ. แจงรายละเอียด นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กัมพูชาใช้มวลชนมากดดัน เพื่อให้ไทยรื้อลวดหนามบริเวณพื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว รัฐบาลจะมีแนวทางอย่างไร ว่า พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงแล้ว ก็เป็นไปตามนั้น ส่วนจะมีการเพิ่มมาตรการอะไรหรือไม่ นายภูมิธรรม ย้ำว่าเป็นไปตามที่โฆษกกองทัพบกได้ชี้แจงไปแล้ว เพราะเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ยังกระทบกันอยู่ ก็แก้ไขปัญหาไปตามสภาพการณ์ เรายืนยันว่าสิ่งที่เราทำถูกต้องแล้ว และทำทุกอย่างภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงที่ประเทศมาเลเซีย .-315 -สำนักข่าวไทย

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสานตอนบน-ใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนัก-ลมแรง

กรุงเทพฯ 26 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด และระนอง ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและลมแรง ส่วนพายุโซนร้อน “คาจิกิ” คาดอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ก่อนเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ บริเวณ จ.น่าน เย็นวันนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด และระนอง ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ลมแรง และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ปกคลุมบริเวณประเทศลาว ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย […]

จับตา “คาจิกิ” หลายจังหวัดภาคเหนือเตรียมรับมือน้ำท่วมดินถล่ม

25 ส.ค. – หลายจังหวัดทางภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งเคยเผชิญน้ำท่วมครั้งใหญ่ทั้งน่าน ชายแดนแม่สาย เชียงราย และเชียงใหม่ ต่างเร่งเตรียมรับมือพายุคาจิกิ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบชัดเจนตั้งแต่พรุ่งนี้ นอกจากเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากแล้ว บางพื้นที่ยังเสี่ยงดินโคลนถล่มด้วย โดยเฉพาะหมู่บ้านใกล้เชิงเขาที่จังหวัดน่าน ซึ่งเกิดดินสไลด์จนกระทบบ้านเรือนนับสิบหลังก่อนหน้านี้ ตอนนี้ต้องอพยพชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัวออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว .-สำนักข่าวไทย