กรุงเทพฯ 4 ส.ค. – SCGP โชว์ผลประกอบการครึ่งปีแรกแข็งแกร่งท่ามกลางการระบาดโควิด-19 มีรายได้จากการขาย 45,903 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 11 รับยอดขายบรรจุภัณฑ์กลุ่มอี-คอมเมิร์ซ ฟู้ดเดลิเวอรี่ ผลิตภัณฑ์อาหารส่งออก สินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพพุ่งแรง
นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 45,903 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 11 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,636 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 40 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
สำหรับปัจจัยที่สร้างการเติบโตได้ดีในครึ่งปีแรกมาจากยอดขายบรรจุภัณฑ์สำหรับอี-คอมเมิร์ซ (E-Commerce) ฟู้ดเดลิเวอรี่ ผลิตภัณฑ์อาหารส่งออก สินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ (Healthcare) ที่เติบโตอย่างมาก เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 และการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ประชาชนบางส่วนปรับเปลี่ยนการทำงานเป็นแบบ Work From Home และปรับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตสู่ New Normal โดยประชาชนมีการเลือกซื้อสินค้าทางออนไลน์เพิ่มขึ้น ใส่ใจในสุขภาพ และใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย อาทิ แอลกอฮอล์เจล สเปรย์ฆ่าเชื้อ ฯลฯ รวมถึงสั่งซื้ออาหารมารับประทานที่บ้านมากขึ้น ส่งผลให้มีความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ในส่วนนี้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งชดเชยกับความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์บางกลุ่มสินค้าที่ชะลอตัวลง อาทิ ในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์
ขณะเดียวกันการที่บริษัทฯ มีฐานลูกค้ากระจายอยู่ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่หลากหลายถือเป็นจุดเด่นของ SCGP โดยลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต รวมถึงบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการออกแบบผลิตภัณฑ์รวมถึงพัฒนาโซลูชันเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านผลิตภัณฑ์แก่ลูกค้าแบบเฉพาะรายและร่วมทำงานกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด จึงทำให้เกิดฐานลูกค้าที่แข็งแรงและได้รับคำสั่งซื้อบรรจุภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญในช่วงที่ผ่านมา
ส่วนแนวโน้มความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียน อาทิ ประเทศเวียดนาม คาดว่าจะได้รับผลบวกจากการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และรองเท้า จึงคาดว่าตลาดในประเทศเวียดนามจะยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดี สำหรับประเทศอินโดนีเซียและประเทศฟิลิปปินส์คาดว่าความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ครึ่งปีหลังยังชะลอตัว เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และภาคอุตสาหกรรมยังไม่ฟื้นสู่ภาวะปกติ
ทั้งนี้ SCGP เดินหน้าก่อสร้างเพื่อขยายกำลังการผลิต 4 โรงงาน ใน 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ด้วยเงินลงทุนประมาณ 8,200 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยกลางปี 2563 – 2564 และอยู่ระหว่างการเข้าซื้อกิจการโรงผลิตกล่องกระดาษลูกฟูกในประเทศเวียดนาม ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจเติบโตในภูมิภาคอาเซียน และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้.-สำนักข่าวไทย