เมืองทองธานี 21 ก.พ.-รัฐมนตรีพาณิชย์เผยยอดส่งออกในเดือนมกราคม 2561 พุ่งสูงสุดในรอบ
5 ปี เชื่อทั้งปีเติบโตได้ร้อยละ 8 หรือยอดต่อเดือนมากกว่า 21,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า
การส่งออกของไทยในเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีมูลค่า 20,101 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ
17.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนซึ่งถือเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 62
เดือนหรือกว่า 5 ปี 2 เดือน เนื่องการส่งออกสินค้าเกือบทุกรายการ
โดยเฉพาะสินค้าเกษตรส่งออกเพิ่มขึ้น ทั้งปริมาณและมูลค่า
โดยสินค้ากลุ่มดังกล่าวขยายตัวร้อยละ 16.2
ยกเว้นยางพาราและน้ำตาล รวมทั้งยังมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
ขณะเดียวกันการส่งออกไปยังตลาดใหม่ ๆ เช่น รัสเซียยังเป็นบวก แสดงให้เห็นว่า
ค่าเงินบาทแข็งค่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยและค่าเงินบาทที่แข็งค่านั้นมาจากการที่สหรัฐทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า
ซึ่งส่งผลให้ประเทศอื่นในภูมิภาคแข็งค่าเป็นไปในทิศทางเดียวกับไทย
“อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าในปีนี้การส่งออกจะขยายตัวได้ร้อยละ 8 ตามเป้าหมาย จากสมมุติฐานอัตราแลกเปลี่ยน 32-34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
และราคาน้ำมัน 55-60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยจะสามารถผลักดันให้
มีมมูลค่าการส่งออกได้เดือนละไม่ต่ำกว่า 21,412 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เน้นการพัฒนาเพิ่มมูลค่าการส่งออกสินค้าใหม่ๆ
รวมถึงสินค้าบริการ ตลอดจนผลักดัน เอสเอ็มอีให้มีการส่งออกมากขึ้น”รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว
ขณะที่การนำเข้า มีมูลค่ากว่า 20,220 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ขยายตัวร้อยละ 24.3
จากการนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิง รวมถึงสินค้าทุนและวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น
ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดี ในช่วงภาวะเงินบาทแข็งค่า ทำให้ดุลการค้า เดือนมกราคมขาดดุล
119.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการขาดดุลเป็นเดือนที่ 2
เป็นการนำเข้าจากสินค้าทุนและโอกาสที่ค่าเงินบาทแข็งทำให้ราคาสินค้ามีราคาต่ำลง
จึงเป็นจังหวะที่ดี และคาดว่าในไตรมาสแรกปีนี้โอกาสส่งออกเติบโตกว่าร้อยละ 8
ได้.-สำนักข่าวไทย