กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินสัปดาห์นี้ ติดตามรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ความคืบหน้า ธปท. หารือผู้ค้าทองคำ ตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัด ส.ค. ของไทย ถ้อยแถลงเฟด รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ มองกรอบค่าเงินบาทที่ 31.80-32.50 บาท/ดอลลาร์ คาดดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,270 และ1,245 จุด แนวต้านที่ 1,300 และ 1,315 จุด
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรายงานว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ ที่ 32.32 บาทต่อดอลลาร์ ปัจจัยกดดันจากตัวเลขการส่งออกของไทยที่เริ่มชะลอลงและข่าวการปรับมุมมองต่ออันดับความน่าเชื่อถือของไทยเป็น Negative โดยFitch ขณะที่เงินดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้น หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดีกว่าที่คาด
ส่วนสัปดาห์นี้ (29 ก.ย.-3 ต.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 31.80-32.50 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน ส.ค. ของไทยประเด็นเกี่ยวเนื่องจากการหารือระหว่าง ธปท. และผู้ค้าทองคำ สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลกและฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ รวมไปถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญ และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และดัชนี PMI เดือน ก.ย. ของจีน ญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษเช่นกัน
ขณะที่ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวน เนื่องจากไร้ปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นตลาด แต่ดีดตัวขึ้นหลังมีรายงานข่าวประชุม ครม.นัดพิเศษของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งกระตุ้นความคาดหวังต่อการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อนดัชนีหุ้นไทยจะย่อตัวลงช่วงท้ายสัปดาห์ สอดคล้องทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค หลังมีรายงานสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเพิ่มเติม ครอบคลุมยา รถบรรทุกและเฟอร์นิเจอร์ มีผลตั้งแต่ 1 ต.ค. 2568 เป็นต้นไป นอกจากนี้ตลาดหุ้นไทยยังมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากการที่ Fitch ปรับลดมุมมองความน่าเชื่อถือของไทยเป็น “เชิงลบ”
ส่วนสัปดาห์นี้ (29 ก.ย.-3 ต.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,270 และ1,245 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,300 และ 1,315 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI/ISM ภาคการผลิตและการบริการ ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราการว่างงานเดือน ก.ย. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน ก.ย. และดัชนีราคาผู้ผลิตเดือน ส.ค. ของยูโรโซน ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือน ก.ย. ของยูโรโซน ญี่ปุ่น และจีน ตลอดจนยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ส.ค. ของญี่ปุ่น.-516-สำนักข่าวไทย