สสว. เปิดข้อมูลผลกระทบส่งออก SME ไทย ภายใต้สงครามการค้า ยุคทรัมป์ 2.0

4 เม.ย. – สสว.ประเมินมาตรการขึ้นกำแพงภาษีของสหรัฐกระทบส่งออกของเอสเอ็มอี ปี 2568 จะลดลง 1,128 ล้านเหรียญสหรัฐ ฉุดให้จีดีพี เอสเอ็มอี ปี 2568 ลดลง 0.2% จากที่ สสว. ประมาณการการขยายตัวไว้ที่ 3.5% ลุ้นการเจรจาต่อรองของรัฐบาลไทย รวมทั้งมาตรการตอบโต้ของประเทศคู่ค้าอื่น ๆ


เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2025 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเพิ่มเติมที่กระทบกับหลายประเทศรวมถึงไทยที่จะถูกเก็บอัตราษีสูงถึง 37% มีผลตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2025 เป็นต้นไป จากข้อมูลการส่งออกปี 2024 พบว่า SME พึ่งพาตลาดสหรัฐสูงถึง 20 % ด้วยมูลค่า 7,634 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเอสเอ็มอีมีส่วนแบ่งของการส่งออกไทยไปสหรัฐที่ 14 % โดยสหรัฐเป็นตลาดส่งออกของเอสเอ็มอีลำดับที่ 2 รองจากจีน ขณะที่เอสเอ็มอีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ 2,563 ล้านเหรียญ ทำให้เอสเอ็มอีเกินดุล 5,070 ล้านเหรียญสหรัฐ และในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2025 นี้ เอสเอ็มอียังส่งออกไปสหรัฐมูลค่ารวม 1,440 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 39.6% สินค้าส่งออกสำคัญ 5 ลำดับแรกได้แก่ อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องจักร อัญมณีและเครื่องประดับเฟอร์นิเจอร์ และพลาสติก คิดเป็นสัดส่วน 75 % ของ มูลค่าส่งออกของเอสเอ็มอีไปยังสหรัฐทั้งหมด

สำหรับผลกระทบจากมาตรการขึ้นกำแพงภาษีครั้งนี้ สสว. ประมาณการว่ามูลค่าส่งออกของเอสเอ็มอี ไปยังสหรัฐ ปี 2568 จะลดลง 1,128 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 38,300 ล้านบาท และอาจส่งผลให้จีดีพี เอสเอ็มอี ปี 2568 ลดลง 0.2 % จากที่ สสว. ประมาณการการขยายตัวไว้ที่ 3.5 % ทั้งนี้ ความรุนแรงของผลกระทบดังกล่าว ขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรองของรัฐบาลไทย รวมทั้งมาตรการตอบโต้ ของประเทศคู่ค้าอื่น ๆ


ทั้งนี้ สสว. ได้วิเคราะห์ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับกลุ่มผู้ส่งออกเอสเอ็มอีในเบื้องต้นพบว่า มีสินค้า 12 กลุ่มหลัก ที่พึ่งพิงการส่งออกไปสหรัฐในระดับสูง (การส่งออกสินค้ากลุ่มนั้นไปยังสหรัฐเป็นตลาดหลักเกินกว่า 10% และมูลค่าสูงกว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ) จะกระทบกับเอสเอ็มอีประมาณ 3,700 ราย ดังนี้
1.กลุ่มอุปกรณ์ไฟฟ้า ได้แก่ เครื่องโทรศัพท์สมาร์ทโฟน เครื่องส่งวิทยุ กล้อง ถ่ายบันทึกภาพดิจิทัล และลวดเคเบิล
-มูลค่าส่งออก : 2,792 ล้านเหรียญสหรัฐ
-สัดส่วน SME : 34%
-พึ่งพาตลาดสหรัฐ : 59%
-จำนวนผู้ส่งออกเอสเอ็มอี : 914 ราย

2.กลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับ ได้แก่ พลอย และเครื่องประดับเพชรพลอยรูปพรรณ
-มูลค่าส่งออก: 758 ล้านเหรียญสหรัฐ
-สัดส่วน SME: 45 %
-พึ่งพาตลาดสหรัฐฯ: 19 %
-จำนวนผู้ส่งออก 885 ราย

3.กลุ่มเครื่องจักรและส่วนประกอบ ได้แก่อุปกรณ์เครื่องปรับอากาศ ก๊อก วาล์ว ส่วนประกอบเครื่องยนต์อากาศยาน
-มูลค่าส่งออก : 466 ล้านเหรียญสหรัฐ
-สัดส่วนเอสเอ็มอี : 25%
-พึ่งพาตลาดสหรัฐ : 52%
-จำนวนผู้ส่งออก SME : 156 ราย


4.กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์ เก้าอี้ โซฟา โคมไฟ อุปกรณ์ส่องสว่าง เฟอร์นิเจอร์การแพทย์
-มูลค่าการส่งออก : 432.15 ล้านเหรียญสหรัฐ
-สัดส่วนเอสเอ็มอี : 45%
-พึ่งพาตลาดสหรัฐฯ : 68%
-จำนวนผู้ส่งออก SME : 400 ราย

5.ของทำด้วยเหล็กหรือเหล็กกล้า เช่น ข้อต่อ ลวดเกลียว สลิง ตะปู สะพานและชิ้นส่วน ประตูน้ำ เครื่องสุขภัณฑ์ ของใช้ในครัวและโต๊ะอาหาร
-มูลค่าการส่งออก : 181.07 ล้านเหรียญสหรัฐ
-สัดส่วน เอสเอ็มอี : 24%
-พึ่งพาตลาดสหรัฐฯ: 31%
-จำนวนผู้ส่งออกเอสเอ็มอี : 422 ราย

6.ยานยนต์และชิ้นส่วน ได้แก่ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รถพ่วงและกึ่งพ่วง
-มูลค่าการส่งออก : 116 ล้านเหรียญสหรัฐ
-สัดส่วน เอสเอ็มอี : 8%
-พึ่งพาตลาดสหรัฐ : 21%
-จำนวนผู้ส่งออก SME : 138 ราย

7.ของปรุงแต่งทำจากพืชผักผลไม้ ได้แก่ น้ำผลไม้ ผลไม้ ผักผลไม้ดอง ผลไม้แช่อิ่ม แยม
-มูลค่าการส่งออก : 73.97 ล้านเหรียญสหรัฐ
-สัดส่วนเอสเอ็มอี: 10%
-พึ่งพาตลาดสหรัฐ : 14%
-จำนวนผู้ส่งออกเอสเอ็มอี : 293 ราย

8.อะลูมิเนียมและของทำด้วยอะลูมิเนียม ได้แก่ สิ่งก่อสร้างทำด้วยอะลูมิเนียม ภาชนะอะลูมิเนียมสำหรับบรรจุก๊าซอัดหรือก๊าซเหลว และของอื่น ๆ ทำด้วยอะลูมิเนียม
-มูลค่าการส่งออก : 68.23 ล้านเหรียญสหรัฐ
-สัดส่วนเอสเอ็มอี : 55%
-พึ่งพาตลาดสหรัฐ : 53%
-จำนวนผู้ส่งออกเอสเอ็มอี : 74 ราย

9.เครื่องแต่งกายถักแบบนิตหรือแบบโครเชต์ ได้แก่ เสื้อกั๊ก เสื้อผ้าของเด็กเล็ก สูท เชิ้ต ถุงมือทุกชนิด เสื้อโอเวอร์โค้ตของบุรุษ ชุดวอร์ม ชุดสกี และชุดว่ายน้ำ
-มูลค่าการส่งออก : 50.67 ล้านเหรียญสหรัฐ
-สัดส่วนเอสเอ็มอี : 17%
-พึ่งพาตลาดสหรัฐ : 41%
-จำนวนผู้ส่งออกเอสเอ็มอี : 190 ราย

10.ธัญพืช ได้แก่ ข้าว
-มูลค่าการส่งออก : 42.00 ล้านเหรียญสหรัฐ
-สัดส่วนเอสเอ็มอี : 5%
-พึ่งพาตลาดสหรัฐ : 11%
-จำนวนผู้ส่งออกเอสเอ็มอี : 85 ราย

11.กลุ่มยางและผลิตภัณฑ์ยาง ได้แก่แผ่นยางปูพื้น อย่างกันกระแทก ท่อยางอุตสาหกรรม
-มูลค่าส่งออก 24 ล้านเหรียญสหรัฐ
-สัดส่วนเอสเอ็มอี : 16%
-พึ่งพาตลาดสหรัฐ : 16%
-จำนวนผู้ส่งออก เอสเอ็มอี : 121 ราย

12.กลุ่มเนื้อสัตว์แปรรูป ได้แก่ สัตว์น้ำแปรรูป จำพวก กุ้ง หอย ปู
-มูลค่าส่งออก 14 ล้านเหรียญสหรัฐ
-สัดส่วน เอสเอ็มอี : 7%
-พึ่งพาตลาดสหรัฐ : 49%
-จำนวนผู้ส่งออก เอสเอ็มอี : 30 ราย

เพื่อรองรับมาตรการดังกล่าว เอสเอ็มอีไทยจำเป็นต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วน โดยมุ่งเน้นการค้นหาตลาดใหม่และคู่ค้าในภูมิภาค รวมทั้งหาประโยชน์จากกฎเกณฑ์การค้าผ่านข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) และใช้ฐานการผลิตจากประเทศที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาษี

นอกจากนี้ รัฐบาลควรให้การสนับสนุนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมการลงทุน และเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชน ทำให้ภาคเอกชนสามารถบริโภคได้มากขึ้น ลดการพึ่งพาการส่งออก และกระตุ้นการท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม ไทยยังต้องเผชิญกับการไหลบ่าของสินค้าจากประเทศอื่น ๆ ที่แสวงหาตลาดทดแทนสหรัฐฯ ดังนั้น การเร่งสร้างมาตรการรองรับ รวมถึงการเพิ่มความตระหนักให้ผู้ซื้อพิจารณาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันการขาดดุลการค้าที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต. -116 สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

South Korea's presidential election voting place

เกาหลีใต้เลือกตั้ง ปธน.หลังการเมืองวุ่นหลายเดือน

โซล 3 มิ.ย.- ชาวเกาหลีใต้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันนี้ หลังจากการเมืองตกอยู่ในความวุ่นวาย นับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดีประกาศใช้กฎอัยการศึกเมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง 44.39 ล้านคน ในเกาหลีใต้เริ่มออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีตามหน่วยเลือกตั้งต่าง ๆ ทั่วประเทศในวันนี้ ที่เปิดให้ลงคะแนนตั้งแต่เวลา 06.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติของเกาหลีใต้ส่งกำลังตำรวจทั้งหมด 28,590 นายไปประจำการตามคูหาเลือกตั้งทั้ง 14,295 แห่งทั่วประเทศเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย การลงคะแนนจะเสร็จสิ้นในเวลา 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น คาดว่าจะทราบผลเลือกตั้งได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังปิดหีบ โดยเมื่อวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ที่แล้ว มีการจัดให้ลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า มีผู้ออกไปใช้สิทธิลงคะแนนมากกว่า 15 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 34.74 สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่เริ่มให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้าได้ตั้งแต่ปี 2557 การเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ต้องจัดขึ้นก่อนกำหนดเดิมที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 มีนาคม 2570 หลังเกิดความวุ่นวายทางการเมืองนานหลายเดือน จากการที่นายยุน ซ็อก ยอล อดีตประธานาธิบดี ประกาศใช้กฎอัยการศึกเป็นเวลาสั้นๆ เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ทำให้เขาถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งในเวลาต่อมา หลายฝ่ายมองว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการลงประชามติต่อการกระทำของนายยุน มากกว่าการชูนโยบายแข่งขันกันของผู้สมัครชิงตำแหน่ง […]

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

นายกฯ นำทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระบรมราชินี

สนามหลวง 3 มิ.ย.- นายกฯ เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ตักบาตรพระสงฆ์ 148 รูป ถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เมื่อเวลา 07.30 น. ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 148 รูป เพื่อถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 ณ บริเวณท้องสนามหลวง โดยมีคณะองคมนตรีและภริยา ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานวุฒิสภา ประธานองค์กรอิสระและคู่สมรส รองนายกรัฐมนตรีและภริยา รัฐมนตรีว่าการผู้บริหารหน่วยราชการในพระองค์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บัญชาการทหารและตำรวจ พร้อมภริยา และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย ทั้งนี้ เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึงปะรำพิธี พระสงฆ์จำนวน 10 รูป ในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ขึ้นนั่งอาสน์สงฆ์ จากนั้น […]

กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง-ตกหนักบางแห่ง

กทม. 3 มิ.ย.- กรมอุตุฯ เตือนมรสุมพัดปกคลุมประเทศไทย ส่งผลให้ยังมีฝนฟ้าคะนองและตกหนักบางแห่ง ทะเลอันดามันคลื่นสูง 2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง .-สำนักข่าวไทย