กรุงเทพฯ 1 เม.ย. – บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินไตรมาส 2 /2568 เศรษฐกิจโลกกำลังเปลี่ยนทิศ จีนกำลังฟื้น ขณะที่ไทย แผ่นดินไหวกระทบจำกัด ฟื้นตัวใน 1 เดือน ชี้หากบังคับใช้ Reciprocal Tariffs ไทยอาจโดนภาษี 6-16% ทำให้ GDP ปี 2568 ลดลงจาก 2.5% เหลือเพียง 2.0% หรือต่ำกว่า แนะกระจายความเสี่ยง เน้นหุ้นเชิงรับ และหุ้นต่างประเทศที่มีศักยภาพสูง
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) เรือธงด้านการลงทุนภายใต้กลุ่มเอสซีบีเอกซ์ (SCBX Group) เปิดเผยมุมมองเศรษฐกิจและกลยุทธ์การลงทุนประจำไตรมาส 2 ปี 2568 ภายใต้ธีม “Reversal of Fortune – ลมเปลี่ยนทิศ” สะท้อนถึงภาพเศรษฐกิจโลกที่กำลังเปลี่ยนทิศทางอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเคยเป็นแรงขับเคลื่อนหลักในช่วงที่ผ่านมา สวนทางกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนจากมาตรการกระตุ้นเชิงรุก ขณะที่ยุโรปเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ “Mild Stagflation” ซึ่งเป็นภาวะที่การเติบโตชะลอตัว ด้านเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงกว่ากรอบเป้าหมาย
InnovestX มองว่าตลาดหุ้นทั่วโลกยังมีความผันผวนสูง โดยเฉพาะแรงกดดันจากแรงกดดันนโยบายการค้าของสหรัฐ และปรับลดเป้าหมาย SET Index ลงเหลือ 1,350 จุด จากเดิม 1,550 จุด เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่เผชิญแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก อย่างไรก็ตาม มองว่า SET Index มีโอกาสฟื้นตัวในไตรมาส 2/2568 จาก valuation ที่น่าดึงดูด และมาตรการจากภาครัฐ ทั้งนี้ นักลงทุนควรเน้นกลยุทธ์กระจายความเสี่ยง ทั้งในเชิงภูมิภาคและหมวดอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้นเชิงรับ (Defensive Stocks) ที่มีรายได้ในประเทศสูง รวมถึงหุ้นในต่างประเทศที่มีศักยภาพเติบโต อาทิ กลุ่ม AI และพลังงานสะอาด แนะนำปรับลดสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เนื่องจากมีความน่าสนใจลดลง และมีความเห็นเป็นกลางกับหุ้นไทย แต่เริ่มมอง downside จำกัดและมีโอกาสฟื้นตัวได้ระยะสั้น ขณะเดียวกันมีมุมมองด้านบวกสำหรับตลาดจีน โดยเฉพาะหุ้น A-Shares เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากมาตรการภาครัฐและการหันกลับมาสนับสนุนภาคเอกชน และสำหรับตลาดเวียดนามจากประเด็นโอกาสการยกระดับตลาดหุ้นขึ้นสู่Emerging market พร้อมแนะนำกระจายพอร์ตสู่สินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ตราสารหนี้ ซึ่งมีแนวโน้มให้ผลตอบแทนที่มั่นคงในภาวะความผันผวนสูง
สำหรับผลกระทบจากแผ่นดินไหวเมื่อ 28 มีนาคม 2568 InnovestX ประเมินว่าเกิดขึ้นจำกัดในระยะสั้น โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวที่อาจสูญเสียรายได้ราว 10–15% ภายใน 2 สัปดาห์ และอาจกระทบต่อช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยใช้เวลาประมาณ 1 เดือนจึงฟื้นตัว หุ้นที่ได้รับประโยชน์คือกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ขณะที่กลุ่มอสังหาฯ ที่ได้รับผลกระทบเชิงลบในระยะสั้นเริ่มฟื้น หลังจากนี้ยังต้องติดตามผลการตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรง คาดว่า GDP ปี 2568 ยังขยายตัวได้ที่ 2.5% เนื่องจากไม่มีความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ และคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวที่ 0.25%
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่านโยบาย Reciprocal Tariffs ของสหรัฐฯ เป็นความเสี่ยงหลักต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้ มากกว่าภัยธรรมชาติ โดยจับตามาตรการขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ของสหรัฐที่จะมีผล 2 เม.ย.2568 นี้ ความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะขึ้นภาษีนำเข้าจากไทย 6-16% ทั้งนี้ หากเก็บภาษีนำเข้าจากไทย 6% อาจกระทบจีดีพีจาก 2.5% ลดลงเหลือ 2.2% และ กนง. อาจลดดอกเบี้ยเพิ่มเป็น 2 ครั้ง และถ้าหากเก็บภาษี 10% จีดีพีจะลดลงเหลือ 2.0% กนง. อาจดอกเบี้ย 3 ครั้ง และหากเก็บถึง 16% จีดีพีจะลดลงเหลือ 1.3%.-516-สำนักข่าวไทย