กรุงเทพฯ 27 มี.ค. – บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ ชี้การลงทุนภาครัฐและเอกชนหนุนเศรษฐกิจไทยปี 67 โต 3% หาก digital wallet มีเม็ดเงินเข้าระบบไตรมาส 4/67 จะหนุนจีดีพีปี 68 ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 2/67เริ่มฟื้นตัวจากอานิสงส์ เฟดลดดอกเบี้ยนโยบาย คาด SET Index สิ้นปี ที่ 1,550 จุด
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ภายใต้กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ (SCBX Group) กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกในไตรมาส 2 ปี 2567 มีแนวโน้มชะลอตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป (Global Soft-Landing) แม้ว่าอัตราการเติบโตจะสูงกว่าที่นักวิเคราะห์เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ทั้งนี้ การที่อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯอยู่ในทิศทางชะลอตัว ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีโอกาสลดดอกเบี้ยได้ในปีนี้ ส่วนของเศรษฐกิจจีนเริ่มเห็นการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายด้าน โดยหากเศรษฐกิจจีนเติบโตตามแผนของรัฐบาลจะส่งผลบวกต่อทั้งเศรษฐกิจและตลาดหุ้นของเอเชียโดยเฉพาะไทย
ขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านการเบิกจ่ายภาครัฐเป็นหลัก และการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งหากการเบิกจ่ายทำได้ดีและมีประสิทธิภาพ มีการประมาณการเติบโต GDP ของไทย จะขยายตัวได้ 3.0% จากการลงทุนภาครัฐและเอกชนที่เพิ่มขึ้น แต่หากการเบิกจ่ายต่ำกว่าคาด เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2.5% ซึ่งหากเป็นกรณีหลังประเมินว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจสามารถปรับลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้ง คาดจะเริ่มเห็นการลดดอกเบี้ยในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในเดือนเมษายน และมิถุนายน เนื่องจากเศรษฐกิจยังเปราะบาง
“ส่วน นโยบาย ดิจิทัล วอลเล็ต ยังไม่ได้นำมาเป็นปัจจัยในประมาณการณ์เศรษฐกิจปีนี้ เนื่องจากตามกระแสข่าว จะมีผลในช่วง ไตรมาส 4 ซึ่งหากมีเม็ดเงินเข้ามาในระบบในช่วงเวลาดังกล่าวได้จริง มองว่าจะส่งผลต่อประมาณการณ์เศรษฐกิจในปีหน้า” นายสุกิจ กล่าว
สำหรับตลาดหุ้นไทยประเมินเป้าหมาย SET Index อยู่ที่ 1,550 จุด แนะจุดเข้าซื้อที่สำคัญอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 1,400 จุด ผลตอบแทนที่คาดหวังอยู่ที่ 12% ชี้เป้าหุ้นเด่นไตรมาส 2 ปี 2567 แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มขนส่ง และ กลุ่มสาธารณูปโภค เน้นโฟกัสหุ้นที่ผลประกอบการทำจุดต่ำสุดแล้วและได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย มีฐานะการเงินและกระแสเงินสดที่ดี ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างชัดเจน และได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของวงจรการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการเบิกจ่ายงบประมาณ ได้แก่ AOT GFPT GULF KCE และ SCGP ส่วนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต หากมีผลในช่วงปลายปี จะมีผลในเชิงจิตวิทยา สะท้อนในตลาดหุ้น โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มการบริโภค ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา underperform.-516-สำนักข่าวไทย