มะนิลา 27 ก.ย.-การประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียนครั้งที่
35 ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เริ่มขึ้นแล้ว ประเด็นหารือ
อาเซียนยังมุ่งเน้นการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนให้ได้ร้อยละ 23 ภายในปี 2568 ขณะที่การประกวดรางวัล Asean
Eergy Awards 2017 ประเทศไทยคว้ารางวัลมาได้ 25 รางวัล มากที่สุดในอาเซียน
พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ในการประชุมวันนี้ จะมีการหารือใน 4
เรื่องใหญ่ ประกอบด้วย การหารือ 11 ชาติอาเซี่ยนบวก + 3 ประเทศ ประกอบด้วย ญี่ปุ่น
จีน และประเทศเกาหลี การหารือด้านพลังงานอาเซียน + 8 โดยเป็นความพยายามของอาเซียนที่จะเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนให้ได้ร้อยละ
23 ภายในปี 2568 ซึ่งในปี 2558 อาเซียนสามารถเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนได้แล้วร้อยละ
14 ซึ่งประเทศไทยทำได้ร้อยละ 14 เช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีการหารือถึงการนำเทคโนโลยีใหม่
ๆ เข้ามาใช้ และการปรับตัวรับกับเทคโนโลยีพลังงานใหม่ ๆ เข้ามา การหารือเรื่องการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลวหรือ
LNG ซึ่งอาเซียนมีการใช้เพิ่มขึ้นอย่างมาก
จึงจะหารือกันว่า จะทำอย่างไร ถึงจะเพิ่มอำนาจต่อรองในตลาดโลก หรือมีระบบการบริหารจัดการ
LNG ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
และในการประชุม รัฐมนตรีพลังงานอาเซียนครั้งที่ 35 ยังมีการแจกรางวัล Asean Eergy Awards 2017
ซึ่งประเทศไทยคว้ารางวัลมาได้ 25 รางวัล มากที่สุดในอาเซียน
วันนี้(27 ก.ย.)
กระทรวงพลังงานของไทยจะหารือทวิภาคีกับกระทรวงพลังงานของประเทศสิงคโปร์
ซึ่งในปีหน้าประเทศสิงคโปร์จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียนครั้งที่
36 สำหรับประเทศฟิลิปินส์ เป็นประเทศที่มีหมู่เกาะมาก ส่งผลกระทบต้นทุนด้าน โลจิสติกส์จึงกระทบค่ากระแสไฟฟ้าและการที่ฟิลิปปินส์ไม่มีการสนับสนุนค่ากระแสไฟฟ้า
ทำให้ค่ากระแสไฟฟ้าสูงกว่าประเทศไทยถึง 2 เท่า อย่างไรก็ตาม
หากพิจารณาจากแผนพลังงานของประเทศฟิลิปินส์แล้ว
ประเทศฟิลิปปินส์มีแผนใช้พลังงานถ่านหินเพิ่มขึ้นในอนาคต นอกจากนี้
ยังมีไบโอแมสและยังมีการน้ำมันเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งนับเป็นการเฉลี่ยการใช้เชื้อเพลิงให้มีความมั่นคงในช่วง
20 ปีข้างหน้าคล้าย ๆ กับประเทศไทยเช่นกัน
พลเอกอนันตพร กล่าวอีกว่า
การประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียนครั้งที่ 35 นับเป็นก้าวสำคัญของไทย
ในแผนปฎิบัติการพลังงานอาเซียน ที่ขณะนี้ประเทศไทยถือเป็นผู้นำในด้านการพัฒนาพลังงานทดแทนในอาเซียน
มุ่งสู่การส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยได้วางยุทธศาสตร์การพัฒนาพลังงานระยะ 20 ปี (ปี 2558-2579 ) โดยเฉพาะ
แผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2558–2579 (EEP 2015)
และแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP 2015) ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการตอบโจทย์นโยบาย
Energy 4.0 โดยมีเป้าหมายสำคัญ
4 ด้านได้แก่ 1.ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนด์ไดออกไซด์
ตามข้อผูกพันของการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่
21 หรือ Cop21
2.ลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล 3.การสร้างกลไกการแข่งขันไปสู่เสรีเพื่อราคาเป็นธรรม
และ 4.การพัฒนาพลังงานชุมชนเพื่อสร้างรายได้แก่ชุมชน
สำหรับผู้ประกอบการไทยที่สามารถคว้ารางวัล Asean Eergy Awards ได้รวม 19
รางวัลซึ่งถือเป็นประเทศที่คว้ารางวัลสูงสุดต่อเนื่อง แบ่งเป็นด้านพลังงานทดแทน 9
ผลงานและด้านอนุรักษ์พลังงาน 10 ผลงาน เช่น Large Industry Category จำนวน 1 ผลงาน
ได้แก่บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด โรงงานบ้านโพธิ์, Special Submission Industry
Category ขณะเดียวกันยังได้รับรางวัล ASEAN Coal Awards 2017 จำนวน 6
รางวัล อาทิ ด้าน Best Practice Categolyและด้าน Corporate Social Responsibility
(CSR) และด้าน Special Submission Category จาก Thailand Coal Awards 2017 -สำนักข่าวไทย
