สคส.คุมเข้มสั่งปรับข้อมูลรั่วไหลภาคเอกชน จำนวน 7 ล้านบาท

นนทบุรี 21 ส.ค. – คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มีคำสั่งปรับเอกชนซื้อขายสินค้าออนไลน์รายใหญ่จำนวน 7 ล้านบาท หลังปล่อยข้อมูลรั่วไหลกว่า 1 แสนราย ไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์
 
ที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) เปิดเผยว่า เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องข้อมูลรั่วไหลภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนไปกระทำความผิดกฎหมาย และเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการทำธุรกรรมออนไลน์ รวมถึงโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ ซึ่งต้องมีการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในการยืนยันตัวตน คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ คณะที่ 2 ที่รับข้อร้องเรียนเกี่ยวกับเทคโนโลยีและอื่น ๆ ได้มีคำสั่งปรับบริษัทเอกชนรายใหญ่ของประเทศที่มีการซื้อขายสินค้าออนไลน์ ที่ปล่อยให้ข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนมากรั่วไหลไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยไม่มีมาตรการควบคุมดูแลรักษาความมั่นคงปลอดภัยตามที่ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 กำหนด รวมถึงบริษัทดังกล่าวไม่มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) และละเลยไม่แจ้งเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลที่รั่วไหลให้แก่สำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทราบภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ คณะที่ 2 จึงมีคำสั่งลงโทษปรับทางการปกครองบริษัทดังกล่าวในอัตราสูงสุดรวมจำนวนทั้งสิ้น 7 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
1) บริษัทที่ถูกร้องเรียนได้เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าจำนวนมากกว่า 1 แสนราย และใช้ข้อมูลดังกล่าวในการประกอบธุรกิจหลักของบริษัท แต่กลับไม่มีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กฎหมายกำหนด จึงทำให้เมื่อเกิดข้อมูลรั่วไหล บริษัทดังกล่าวไม่สามารถเยียวยาแก้ไขปัญหาได้ ซึ่งเป็นกรณีดำเนินการที่ขัดต่อมาตรา 41 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562


2) ผู้ถูกร้องเรียนดังกล่าวไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมตามที่ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กำหนด ทำให้ข้อมูลรั่วไหลจากบริษัทดังกล่าวไปยังกลุ่มมิจฉาชีพคือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และก่อให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อมาตรา 37(1) แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
3) เมื่อเกิดเหตุข้อร้องเรียนจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทกลับเพิกเฉยไม่ดำเนินการแก้ไข และแจ้งเหตุให้สำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลล่าช้า ทำให้ไม่สามารถเยียวยาได้ อันเป็นความผิดตามมาตรา 37 (4) พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
 
นอกจากคำสั่งในการปรับทางปกครองดังกล่าวเป็นจำนวน 7 ล้านบาท คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ คณะที่ 2 ยังมีคำสั่งให้บริษัทผู้ถูกร้องเรียนปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยที่ป้องกันไม่ให้ข้อมูลรั่วไหลอีก นอกจากนี้ยังมีคำสั่งกำชับให้บริษัทผู้ถูกร้องเรียนดำเนินการอบรมพนักงานเจ้าหน้าที่ รวมถึงเพิ่มเติมมาตรการรักษาความปลอดภัยให้ทันสมัย กับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป และมีหน้าที่ต้องแจ้งให้สำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงมาตรการแก้ไขดังกล่าวภายใน 7 วัน นับแต่ได้รับคำสั่ง
 
 คำสั่งลงโทษปรับทางการปกครองดังกล่าว เป็นคำสั่งลงโทษปรับทางการปกครองฉบับแรกกับบริษัท เอกชนรายใหญ่ โดยคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ คณะที่ 2 ตั้งแต่ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับ ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรปหรือ GDPR
 
รมว.ดีอีเอส กล่าวเพิ่มเติมว่า คำสั่งปรับดังกล่าวต้องการคุ้มครองประชาชนจากปัญหากรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์และข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหลที่เป็นปัญหาหลักของประเทศในตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา รวมถึงเป็นการแจ้งเตือนไปยังหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานภาคเอกชนที่มีข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล ให้ต้องดำเนินการแจ้งสำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายกำหนด โดยคำสั่งปรับทางการปกครองฉบับนี้จะใช้เป็นมาตรฐาน และบรรทัดฐานในการพิจารณาเรื่องข้อมูลรั่วไหลในภาครัฐ และภาคเอกชน ที่มีการร้องเรียนเข้าที่สำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลต่อไป
 
อย่างไรก็ตาม ผลจากการปรับครั้งนี้จะทำให้ภาครัฐและภาคเอกชนตื่นตัวในเรื่องการเคร่งครัดและปฎิบัติตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ให้มากขึ้น รวมถึงเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการในการป้องปรามอาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เกิดขึ้น จากการนำเอาข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนที่มีอยู่มากในปัจจุบันไปใช้โดยผิดกฎหมาย นอกจากนี้มาตรการดังกล่าวยังช่วยในการเยียวยาบรรเทาความเสียหายให้กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหลจากเหตุดังกล่าวข้างต้น และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลทางออนไลน์ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนให้มากขึ้น ทั้งนี้อยากให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับความเสียหาย สามารถใช้สิทธิ์เยียวยาได้โดยให้แจ้งข้อมูลมาที่ สคส.ได้ในวันและเวลาราชการที่เบอร์02-027-8852,02-142-1033,02-114-8504.-513-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พระขโมยรถยนต์โยมวันเข้าพรรษา

กาฬสินธุ์ 12 ก.ค.-วงการผ้าเหลืองไม่แผ่ว พระหนุ่มขโมยรถยนต์ญาติโยมที่มาทำบุญวันเข้าพรรษา ถูกตำรวจสกัดจับได้ทันควัน ตำรวจ สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ สกัดจับรถเก๋งสีดำคันบริเวณสี่แยกไฟแดง อ.สมเด็จ หลังรับแจ้งว่าพระสงฆ์หนุ่มแอบขโมยรถจากญาติโยมที่มาทำบุญในวันเข้าพรรษา แล้วขับหนีมาทาง อำเภอสมเด็จ ตำรวจจึงออกสกัดจับจนเจอ ส่วนพระสงฆ์ที่ก่อเหตุมีอาการพูดจาวกไปวนมา ตำรวจจึงนำตัวมาสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก และแจ้งให้เจ้าของรถมารับรถคืน เตรียมดำเนินคดีกับพระรูปนี้ต่อไป หลังสึกจากการเป็นพระ.-สำนักข่าวไทย

น้ำป่าทะลักท่วมแพร่ บ้านเรือนเสียหายหนัก

แพร่ 12 ก.ค.-ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ จ.แพร่ น้ำป่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรช่วงกลางดึก เสียหาย 2 อำเภอ เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ชุมชนในตำบลแดนชุมพล จังหวัดแพร่ และอำเภอร้องกวางบางส่วน เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มและแนวทางน้ำธรรมชาติที่รับน้ำจากภูเขาและป่าใกล้เคียง ปริมาณน้ำที่หลากเข้ามาเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว ทรัพย์สินของประชาชนบางส่วนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะบ้านโทกค่า อำเภอสอง จังหวัดแพร่ หลายหลังคาเรือนได้รับผลกระทบเนื่องจาก ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน ปีนี้น้ำมากกว่าทุกปี ทำให้เก็บข้าวของไม่ทัน ได้รับความเสียหาย ครั้งสุดท้ายที่เคยท่วม ตั้งแต่ปี 2538 .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ปมมีชื่อพระโผล่คลิปสีกา ก.

กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ เผยกรณีปรากฏชื่อ “พระปริยัติธาดา” ในคลิปพัวพันสีกา ก. มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร จากกรณีปรากฏรายชื่อพระในคลิปมีความสัมพันธ์กับ “สีกา ก.” จนถึงขั้นปาราชิก หนึ่งในนั้นคือ พระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และมีรายงานข่าวว่าท่านหายตัวจากวัดหลังจากตกเป็นข่าว ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดกัลยาณมิตรฯ พบว่าพระของวัดทุกรูปลงโบสถ์เพื่อประกอบศาสนกิจเนื่องในวันเข้าพรรษา ภายในพระอุโบสถ ภายหลังประกอบศาสนกิจลงโบสถ์ของพระวัดกัลยาณมิตรฯ เสร็จสิ้น พระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ ได้ถ่ายรูปกับพระใหม่และพระสงฆ์ในวัด และให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายภาพ พร้อมกับพูดคุยเบื้องต้น กรณีปรากฏชื่อของพระปริยัติธาดา เป็นหนึ่งในบุคคลในคลิปที่เกี่ยวข้องกับสีกา ก. ว่าส่วนตัวไม่ทราบ คนเราไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่น มองเป็นเรื่องธรรมชาติในสังคมที่มีทั้งคนดีและไม่ดี เรื่องนี้เป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร และอยากถาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เพื่อขอดูคลิปที่กล่าวอ้าง ถ้าภาพมันชัดเจนก็ต้องออกตามกฎ ซึ่งใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เมื่อถามว่า พระปริยัติธาดา ออกไปจากวัดตั้งแต่เมื่อไร พระพรหมกวี บอกว่า ท่านออกไปจากวัด 6-7 วันแล้ว ก็ออกไปเฉยๆ ไม่ได้สึกออกไป และไม่รู้ว่าตอนนี้สึกหรือยัง แต่หากจะสึกต้องแจ้งมาที่วัด […]

ข่าวแนะนำ

“แพทองธาร” ถกต่อยอดซอฟต์พาวเวอร์ ดัน 5 ยุทธศาสตร์

บ้านพิษณุโลก 14 ก.ค.- “แพทองธาร” เข้าบ้านพิษณุโลก หารือบีโอไอ – ทีมซอฟต์พาวเวอร์ไทย หนุนลงทุน พร้อมต่อยอด ดัน 5 ยุทธศาสตร์ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เดินทางเข้าบ้านพิษณุโลก ในเวลา 09.50 น. เพื่อประชุมกับทีมที่ปรึกษาและคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI รวมถึงหน่วยงานด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับและขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ไทยแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะเป็นการหารือต่อยอดจากที่นางสาวแพทองธาร ได้ประกาศเดินหน้ายุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ไทย 5 ด้าน ทั้ง อาหารไทย มวยไทย ไทยเวลเน็ต ภาพยนต์ไทย และอัญมนี บนเวที Splash Softpower Forum 2025 ที่จัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เมื่อวันที่ 8-11 ก.ค. ที่ผ่านมา .-316 -สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 14 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร […]

พระปรางค์วัดอรุณ

ข่าวดี “พระปรางค์วัดอรุณฯ” ได้รับบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.- “แพทองธาร” เผยข่าวดี “พระปรางค์วัดอรุณฯ” ได้รับบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลกของยูเนสโกแล้ว นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า “ข่าวดีของคนไทย “พระปรางค์วัดอรุณ ราชวรารามราชวรมหาวิหาร” ได้รับการบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก (Tentative List) ของยูเนสโกแล้วค่ะ ดิฉันได้รับรายงานจากคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ณ กรุงปารีส แจ้งว่า ที่ประชุมได้รับทราบว่าพระปรางค์วัดอรุณฯ เป็นหนึ่งในรายชื่อบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการยกระดับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอย่างสมบูรณ์ในอนาคต กระทรวงวัฒนธรรมมอบหมายให้กรมศิลปากรดำเนินการจัดทำเอกสารเสนอชื่อ (Nomination Dossier) ควบคู่กับการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และจัดการพื้นที่ตามหลักสากล เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ขั้นตอนต่อไป ความคืบหน้านี้เป็นมากกว่าการอนุรักษ์สถานที่ แต่คือการยืนยันอัตลักษณ์ไทยที่งดงามและทรงคุณค่าในสายตาชาวโลก นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่นี้” .-316 สำนักข่าวไทย

ตรวจสอบรายรับรายจ่ายวัดใหญ่จอมปราสาท

สมุทรสาคร 13 ก.ค. – เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบรายรับรายจ่ายของวัดใหญ่จอมปราสาท นำมาเทียบกับเส้นเงินของของเจ้าอาวาสที่หนีไป หลังตรวจพบโอนเงินให้สีกา ก. กว่า 1 ล้านบาท ที่วัดใหญ่จอมปราสาท ต.ท่าจีน อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พร้อมด้วย พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นำคณะเข้าพบ พระครูสาครสุตกิจ เจ้าคณะตำบลท่าฉลอม เจ้าอาวาสวัดน้อยนางหงษ์ คณะพระสงฆ์ (พระลูกวัด) วัดใหญ่จอมปราสาท ผู้นำชุมชน และคณะกรรมการวัด เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ระบบการเงินในวัดใหญ่จอมปราสาท เพื่อนำไปเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสอบเส้นทางการเงินของพระมหาทิวากร เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ที่ตรวจพบว่าได้โอนเงินกว่า 1 ล้านบาทไปให้สีกา ก. แต่ยังไม่มีเรื่องชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้อง ประเด็นที่ต้องการทราบเพิ่มเติมคือ เงินที่โอนให้สีกาเป็นเงินส่วนไหน แล้วเงินวัดมีรายรับจากที่ใดบ้าง มีรายจ่ายอย่างไร รวมถึง เงินวัดนั้นเข้าบัญชีใคร มีไวยาวัจกรณ์เบิกจ่ายหรือไม่ หรือใครเป็นผู้ทำหน้าที่รับและเบิกจ่ายเงินทั้งหมด ผู้ใหญ่บ้านชี้แจงว่า ทางวัดยังไม่มีไวยาวัจกรวัดคนใหม่ หลังจากคนเก่าลาออกไปเล่นการเมืองท้องถิ่น ส่วนเงินวัดนั้นเจ้าอาวาสเป็นผู้บริหารแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเงินวัดก็จะมีรายรับมาจากให้ที่จอดเรือบริเวณหน้าวัด ประมาณเดือนละ […]