13 ส.ค. – บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน ) รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 67 ปตท. และบริษัทย่อย มี EBITDA 115,334 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.5% จากไตรมาส 2 ปี 2566 มีกำไรสุทธิกว่า 35,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 76.4 ส่งผลกำไรครึ่งแรกของปี มีกว่า 64,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.4% โดยราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยไตรมาส 2 อยู่ที่ 85.3 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ที่เฉลี่ย 81.3 ดอลลาร์/บาร์เรล
ผลประกอบการของ ปตท. มาจากส่วนของบริษัทดำเนินการเองและบริษัทในกลุ่มที่ทยอยประกาศผลดำเนินการมาก่อนหน้า โดยหลังจาก ปตท.สผ.ที่มีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากปริมาณขายและราคาขายที่เพิ่มขึ้น กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นมีผลการดาเนินงานเพิ่มขึ้น ซึ่ง กลุ่ม ปตท.มีกำไรสตอกน้ำมันในไตรมาส 2 ปีนี้ ประมาณ 3,000 ล้านบาท ขณะที่ปีที่แล้วขาดทุนประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยกำไรสตอกน้ำในครึ่งแรกปีนี้ อยู่ที่ 5,000 ล้านบาท จากปีที่แล้วขาดทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม กำไรขั้นต้นจากการกลั่น (Market GRM) ไตรมาส 2 ปีนี้ ลดลงจาก 4.1 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เป็น 3.0 ดอลลาร์สหรัฐ ในปีนี้
ในขณะที่กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีผลการดำเนินงานลดลง โรงแยกก๊าซฯ มีต้นทุนขายเพิ่มขึ้นจากนโยบายรัฐบาลเรื่องราคาก๊าซปรับเป็น Single Pool แม้ว่าราคาขายโดยเฉลี่ยและปริมาณขายเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ธุรกิจจัดหาและจัดจาหน่ายก๊าซฯ มีกำไรขั้นต้นลดลงจากรายได้ที่ลดลง และ ปริมาณขายโดยรวมลดลง
นอกจากนี้ ในไตรมาส 2 ปีนี้ กลุ่ม ปตท.ยังมีการรับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำ เป็นกำไรประมาณ 5,400 ล้านบาท จากการจำหน่ายสินทรัพย์ให้ PE LNG ของ PTTLNG และกำไรจากการซื้อคืนหุ้นกู้ของ GC ไทยออยล์ ปตท.สผ. และ GC รายได้ที่เพิ่มขึ้นของกลุ่ม ปตท. ส่วนหนึ่งยังมาจากเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ขยายตัวเร่งขึ้นจากไตรมาส 1 แรงส่งจากการใช้จ่ายภาครัฐ การส่งออก การท่องเที่ยว การฟื้นตัวของรายได้ครัวเรือนในภาคบริการ แต่มีปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงและความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งแบงก์ชาติคาดการณ์เศรษฐกิจไทย ปีนี้ขยายตัว 2.6 %. -สำนักข่าวไทย