“รักชนก” จี้ “แพทองธาร” เคาะรวม 3 กองทุนสุขภาพ

นนทบุรี 4 มี.ค.-“รักชนก” จี้ “แพทองธาร” เคาะรวม 3 กองทุนสุขภาพ ชี้มีอำนาจสูงสุด จบปัญหาคาราคาซังมา 23 ปี วางไทม์ไลน์ให้ชัดจะทำให้เสร็จกี่ปี ดักคอ อย่าอ้างพ้นสมัยรัฐบาล ส่วนการแยกตัวเป็นอิสระ พรรคประชาชน ยกร่างกฎหมายแล้ว หวังเห็นฉบับรัฐบาล

น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร และนายสหัสวัต คุ้มคง สส.พรรคประชาชน เดินทางไปเข้าพบนางมารศรี ใจรังสี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เพื่อหารือแนวทางการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการบริหารจัดการประกันสังคม ตั้งแต่เวลา 11.30 นจนถึง 12.30 น


นางมารศรี ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า วันนี้มีการประชุมหารือประมาณ 2-3 ประเด็น 1.กรณี ผอ.กองกฎหมายมีหนังสือกำชับเรื่องการเปิดเผยข้อมูล ซึ่งตนได้ชี้แจงยืนยันว่าเป็นการกำชับตามหน้าที่ตามปกติ ในฐานะของหน่วยงานผู้บังคับบัญชา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกคนในหน่วยงานดำเนินการให้เป็นไปตามพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร และพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 2. กรณีเผยแพร่ผลการประชุมบอร์ดต่างๆ ผ่านเว็บไซต์นั้น เรื่องสามารถทำได้ ซึ่งสำนักงานประกันสังคมจะรีบไปดำเนินการต่อไปคาดว่าน่าจะประมาณสัปดาห์หน้า เพื่อดูข้อมูลว่าข้อมูลอยู่ตรงไหนจะนำขึ้นเว็บไซต์ได้อย่างไรบ้าง และ 3. เรื่องการรวมกองทุนกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และ กองทุนสวัสดิการ ซึ่งเป็นรายละเอียดที่มีการขับเคลื่อนมาสักระยะหนึ่ง เป็นนโยบายที่จะขับเคลื่อนต่อ ในส่วนของสส.รับปากว่าจะไปดูเรื่องนี้และขับเคลื่อนร่วมกันต่อไป ว่าจะทำอย่างไรให้สิทธิ์การรักษาพยาบาลผู้กองทุนเป็นสิทธิ์เดียวกัน

“คำถามที่ประกันสังคมได้รับมากที่สุดในช่วงที่ผ่านมาว่าส่งเงินเข้าประกันสังคมแล้วได้อะไร ก็ขอยืนยันว่า ปัจจุบันเราหักเงินสมทบอยู่ที่ 5% ของเพดานเงินเดือนสูงสุดที่ 15,000 บาท หรือ 750 บาทต่อเดือน ทุกเดือนจะเป็นเงินออมสมทบกรณีชราภาพเดือนละ 900 บาท ส่วนสิทธิ์อื่นๆ ที่ได้รับ จะมีการสื่อสารต่อไป” นางมารศรีกล่าว กลว่า ส่วนเรื่องการออกนอกระบบนั้น จากการย้อนดูประวัติศาสตร์เราดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2538 โดยขับเคลื่อนหลายๆ ช่วง และสรุปมีในปี 2560 ได้ทำหนังสือสอบถามไปยังข้าราชการทั้งหมดทั่วประเทศ ผลออกมาครึ่งต่อครึ่งของคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ซึ่งกรณีคนที่ประสงค์จะไปนั้นรัฐบาลก็ต้องมาพิจารณาเรื่องการจัดงบเงินเดือน สวัสดิการต่อไป


ด้านน.ส.รักชนก กล่าวว่า ที่มาพูดคุยวันนี้ประเด็นหลักคือเรื่องของการเปิดเผยข้อมูล โดยเฉพาะกรณีหนังสือเวียนที่ส่งให้หน่วยงานต่างๆ ภายใต้สำนักงานประกันสังคม ส่วนใหญ่เป็นหนังสือกำชับถึงการรับของการทุจริตประพฤติมิ ส่วนหนังสือกับเรื่องการไม่เปิดเผยข้อมูลนั้นมี 2 ฉบับ ฉบับแรกพูดเรื่องไม่เปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกันตน และห้ามส่งข้อมูลที่ยังไม่ได้เป็นทางการ เข้าในแอพพลิเคชั่นไลน์ อีกอันเป็นหนังสือตัวเล่าสุด ซึ่งตนมองว่าไม่ปกติ แต่ก็เข้าใจว่า สำนำวานประกันสังคมได้รับคำสั่งมาอีกที อาจจะบอกไม่ได้ว่าใครสั่งมา อย่างไรก็ตามหลังพูดคุยกันแล้วเห็นว่าหนังสือฉบับนี้ไม่มีกฎหมายอะไรรองรับและข้อมูลบางอย่างถูกบังคับให้เปิดเผยอยู่แล้วตามกฎหมาย แต่ข้อมูลส่วนตัวของผู้ประกันตนนั้นเรารู้อยู่แล้วว่ามันผิดกฎหมายที่ดีพีเอซึ่งไม่มีใครขอข้อมูลพวกนี้อยู่แล้ว

น.ส.รักชนก กล่าวต่อว่า เรื่องที่ 2 คือมติของบอร์ดประกันสังคมทุกชุด ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีใครติดตามมาก่อน แต่ตนยืนยันว่าตามพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร มติของบอร์ดที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี ต้องมีการเปิดเผยได้ มีการลงรายงานการประชุม ดังนั้นที่ประกันสังคมยืนยันว่าจากนี้ ทำตามกฎหมายทำตามระเบียบที่ระบุไว้ แม้ชาวงที่ผ่านมาจะไม่ได้ทำ ซึ่งอาจเข้าข่ายมาตรา 157 ได้ที่ไม่เปิดเผยมติของบทที่ประชุม อย่างไรก็ตาม ที่บอกว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะมีการเปิดเผยนั้นเราจะติดต่อ่ไป หากไม่เปิดเผยจริง ตนก็ได้ยืนยันว่าจะทำตามหน้าที่และอาจทำให้ท่านไม่สบายใจ

น.ส.รักชนก กล่าวว่า สำหรับการควบรวม 3 กองทุนเข้าใจว่า ไม่มีใครที่ยืนอยู่ตรงนี้จะสามารถตัดสินใจแทนรัฐมนตรีได้ แต่ตนก็ตั้งข้อสังเกต ว่าการควบรวมกองทุนให้บอร์ดฯ เป็นผู้ตอบได้ แต่ท่านอาจยังไม่ได้รับข้อมูลตรงนี้ หรือจำเป็นจะต้องนำเข้าบอร์ดแพทย์หรือไม่ ตนก็ไม่แน่ใจ แต่ลายเซ็นสุดท้ายที่จะเซ็นตอบกลับไปคือรมว.แรงงาน ทั้งนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารรสุข ตัดสินใจกันเองไม่ได้ เพราะไม่มีใครอยากจะปล่อยอำนาจในมือตัวเอง กระทรวงสาธารณสุขอาจจะยินดีรับแต่แรงอาจจะยังไม่ยินดีให้ ดังนั้นเรื่องนี้เราต้องจ่อไมค์ถามนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นเรื่องคาบเกี่ยว 2 กระทรวงที่ตัดสินใจกันไม่ได้มานานกว่า 23 ปีแล้ว คำตอบมีเพียงว่า ไม่พร้อม ถ้ายังคุยกันแบบเดิมไม่มีการกระทุ้งจากคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจจริงๆ อย่างนายกรัฐมนตรีชาตินี้ก็คงไม่ได้ควบรวม


“อย่างว่าคนที่ต้องทำเรื่องนี้ให้พร้อมคือนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ซึ่งท่านมีการตั้งบอร์ดศึกษาการควบรวมเสร็จแล้ว ขอเรียกร้องว่าหากมีความจริงใจในการจัดการปัญหาเรื่องนี้จริงๆ จะต้องกำหนดระยะเวลาว่า จะศึกษาภายในระยะเวลาเท่าไหร่ และในอีกกี่ปีข้างหน้าเรื่องนี้ถึงจะเกิดขึ้น อาจจะบอกว่า 4-5 ปีไม่ได้อยู่ในสมัยของท่านแล้ว แต่นี่คือเรื่องสำคัญที่ต้องกำหนดการทำงาน เพราะมีการศึกษามา 23 ปีแล้วไม่มีความคืบหน้า” น.ส.รักชนก กล่าว และว่า กรณีตีกลับสูตรคำนวณบำนาญชราภาพเมื่อครั้งประชุมบอร์ประกันสังคมสัปดาห์ก่อน เป็นเรื่องการเมือง หลังมีการออกมาเปิดเผยเรื่องงบฯ

ด้านนายสหัสวัต กล่าวว่า ในส่วนการแยกสำนักงานประกันสังคมออกจากราชการนั้น ของสส.พรรคประชาชนมีการร่างพ.ร.บ.เอาไว้แล้วหากรัฐบาลเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน ก็ขอให้รัฐบาลเตรียมร่างของฝั่งรัฐบาลเอาไว้ เพราะหากผ่าน ครม.แล้วก็จะ fast track เข้าสภาได้เลย จะทำให้การผลักดันยกระดับโครงสร้างของประกันสังคมเป็นไปได้มากที่สุด ดังนั้นตรงนี้ก็อยากจะฟังความชัดเจนจากรัฐบาลเช่นเดียวกัน.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]

“พิเชษฐ์” ชิงปิดประชุมสภาฯ หลังถกวุ่นเสนอนับองค์ประชุม

รัฐสภา 17 ก.ค.- “พิเชษฐ์” ทำแฮตทริก ชิงปิดประชุมสภาฯ หลัง “สส.ปชน.” เสนอนับองค์ประชุม ขณะที่ สส.เพื่อไทย ขอให้นับแบบขานชื่อ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ขณะรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 66 และรายงานการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินประจำปีงบประมาณ 2566 ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมีผู้อภิปรายไปเพียงคนเดียวคือนายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรคประชาชน ทำให้นายเฉลิมพงศ์ แสงดี สส.ภูเก็ต พรรคประชาชน ลุกขึ้นอภิปรายว่า เห็นสมาชิกในห้องประชุมบางตาอยากจะเช็คความตั้งใจการทำงานของสส.ฝ่ายรัฐบาล จึงขอนับองค์ประชุม และมีผู้รับรองถูกต้องจากนั้นนายพิเชษฐ์ กดออดเรียกสมาชิกพร้อมกล่าวว่า “ไม่อยากอภิปรายแล้วหรือ” พร้อมทั้งขอให้วิปรัฐบาลแจ้งสส.ที่อยู่ในห้องประชุมอื่นเพื่อรีบเข้าห้องประชุมใหญ่ ขณะที่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การขอนับองค์ประชุมและมีผู้รับรอง ถือเป็นสิ่งสวยงาม แต่หากมีคนเสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ คงใช้เวลาถึงค่ำ ดังนั้น ขอร้องเพื่อนสมาชิก เดือนนี้ขออย่านับองค์ประชุมเลย แล้วไปนับองค์ประชุมเดือนหน้า […]

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]