เศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกโตช้าฉุดยอดจดทะเบียนตั้งใหม่ช้าตาม

นนทบุรี 18 ก.ค. – อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยยอดจดทะเบียนตั้งใหม่ 6 เดือนแรก โตแบบค่อยเป็นค่อยไป หลังเจอเศรษฐกิจโลกชะลอตัวทำให้เศรษฐกิจโตไม่ได้เต็มที แต่คาดหวัง 6 เดือนหลังปี 67 มีหลายปัจจัยหนุนทั้งงบประมาณและการลงทุนใหม่จะดันให้ยอดจดทะเบียนตั้งใหม่พุ่งกว่า 95,000 ราย วิเคราะห์ธุรกิจสัตว์เลี้ยงและที่เกี่ยวเนื่องโตดีเป็นธุรกิจที่น่าจับตามอง


นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงยอดจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจเดือนมิถุนายน 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 7,351 ราย ลดลง 275 ราย คิดเป็น 3.61% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และมีมูลค่าทุนจดทะเบียน 27,979.07 ล้านบาท ลดลง 11,760.65 ล้านบาท คิดเป็น 29.59% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีธุรกิจจัดตั้งสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 566 ราย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 522 ราย และ ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 330 ราย คิดเป็นสัดส่วน 7.70% 7.10% และ 4.49% จากจำนวนการจัดตั้งธุรกิจเดือนมิถุนายน 2567 ตามลำดับ ขณะที่ยอดจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการเดือนมิถุนายน 2567 มีจำนวนการจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการจำนวน 1,416 ราย ลดลง 243 ราย คิดเป็น 14.65% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ทำให้ยอดจดทะเบียนรวม 6 เดือนแรกปี 67 ทั้งสิ้น 46,383 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 145,078.60 ล้านบาท โดยประเภทธุรกิจที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 3,656 ราย ทุน 16,013.34 ล้านบาท 2.ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 3,521 ราย ทุน 7,255.18 ล้านบาท และ 3.ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 2,105 ราย ทุน 4,352.90 ล้านบาท ขณะที่ยอดเลิกกิจการในช่วง 6 เดือนแรกปี 67 มีทั้งสิ้นจำนวน 6,039 ราย ทุนจดทะเบียน 76,748.35 ล้านบาท โดยประเภทธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 603 ราย ทุน 1,209.18 ล้านบาท 2.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 340 ราย ทุน 4,863.76 ล้านบาท และ 3.ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 197 ราย ทุน 457.21 ล้านบาท เป็นต้น


อย่างไรก็ตาม ส่งผลให้ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 มีธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่จำนวนทั้งสิ้น 922,508 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 22,334,762.09 ล้านบาท โดยหากดูภาพรวมเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างช้าๆ แต่อาจมีความแตกต่างกันในรายละเอียดของแต่ละภูมิภาค โดย World Bank คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลก จะเติบโตประมาณ 2.6% ในปี 2567 ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2566 และจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.8% ในปี 2568 ทั้งนี้ สำหรับเศรษฐกิจในตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา (Emerging Market and Developing Economies: EMDEs) คาดว่าจะเติบโตลดลงเล็กน้อยจาก 4.2% ในปี 2566 เป็น 4% ในปี 2567 และ 2568

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2567 สามารถฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ด้วยการสนับสนุนจากการบริโภคภายในประเทศ การท่องเที่ยว และการส่งออก แต่ยังต้องเผชิญกับความท้าทายจากหนี้ครัวเรือนที่สูงและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตประมาณ 2.5% ในปี 2567 โดยมีการขยายตัวของการส่งออกและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ช่วงครึ่งปีแรก 2567 โดยมองว่าธุรกิจไทยครึ่งปีหลัง (กรกฎาคม – ธันวาคม 2567) เศรษฐกิจโลกช่วงครึ่งปีหลัง 2567 มีแนวโน้มเติบโตใกล้เคียงกันที่ 2.7% โดยมุมมองเศรษฐกิจในปี 2567 ของ SCB EIC มีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากขึ้น เนื่องจากอุปสงค์ในประเทศเติบโตดี อีกทั้งเศรษฐกิจจีนก็มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเช่นกันจากภาคการผลิตและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังมีความเสี่ยงด้านประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ ความไม่แน่นอนของนโยบายรัฐบาลแต่ละประเทศจะปรับสูงขึ้นจากผลการเลือกตั้งเกือบทั่วโลกในปีนี้ โดยเฉพาะผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ

สำหรับแนวโน้มการจดทะเบียนธุรกิจปี 2567 ยังคงคาดการณ์การเติบโตของการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ที่ 5 – 15% หรือประมาณ 90,000 – 98,000 รายจากปัจจัยสนับสนุน เช่น นโยบายของภาครัฐ การเดินหน้านโยบายเงินดิจิทัลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ มาตรการดึงดูดการลงทุนจากชาวต่างชาติที่มีการกระตุ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกของปี เช่น มาตรการวีซ่าพำนักระยะยาว มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกิจการผลิตและกิจการ รวมทั้ง การลงทุนจากภาครัฐที่กำลังดำเนินการหลังจากที่เริ่มจัดสรรงบประมาณในปี 2567 ตามที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาซึ่งมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา


การดำเนินการของภาครัฐทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่เข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม รวมทั้ง ภาคการท่องเที่ยวที่ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยที่สำคัญ ซึ่งจากแผนงานของภาครัฐที่มีนโยบายกระตุ้นด้านการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะครึ่งปีหลังในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ประเทศไทยจะเข้าสู่ช่วง High Season ฤดูการท่องเที่ยวซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเยือนไทยสูงสุดของปี ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวไทยก็นิยมท่องเที่ยวช่วงเวลาดังกล่าวด้วยเช่นกัน น่าจะส่งผลให้ธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงแรม ร้านอาหาร การขนส่ง และธุรกิจอื่นๆ ได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย และคาดว่าจะมีนักลงทุนจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ ยังคงมีปัจจัยท้าทาย เช่น ปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ เนื่องจากมีผลกระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภคในประเทศ อัตราเงินเฟ้อ ปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์จากต่างประเทศที่อาจส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกและกระทบมาถึงเศรษฐกิจของไทย รวมทั้ง การใช้จ่ายเงินงบประมาณของภาครัฐที่ต้องเร่งเบิกจ่ายให้เร็วขึ้น เนื่องจากเกี่ยวข้องกับธุรกิจ SME โดยตรง โดยหากงบประมาณลงพื้นที่อย่างรวดเร็ว จะส่งผลให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น และมีการใช้จ่ายเงินเพื่อการบริโภคโดยทันทีเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ ธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตที่น่าสนใจครึ่งปีแรก 2567 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (2566) แยกตามภาคธุรกิจ ดังนี้
ภาคขายส่ง/ขายปลีก ได้แก่ 1) ธุรกิจขายปลีกชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริมใหม่ของจักรยานยนต์มีอัตราการเติบโตสูงสุด 90.91% 2) ธุรกิจขายส่งชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริมใหม่ของจักรยานยนต์เติบโต 75.00% และ 3) ขายปลีกนาฬิกา แว่นตา และอุปกรณ์ถ่ายภาพเติบโต 73.08% ภาคการผลิต ได้แก่ 1) ธุรกิจผลิตโครงสร้างที่ใช้ในการก่อสร้างและเครื่องประกอบอาคาร เติบโตสูงสุด 106.67% 2) ธุรกิจผลิตกระดาษลอนลูกฟูกและกระดาษแข็งลอนลูกฟูกเติบโต 104.00% และ 3) ธุรกิจผลิตส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ เติบโต 96.77% ภาคบริการ ได้แก่ 1) ธุรกิจวิจัยและพัฒนาเชิงทดลองด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีฯ เติบโตสูงสุด 132.35% 2) ธุรกิจขนส่งผู้โดยสารทางรถโดยสารประจำทางอื่นๆ เติบโต 95.24% และ 3) ธุรกิจก่อสร้างโครงการวิศวกรรมโยธาอื่นๆ เติบโต 85.71%

อย่างไรก็ตาม กรมฯได้ทำการวิเคราะห์ธุรกิจสัตว์เลี้ยงและที่เกี่ยวเนื่อง เห็นว่าธุรกิจดาวเด่นที่น่าจับตามองช่วงเวลาที่ผ่านมา ธุรกิจสัตว์เลี้ยงและที่เกี่ยวเนื่อง เป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยได้รับอิทธิพลจากการยกระดับสัตว์เลี้ยงให้เป็นเพื่อนที่มีความสำคัญในชีวิต เกิด Petfluencer สัตว์เลี้ยงที่มีผู้ติดตามผ่านสื่อสังคมออนไลน์จำนวนมาก มีการสร้างคอนเทนท์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้แก่เจ้าของอย่างเป็นกอบเป็นกำ ทั้งนี้ แนวโน้มและรูปแบบการเลี้ยงสัตว์ของคนยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงเสมือนคนในครอบครัว (Pet Humanization) และการเลี้ยงสัตว์แบบ Petriarchy หรือ เหล่าทาสที่พร้อมจะเปย์เจ้านายแบบไม่จำกัด ทำให้เกิดการลงทุนในสุขภาพและความเป็นอยู่ของสัตว์เลี้ยงเหมือนคนจริง ๆ และการซื้อของเล่น ของใช้ อาหารแบบพรีเมียมเพื่อตามใจน้องๆ ที่เรารัก
นอกจากนี้ ปัจจุบันยังเกิดเทรนด์ใหม่ คือ การนิยมเลี้ยงสัตว์แปลก หรือ Exotic Pet เช่น งู กิ้งก่า เต่า ชูการ์ไรเดอร์ เป็นต้น โดยยอดขายผลิตภัณฑ์ของสัตว์เลี้ยง Exotic Pet เติบโตสูงกว่า 50% ขณะที่ยอดขายผลิตภัณฑ์สำหรับแมวเติบโต 8% และยอดขายผลิตภัณฑ์สำหรับสุนัขเติบโต 6%

นอกจากนี้ จากการวิเคราะห์คนแต่ละ Gen ในการเลี้ยงสัตว์เลี้ยง พบว่า Gen Z นิยมเลี้ยงสุนัขมากที่สุด Gen Y ต้องการเสริมพลังบวกจากแมว Gen X นิยมเลี้ยงนกและปลา ขณะที่ Baby Boomer นิยมเลี้ยงสัตว์น้อยที่สุด โดยข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 ธุรกิจสัตว์เลี้ยงและที่เกี่ยวเนื่องมีจำนวนทั้งสิ้น 5,009 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 98,797.54 ล้านบาท แบ่งเป็น ธุรกิจฟาร์มสัตว์ 1,233 ราย ทุน 11,965.51 ล้านบาท ธุรกิจอาหาร/ของเล่นสำหรับสัตว์ 2,138 ราย ทุน 80,443.67 ล้านบาท และ ธุรกิจบริการและดูแลสัตว์ 1,638 ราย ทุน 6,388.36 ล้านบาท

หากดูผลประกอบการภาพรวม 3 ปีย้อนหลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย ปี 2564 มีรายได้รวม 218,714.93 ล้านบาท กำไร 2,963.03 ล้านบาท ปี 2565 รายได้รวม 244,530.23 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 25,815.30 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 11.81%) กำไร 13,656.17 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 10,693.14 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 360.89%) ปี 2566 รายได้รวม 258,702.91 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 14,172.68 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 5.80%) กำไร 14,989.64 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 1,333.47 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 9.77%)

สำหรับการลงทุนในธุรกิจสัตว์เลี้ยงและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนชาวไทย 93,464.62 ล้านบาท คิดเป็น 94.60% และนักลงทุนชาวต่างชาติ 5,332.92 ล้านบาท คิดเป็น 5.40% โดยนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ สิงคโปร 1,646.90 ล้านบาท ออสเตรเลีย 870.87 ล้านบาท และ ญี่ปุ่น 728.11 ล้านบาท โดยธุรกิจสัตว์เลี้ยงและที่เกี่ยวเนื่อง เป็นธุรกิจมาแรงที่เกิดจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งการดำรงชีวิตที่นิยมเลี้ยงสัตว์ไว้เป็นสมาชิกของครอบครัว รวมทั้ง การดูแลที่ใส่ใจต่อสัตว์เหล่านั้นมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจมีรายได้รวมและผลกำไรสุทธิที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้นักลงทุนสนใจเข้าสู่ธุรกิจเพิ่มมากขึ้น เพราะมีโอกาสในการทำกำไรได้ในระยะยาวเป็นต้น.-514-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

พญ. สังกัด รพ.ตำรวจ แอบสั่งยาเสียสาว ขายนอกระบบ

กทม. 10 มิ.ย. – ตำรวจ และ อย. ร่วมกันตรวจค้นแฟลตตำรวจ พร้อมคุมตัวแพทย์หญิงสังกัด รพ.ตำรวจ หลังพบหลักฐานสั่งซื้อยาเสียสาว มาขายนอกระบบ ตั้งแต่ปี 65 อ้างชื่อ 11 คลินิก เงินหมุนเวียนกว่า 80 ล้านบาท เตรียมขยายผลต่อถึงผู้เกี่ยวข้อง นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา, กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ลงพื้นที่แฟลตตำรวจแห่งหนึ่งย่านอารีย์ เขตพญาไท กรุงเทพ โดยได้รับรายงานจากนายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ว่าพบความผิดปกติในการสั่งซื้อยาอัลปราโซแลม หรือยานอนหลับ หรือ ยาเสียสาวที่ทำให้หลับและเคลิ้มไป ในทางสืบสวนสอบสวน พบว่า หมอคนนี้ สั่งซื้อยาจาก อย. ตั้งแต่ปี 2565-2568 15 ล้านบาท ทาง อย. เห็นความผิดปกติ จึงพูดคุยกับตำรวจและตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบมีการแอบอ้าง 11 คลินิกในการสั่งซื้อยา […]

สามียิงภรรยาดับคารถ ซอยเพชรเกษม 67

กทม. 10 มิ.ย. – ตำรวจปิดล้อมจับกุมสามีวัย 40 ยิงภรรยาวัย 36 เสียชีวิตคารถ ก่อนหนีไปหลบในบ้าน ซอยเพชรเกษม 67 ตรวจค้นที่เกิดเหตุพบอาวุธปืน 3 กระบอก ตำรวจ สน.เพชรเกษม รับแจ้งเหตุ พบศพภายในรถเก๋ง HRV ทะเบียนกรุงเทพมหานคร จอดอยู่ภายในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เบื้องต้น ทราบชื่อผู้ก่อเหตุ คือ นายมีพาพัฒน์ อายุ 40 ปี สามี ส่วนผู้เสียชีวิต น.ส.นันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยา ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า ผู้ก่อเหตุยังอยู่ภายในบ้านพัก จึงตรึงกำลังปิดล้อมบ้านพักซึ่งลักษณะเป็นทาวน์เฮาส์ ระหว่างนั้นญาติของผู้ตายได้เดินทางมาเพื่อสอบถามเหตุ ทันทีที่รับรายงานจากตำรวจ ญาติก็มีสีหน้าเครียด น้ำตาคลอ ให้ข้อมูลว่านายมีพาพัฒน์ คบหากับผู้เสียชีวิตมาเป็นเวลาหลาย 10 ปี มีลูกด้วยกัน 3 คน ตำรวจปิดล้อมพื้นที่นานกว่า […]

ตั้งค่าหัว 1 แสน ไล่ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ

เชียงราย 9 มิ.ย. – ญาติสุดแค้น ตั้งค่าหัว 100,000 บาท ล่าอดีตสามีโหดฆ่า 2 ศพ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังค้นหายังไร้ร่องรอย เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 32 (ตชด.32) นำ “โทมี่” สุนัขตำรวจ K9 พันธุ์ลาบราดอร์ เข้าร่วมภารกิจติดตามจับกุมนายซ้งปอ อายุ 55 ปี คนร้ายก่อเหตุฆ่าโหดอดีตภรรยาและน้องชายอดีตภรรยาเสียชีวิต ในพื้นที่บ้านร่มฟ้าผาหม่น หมู่ 15 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 และ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนหลบหนีเข้าป่าดอยผาหม่น ซึ่งเป็นภูเขาสูงชันและเต็มไปด้วยถ้ำและซอกเขา ทำให้ภารกิจไล่ล่ายากลำบาก แม้ใช้โดรนตรวจจับความร้อนทั้งกลางวันและกลางคืนก็ยังไม่พบตัว นายสุรชัย ผู้ใหญ่บ้านร่มฟ้าผาหม่น เปิดเผยว่า นายซ้งปอเป็นคนพื้นที่และมีความชำนาญเส้นทางป่า เคยหลบซ่อนตัวในป่านานถึง 2 เดือน โดยไม่มีใครเจอ และเป็นบุคคลอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปค้นหา ก่อนหน้านี้นายซ้งปอเคยขู่ฆ่าผู้นำชุมชนและชาวบ้านที่เคยมีส่วนไกล่เกลี่ยให้แยกทางกับภรรยา สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ขณะนี้เหลือประชาชนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเพียง 20-30% ส่วนที่เหลือพากันอพยพไปอยู่กับญาติในหมู่บ้านข้างเคียง เพื่อความปลอดภัย […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ คุย “ฮุน เซน – ฮุน มาเนต” เห็นตรงยึดสันติวิธี

ทำเนียบ 10 มิ.ย.- นายกฯ ย้ำผลเจรจาชายแดนไทย-กัมพูชา เรียบร้อยดี เผยคุย “ฮุน เซน – ฮุน มาเนต” เห็นตรงยึดสันติวิธี งัดเทคนิค จริงใจเจรจา จนกัมพูชาปรับทัพ บอกรับทราบ “สนธิ” ยื่นหนังสือจี้รัฐบาลรักษาอธิปไตย ลั่นแก้ทีละปม ไม่เหมารวม MOU 44 พร้อมขอบคุณ จนท.ทุกหน่วย ขอ ปชช.มั่นใจไม่เกิดความรุนแรงแน่นอน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายผลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ในการคลี่คลายสถานการณ์ ที่มีความขัดแย้งกัน และปฏิบัติงานร่วมกันหลายภาคส่วน ซึ่งผลออกมาค่อนข้างสงบเรียบร้อยดี โดยในระดับนโยบาย รัฐบาลได้ให้หน่วยงานด้านความมั่นคง โดยเฉพาะกองทัพในพื้นที่ ประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ ตามกรอบความร่วมมือทวิภาคี ได้พูดคุยกันภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ย้ำว่าทุกหน่วยงานได้มีการพูดคุยกัน ทั้งไทยและกัมพูชา และตนเองก็ได้พูดคุยกับพลเอกฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และสมเด็จฯฮุน เซน ประธานองคมนตรี ประธานวุฒิสภากัมพูชา ก็มีการประสานงานและเจรจากันเพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศ และผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน […]

พญ. สังกัด รพ.ตำรวจ แอบสั่งยาเสียสาว ขายนอกระบบ

กทม. 10 มิ.ย. – ตำรวจ และ อย. ร่วมกันตรวจค้นแฟลตตำรวจ พร้อมคุมตัวแพทย์หญิงสังกัด รพ.ตำรวจ หลังพบหลักฐานสั่งซื้อยาเสียสาว มาขายนอกระบบ ตั้งแต่ปี 65 อ้างชื่อ 11 คลินิก เงินหมุนเวียนกว่า 80 ล้านบาท เตรียมขยายผลต่อถึงผู้เกี่ยวข้อง นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา, กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ลงพื้นที่แฟลตตำรวจแห่งหนึ่งย่านอารีย์ เขตพญาไท กรุงเทพ โดยได้รับรายงานจากนายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ว่าพบความผิดปกติในการสั่งซื้อยาอัลปราโซแลม หรือยานอนหลับ หรือ ยาเสียสาวที่ทำให้หลับและเคลิ้มไป ในทางสืบสวนสอบสวน พบว่า หมอคนนี้ สั่งซื้อยาจาก อย. ตั้งแต่ปี 2565-2568 15 ล้านบาท ทาง อย. เห็นความผิดปกติ จึงพูดคุยกับตำรวจและตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบมีการแอบอ้าง 11 คลินิกในการสั่งซื้อยา […]

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ พระราชทานเงินจากเงินเดือนทหารของพระองค์ฯ ให้ทหารชายแดนไทย-กัมพูชา

กทม. 10 มิ.ย.-สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พระราชทานเงินจากเงินเดือนทหารของพระองค์ฯ พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ให้ทหารชายแดนไทย-กัมพูชา วานนี้ (9 มิ.ย.68) สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พระราชทานสิ่งของให้ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 ณ วังศุโขทัย เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับทหารชายแดน ประกอบด้วย เงินจากเงินเดือนทหารของพระองค์ฯ , พระ และสิ่งของอุปโภคบริโภค เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตย ที่ชายแดนไทย-กัมพูชา.-313.-สำนักข่าวไทย