กรุงเทพฯ 13 พ.ค.-BE8 มั่นใจแนวโน้มผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง ประเมินครึ่งปีหลังโดดเด่น รับอานิสงส์หน่วยงานรัฐเร่งเบิกจ่ายงบลงทุน ขณะที่ดีมานด์การลงทุนนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มขีดการแข่งขันขององค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนยังเติบโตสูง เผยปัจจุบันมี Backlog 1.8 พันล้านบาท ส่วนผลงานไตรมาส 1/2567 มีกำไรสุทธิ 31.43 ล้าน
นายอภิเษก เทวินทรภักติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ BE8 ผู้นำธุรกิจที่ปรึกษาด้าน Digital Transformation แบบครบวงจร เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของปีนี้จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรก และจะโดดเด่นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยได้รับอานิสงส์จากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐ หลังจากที่มีการชะลอการเบิกจ่ายงบประมาณของปี 2567 ในช่วงที่ผ่านมา และปัจจุบันเริ่มมีการเบิกจ่ายงบลงทุนของหน่วยงานภาครัฐแล้วตั้งแต่เดือนเมษายน ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันในเดือนตุลาคมปีนี้ รัฐบาลก็ต้องมีการเบิกจ่ายงบประมาณของปี 2568 ส่งผลให้หน่วยงานภาครัฐต้องเร่งใช้งบลงทุน ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกที่สนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัทให้มีการเติบโตอย่างโดดเด่นในครึ่งปีหลัง
ขณะเดียวกันภาคเอกชนก็มีความต้องการลงทุนในนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งในด้านเทคโนโลยีและการตลาดดิจิทัลมุ่งสู่ยุค Digital Transformation แบบเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์โลก รวมไปถึงการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่า 1,863 ล้านบาท ซึ่งจะสนับสนุนให้รายได้ของกลุ่ม BE8 เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันโครงสร้างรายได้หลักของ BE8 จะมาจากรายได้จากการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และเทคโนโลยี ซึ่งในปีที่ผ่านมามีรายได้กว่า 1,098 ล้านบาท รองลงมาจะเป็นรายได้จากกลุ่มการให้บริการด้านเทคโนโลยีในส่วนของการขายและการเช่าใช้สิทธิการใช้งาน 740 ล้านบาท และรายได้จากการดูแลระบบเทคโนโลยีและการจัดหาบุคลากรเทคโนโลยี 570.37 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 570.33 ล้านบาท ลดลง 2.67% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน เหตุผลหลักมาจากการชะลอการใช้งบประมาณของภาครัฐ ทำให้รายได้สัดส่วนจากภาครัฐลดลง 7.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ในขณะที่มีกำไรสุทธิ 31.43 ล้านบาท
“เหตุผลที่ทำให้เรามั่นใจว่าผลการดำเนินงาน จะเติบโตต่อเนื่อง เพราะการใช้งบประมาณภาครัฐที่อั้นมาตั้งแต่ปลายปี ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาล แต่หลังจากนี้คาดว่าจะได้เห็นการเร่งการใช้จ่ายมากขึ้น ในขณะที่ความต้องการลงทุนในนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งในด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะในส่วนภาคเอกชนที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายอภิเษกกล่าว.-511-สำนักข่าวไทย