เส้นทางเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

กรุงเทพฯ 9 พ.ค. – ก.ล.ต.เผยทั่วโลกเกิดสภาพภูมิอากาศสุดขั้วบ่อยและรุนแรงขึ้น ไทยติดอันดับ 4 เสี่ยงผลกระทบเศรษฐกิจ แนะรัฐ-เอกชน จัดสรรเงินทุนสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างเป็นธรรม ควบคู่มิติด้านสังคมและแรงงาน


ฝ่ายตราสารหนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เผยแพร่บทความ เรื่อง “เส้นทางการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ” โดยระบุว่าปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นในปัจจุบันกำลังส่งสัญญาณเตือนว่า ทั่วโลกต้องเร่งร่วมมือกันดำเนินการเพื่อบรรเทาปัญหานี้อย่างจริงจัง โดยตัวชี้วัดปัญหาที่สำคัญจะเห็นได้จากข้อมูลของ Copernicus Climate Change Service (C3S) ผู้ให้บริการด้านข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภายใต้ Copernicus Earth Observation Programme ของสหภาพยุโรป ที่เผยแพร่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ระบุว่าอุณหภูมิของโลกในปี 2566 มีช่วงที่ปรับสูงขึ้นเกินกว่าระดับ 1.5 องศาเซลเซียสแล้ว เมื่อเทียบกับระดับก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม อีกทั้งในปัจจุบันการเกิดภัยธรรมชาติและเหตุการณ์สุดขั้วของสภาพภูมิอากาศก็มีความถี่เพิ่มมากขึ้นและทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ จากรายงาน Emissions Gap Report 2023 ของ United Nations Environment Programme ยังระบุว่า แผนงานและมาตรการต่าง ๆ ที่ทั่วโลกดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน จะสามารถควบคุมอุณหภูมิของโลกให้เพิ่มขึ้นได้ไม่เกิน 2.5 – 2.9 องศาเซลเซียสเท่านั้น ซึ่งยังห่างไกลจากเป้าหมายภายใต้ความตกลงปารีสที่จะควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับระดับก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม และมุ่งมั่นที่จะรักษาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ในศตวรรษนี้ จากสถานการณ์ที่อุณหภูมิโลกยังสูงขึ้นต่อเนื่องเช่นนี้ สิ่งมีชีวิตหลายชนิดจะต้องอพยพย้ายถิ่น หรืออาจจะสูญพันธุ์ ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงอาจท่วมพื้นที่เศรษฐกิจและถิ่นที่อยู่อาศัย ประกอบกับภัยธรรมชาติที่รุนแรงยิ่งขึ้นจะส่งผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจของโลกโดยรวม


สำหรับประเทศไทย จากรายงานของ Swiss Re Institute (2021) ระบุว่า ประเทศไทยมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจรุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็นอันดับ 4 จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 48 ประเทศทั่วโลก (ครอบคลุมร้อยละ 90 ของ GDP โลก) และในกรณีที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นเกิน 2 – 2.6 องศาเซลเซียส คาดว่าจะส่งผลกระทบให้ GDP ของประเทศไทยลดลงถึงร้อยละ 33 – 36 ในปี 2048 (พ.ศ. 2591)

การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ที่ผ่านมาการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนเข้าสู่เป้าหมายความตกลงปารีส ทั้งภาครัฐและเอกชนเน้นให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเศรษฐกิจ “สีเขียว” ซึ่งหมายถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas: GHG) เป็นศูนย์หรือใกล้เคียงศูนย์แล้ว อย่างไรก็ดี หากจะบรรลุเป้าหมายภายใต้ความตกลงปารีส การมุ่งเน้นสนับสนุนเฉพาะกิจกรรมสีเขียวอาจไม่เพียงพอ แต่ต้องครอบคลุมถึงอุตสาหกรรมที่ยังคงปล่อย GHG สูง และลดการปล่อย GHG ได้ยาก (hard-to-abate sector) เช่น การผลิตซีเมนต์ การผลิตเหล็กและอะลูมิเนียม การผลิตเคมีภัณฑ์ และการผลิตพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 20 ของ GDP โลก และมีส่วนสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมอื่น ๆ โดยรวมแล้วคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 85 ของ GDP โลก ดังนั้น หากทั้งกิจกรรมใน hard-to-abate sector และห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้องสามารถเปลี่ยนผ่านได้สำเร็จ จะสามารถลดการปล่อย GHG ทั่วโลกลงได้อย่างมีนัยสำคัญ

ด้วยเหตุนี้ การเปลี่ยนผ่านไปสู่การดำเนินธุรกิจที่มีการปล่อย GHG ต่ำ (Transition) ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังคงปล่อย GHG สูง และลดการปล่อย GHG ได้ยาก จึงมีความสำคัญและต้องเริ่มทำอย่างเร่งด่วน โดยในระยะเริ่มต้น กิจกรรมกลุ่มนี้อาจยังไม่มีเส้นทางการเปลี่ยนผ่าน (pathway) ไปสู่กิจกรรมสีเขียวที่สอดรับกับเป้าหมายภายใต้ความตกลงปารีส แต่หากได้รับการสนับสนุนและเงินทุนที่เพียงพอให้สามารถเริ่มการ Transition ได้อย่างรวดเร็ว กิจกรรมเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะสามารถปรับปรุงเส้นทางการเปลี่ยนผ่านของตนเองให้สอดคล้องกับเป้าหมายดังกล่าวได้ในอนาคต ซึ่งการสนับสนุนตามแนวทางดังกล่าวข้างต้นสามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น การศึกษาวิจัยเพื่อเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีที่ปล่อย GHG ต่ำ (เช่น พลังงานไฮโดรเจน) การเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องจักรที่ประหยัดพลังงานหรือเครื่องจักรที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล และการเปลี่ยนไปใช้วัตถุดิบธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น


การ Transition นอกจากจะช่วยให้เกิดการลด GHG ลงได้อย่างมีนัยสำคัญแล้ว ยังช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดและยกระดับความสามารถในการแข่งขันในภาวะที่ตลาดโลกต่างให้ความสำคัญกับการปรับเปลี่ยนธุรกิจรวมถึงห่วงโซ่อุปทานให้มีความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (greening value chain) อีกด้วย

เส้นทางการเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นธรรม
นอกจากคำนึงถึงการลดการปล่อย GHG สู่ชั้นบรรยากาศ และการบรรเทาปัญหาโลกร้อนแล้ว การ Transition ยังต้องพิจารณามิติด้านสังคมและแรงงานควบคู่ไปด้วย ประเด็นนี้จึงถูกกล่าวถึงอย่างมากภายใต้หลักการเรื่องการเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นธรรม (Just transition) เนื่องจากการ Transition ครอบคลุมตั้งแต่การปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน การเปลี่ยนเทคโนโลยี ไปจนถึงการหยุดกิจกรรมบางอย่างเพื่อเปลี่ยนไปทำกิจกรรมที่ปล่อย GHG ต่ำกว่า (เช่น การปิดโรงไฟฟ้าถ่านหิน เปลี่ยนจากโรงงานผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นโรงงานผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด เป็นต้น) มีความเป็นไปได้ที่จะส่งผลต่อแรงงานในด้านลบ เนื่องจากปัจจุบันยังมีอุตสาหกรรมจำนวนมากที่ใช้เทคโนโลยีที่ปล่อย GHG เข้มข้น และเป็นแหล่งจ้างงานของแรงงานจำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งหากแรงงานไม่ได้รับการฝึกทักษะใหม่ ๆ ให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ก็มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบ เช่น ว่างงานหรือมีรายได้น้อยลง เกิดความยากจน เป็นต้น และจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังสภาพเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม การ Transition จึงจะต้องคำนึงถึงผลกระทบในประเด็นเหล่านี้ด้วย

สนับสนุนการ Transition ในภูมิภาค
การ Transition ต้องคำนึงถึงบริบทของอุตสาหกรรมหรือภูมิภาคที่แตกต่างกันออกไป เช่น ระดับการพัฒนาของโครงสร้างพื้นฐาน ระดับการพัฒนาของเทคโนโลยีและนวัตกรรม นโยบายทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม โครงสร้างและระดับการพัฒนาของเศรษฐกิจและสังคม เป็นต้น จึงมีความเป็นไปได้ที่แต่ละธุรกิจจะมีแผนงานและ pathway สำหรับการ Transition ที่แตกต่างกันออกไป โดยธุรกิจบางส่วนในประเทศพัฒนาแล้ว มีโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีพร้อมที่จะสนับสนุนให้สามารถกำหนด Transition pathway ได้สอดคล้องกับเป้าหมายความตกลงปารีส ในขณะที่ธุรกิจในประเทศกำลังพัฒนาซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจในอุตสาหกรรมที่ยังคงปล่อย GHG สูง และลดการปล่อย GHG ได้ยาก และเป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) โดยเฉพาะในอาเซียนที่มี SME คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 97-99 ของธุรกิจทั้งหมด ยังขาดความพร้อมทั้งในแง่ความรู้ความเข้าใจ เครื่องมือ เทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะเอื้อต่อการเริ่ม Transition ของธุรกิจ

นอกจากนี้ การ Transition ไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำยังต้องการเงินทุนจำนวนมหาศาลเพื่อลงทุนในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การศึกษาพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อให้เกิดการ Transition และการเสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการและแรงงานให้มีความพร้อมและมีทักษะที่เหมาะสม เป็นต้น สำหรับภูมิภาคเอเชียมีการประมาณการว่า มีความต้องการเงินทุนถึง 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ไปจนถึงปี 2593 เพื่อลงทุนในกิจกรรมด้านการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งเงินทุนจากภาครัฐอาจไม่เพียงพอ ทำให้ภาคเอกชนต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนด้วย ส่วนภาคการเงินซึ่งรวมถึงตลาดทุนก็จะมีบทบาทสำคัญที่จะเป็นตัวกลางในการจัดสรรเงินทุนในระบบเศรษฐกิจไปสู่กิจกรรมเพื่อการเปลี่ยนผ่าน

อย่างไรก็ดี การจัดสรรเงินให้ตรงจุดและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการ Transition ต้องมีการกำหนดนิยามให้ชัดเจนว่ากิจกรรม Transition และการระดมทุนเพื่อการเปลี่ยนผ่านหรือ Transition finance ต้องมีลักษณะหรือองค์ประกอบอย่างไร จึงจะมีความน่าเชื่อถือ ลดข้อกังวลในการถูกมองว่าเป็น greenwashing และสอดรับกับบริบทที่แตกต่างกันของธุรกิจที่มาระดมทุน ตลอดจนตระหนักถึงหลักการการเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นธรรมด้วย. -516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

น้ำท่วมเชียงใหม่

เชียงใหม่น้ำท่วมหลายชุมชน ปิดน้ำตก 3 แห่ง

เชียงใหม่ 26 พ.ค.-เชียงใหม่ฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก สั่งปิดน้ำตก 3 แห่ง เกรงจะเกิดอันตราย ขณะที่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ น้ำท่วมหลายชุมชน ระบายน้ำไม่ทัน บางจุดรถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ฝนตกหนัก ทั่วทั้งจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากลงลำห้วย ทางหัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ เชียงใหม่ สั่งปิดน้ำตก 3 แห่ง ทั้งน้ำตกแม่สา น้ำตกตาดหมอก อำเภอแม่ริม และน้ำตกหมอกฟ้า อำเภอแม่แตง เนื่องจากปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นและมีสีแดงขุ่น กระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก เกรงว่าจะเกิดอันตรายกับนักท่องเที่ยว ขณะที่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ฝนที่ตกหนักบนดอยสุเทพ และในตัวเมืองเชียงใหม่ ทำให้น้ำป่าบนดอยสุเทพ ไหลหลากลงลำห้วยมาตามทางระบายน้ำและไหลลงลำคลองคูไหว ทำให้เอ่อล้น จนระบายน้ำไม่ทัน เข้าท่วมขังในชุมชนศรีปิงเมือง ชุมชนฟ้าใหม่ ชุมชนกาดก้อม ระดับน้ำท่วมขังสูง 30-50 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ทำให้ประชาชนและร้านค้าได้รับผลกระทบเป็นบริเวณกว้าง ประกอบกับนักเรียนกำลังเดินทางไปเรียน อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางเทสบาลนครเชียงใหม่ กำลังเร่งสูบระบายน้ำอย่างเร่งด่วน.-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม-ระวังน้ำท่วมฉับพลัน

กทม. 25 พ.ค.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยฝนตกหนักถึงหนักมาก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม กรมอุตุนิยมวิทยา เผยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ขอให้ประชาชนในบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกัน โดยการปรับปรุงระบบทางระบายน้ำในแปลงเพาะปลูก เพื่อลดผลกระทบและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยง เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย .-สำนักข่าวไทย

กว่า 130 ชม. ภารกิจสำเร็จ! กู้ร่างคนงานตกหลุมเสาเข็ม

กทม. 25 พ.ค.- ภารกิจสำเร็จ! ทีมกู้ภัยนำร่าง “นายดาว” คนงานพลัดตกหลุมเสาเข็ม ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ขึ้นมาด้านบนสำเร็จ หลังใช้เวลาปฏิบัติการกว่า 130 ชั่วโมง ความคืบหน้ากรณีนายศราวุฒิ หรือ นายดาว อายุ 33 ปี ชาวศรีสะเกษ คนงานที่พลัดตกลงไปในหลุมเสาเข็มความลึก 19 เมตร บริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บริเวณปากซอยหลานหลวง 6 และ 8 แขวงมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา เข้าสู่วันที่ 6 แล้ว หลังจากเมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ได้คาดพิกัดที่อาจพบร่างผู้เสียชีวิตที่ระดับความลึก 11.5 เมตร ล่าสุดเมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 24 พ.ค. บริเวณซอยหลานหลวง 8 เจ้าหน้าที่ทีมกู้ภัย USAR และมูลนิธิร่วมกตัญญู ยังคงพยายามเร่งค้นหาเพื่อกู้ร่างนายศราวุฒิ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยมี […]

“บังยา บองหลาคิงส์” รุดจับแม่งูจงอาง ไล่ฉกชาวบ้านวิ่งป่าราบ

สงขลา 25 พ.ค.- ชาวสวนยางสงขลา ผวา! แม่งูจงอางหวงไข่ดุมาก ไล่ฉกเจ้าของสวนวิ่งป่าราบ ต้องหยุดกรีดยาง ร้อนถึง “บังยาบองหลาคิงส์” ราชางูจงอางภาคใต้ ต้องมาช่วยจับ บังยา บองหลาคิงส์ ราชางูจงอางของภาคใต้ ตีรถด่วนจาก จ.กระบี่ มาช่วยจับงูจงอางนอนฟักไข่เฝ้ารังอยู่ในป่าสวนยาง พื้นที่บ้านควนยาง หมู่ 9 ต.สำนักแต้ว อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งเป็นสวนยางของนายปรีชา อายุ 46 ปี ซึ่งตอนนี้เดือดร้อนมาก ไม่กล้าไปกรีดยางเพราะมีแม่งูจงอางมานอนฟักไข่เฝ้ารังติดกับต้นยาง ครั้งแรกที่ไปเจอตอนไปกรีดยางเมื่อ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา เกือบโดนฉกมาแล้วเพราะเข้าไปใกล้รัง จนต้องวิ่งหนีสุดชีวิต หลังจากนั้นก็ไม่กล้าขึ้นไปกรีดยางอีกเลย จนต้องแจ้งขอความช่วยเหลือไปยัง บังยา บองหลาคิงส์ ให้มาช่วยจับ เมื่อทีมงานบังยา บองหลาคิงส์ มาถึงก็ต้องเดินเท้าขึ้นไปที่ป่าสวนยาง ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านพอสมควร เมื่อไปถึงก็พบแม่งูจงอางตัวนี้นอนอยู่บนรังไม่ไปไหน และดุมากชูคอฉกตลอดเวลาหากเข้าใกล้ บังยาต้องหลอกล่ออยู่สักพักก็อาศัยจังหวะความนิ่งใช้มือเปล่าล็อกคอเอาไว้ได้ เป็นแม่งูสาวน่าจะท้องแรกหรือท้องสอง ยาวเกือบ 3 เมตร และเมื่อรื้อรังดูก็มีไข่อยู่ในรัง 28 ฟองและอีกไม่เกิน 10 […]

ข่าวแนะนำ

รวบเจ้าของหอพักโหดย่านรังสิต ข้อหากรรโชกทรัพย์

ปทุมธานี 28 พ.ค. – ตำรวจปทุมธานี บุกรวบเจ้าของหอพักย่านรังสิต พร้อมครอบครัว ข้อหากรรโชกทรัพย์ หลังมีนักศึกษาแจ้งความร้องทุกข์ว่า เจ้าของหอพักแห่งนี้ทำร้ายร่างกาย ยึดทรัพย์สินอื่นๆ ของผู้เช่าโดยไม่ยอมคืน พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผู้บังคับการตำรวจปทุมธานี นำหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ลงวันที่ 27 พ.ค. ในข้อหากรรโชกทรัพย์ เข้าจับกุม พ.ต.อ.พูลศักดิ์ อายุ 64 ปี นางพัชรียา อายุ 56 ปี และนางสาวพูลชนก อายุ 28 ปี ที่หอพักใน 7 ต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี จากกรณีมีนักศึกษากว่า 20 ราย เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ สภ.ปากคลองรังสิต และเจ้าหน้าที่ สคบ. ว่าเจ้าของหอพักแห่งนี้ทำร้ายร่างกายนักศึกษา ยึดเอกสารหลักฐานทางราชการ ยึดทรัพย์สินอื่นๆ ของผู้เช่าโดยไม่ยอมคืน บางจังหวะการจับกุมจะเห็นได้ว่ามีการโต้เถียงกันและมีการขัดขืน แต่สุดท้ายต้องยอมจำนนต่อหมายจับ พล.ต.ต.ยุทธนา เปิดเผยว่า ตำรวจขอหมายจับจากศาลไป 3 […]

คนร้ายบุกยิงในงานกีฬาสี อบต.เกาะสะท้อน อส.-ครู เจ็บ 4

นราธิวาส 28 พ.ค. – คนร้ายบุกยิงในงานกีฬาสีต้านยาเสพติด อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ทำให้อาสาสมัครรักษาดินแดนบาดเจ็บ 3 คน ครูบาดเจ็บ 1 คน ส่วนเหตุคนร้ายยิงใส่ป้อมหน้า สภ.จะแนะ ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย เจ็บ 1 นาย เจ้าหน้าที่เร่งไล่ล่าคนร้าย คนร้ายชุดสีดำเดินถือปืนเข้ามาในลานกีฬาเซปักตะกร้อ งานแข่งขันกีฬาต้านยาเสพติด อบต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส จากนั้นรัวยิงชุดแรก 4 นัด คนที่ร่วมแข่งขันพากันวิ่งหลบหนี จากนั้นคนร้ายรัวยิงอีก 3 นัด ซึ่งภาพหลุดจากวิถีกล้องไปแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่และหน่วยงานความมั่นคงเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้บาดเจ็บ 4 คน ประกอบด้วย 1.นายสุกรี ครูโรงเรียนบ้านเกาะสะท้อน 2.อาสารักษาดินแดนฮัมดานุดดีน 3.อาสารักษาดินแดนมุสลิม และนายไซนุดดิน ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลตากใบ สอบสวนทราบว่าคนร้าย 6 คน ใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะ 3 คัน ขี่เข้ามาโดยปะปนกับประชาชน และก่อเหตุยิงผู้เข้าร่วมแข่งขันกีฬาต้านยาเสพติดจนมีผู้บาดเจ็บ หลังเกิดเหตุนายอำเภอตากใบลงพื้นที่เยี่ยมผู้บาดเจ็บ […]

นายกฯ ยกหูคุย “ฮุน มาเนต” คลี่คลายเหตุปะทะชายแดน

รัฐสภา 28 พ.ค.- นายกฯ รับทราบเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา เผยยกหูคุยตรง “นายกฯ ฮุน มาเนต” ให้สถานการณ์คลี่คลายเร็วที่สุด ปัดตอบกรณี “ทักษิณ” ประกาศสงครามกับว้าแดง-สถานการณ์ใต้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางออกจากอาคารรัฐสภา ในเวลา 17.40 น. ถึงสถานการณ์ชายแดนไทยไทย-กัมพูชา บริเวณด่านช่องบก จ.อุบลราชธานี ว่า ได้รับรายงานแล้ว และจะมีการพูดคุยกันของผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ส่วนตนเองได้พูดคุยกับกระทรวงกลาโหมแล้ว ซึ่งเดี๋ยวก็คงมีข้อตกลงกันออกมา ขณะเดียวกัน ตนเองก็ได้มีการพูดคุยกับ พลเอกฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาด้วย ไม่มีอะไร ซึ่งมีความเข้าใจตรงกันว่าจะทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงโดยเร็วที่สุด และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อีก ส่วนจะมีการใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีสองประเทศหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ความสัมพันธ์ของตนเองกับนายกฯ กัมพูชา ก็เป็นไปได้ด้วยดี เมื่อถามว่า กรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศสงครามกับว้าแดง เพื่อแก้ปัญหายาเสพติด รัฐบาลมีแนวทางการแก้ปัญหาอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ค่ะ ส่วนเหตุการณ์ความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เกิดขึ้นหลายเหตุการณ์ในวันนี้ […]

ทอ. ยันไม่มีภัยคุกคาม หลังพบเครื่องบินต้องสงสัยใกล้ชายแดน

กองทัพอากาศ 28 พ.ค.- ทอ. ยันไม่มีภัยคุกคามต่อประเทศ หลังตรวจพบเครื่องบินต้องสงสัยใกล้ชายแดนไทย บริเวณตรงข้าม อ.พบพระ จ.ตาก พล.อ.ท.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 13.03 น. กองทัพอากาศได้สั่งการให้เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 เครื่อง จากหน่วยบิน กองบิน 4 ปฏิบัติภารกิจการบินป้องกันทางอากาศ วิ่งขึ้นจากสนามบินตาคลี หลังหน่วยควบคุมอากาศยานและแจ้งเตือน ตรวจพบเครื่องบินต้องสงสัยใกล้ชายแดนไทย บริเวณตรงข้ามอำเภอพบพระ จังหวัดตาก เครื่องบินต้องสงสัยลำดังกล่าว เป็นอากาศยานสมรรถนะสูงแบบ YAK-130 มีทิศทางบินมุ่งเข้าสู่เขตแดนไทยในระยะใกล้ กองทัพอากาศ จึงสั่งการบินพิสูจน์ทราบและแสดงท่าทีป้องปราม ตามมาตรการปกติ เพื่อเฝ้าระวังและยืนยันสถานการณ์ จากการติดตามพบว่า เครื่องบินดังกล่าวได้เปลี่ยนทิศทางและออกจากเขตใกล้ชายแดนไทย ในเวลา 13.16 น. โดยไม่แสดงพฤติกรรมรุกราน หรือมีเจตนาเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศแต่อย่างใด “กองทัพอากาศ ขอยืนยันว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจปกติในการเฝ้าระวังป้องกันน่านฟ้า ซึ่งกองทัพอากาศดำเนินการอย่างเข้มแข็งและสม่ำเสมอ เพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศ สร้างความปลอดภัย และความมั่นใจให้แก่ประชาชน” โฆษกกองทัพอากาศ กล่าว ทั้งนี้ […]