เส้นทางเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

กรุงเทพฯ 9 พ.ค. – ก.ล.ต.เผยทั่วโลกเกิดสภาพภูมิอากาศสุดขั้วบ่อยและรุนแรงขึ้น ไทยติดอันดับ 4 เสี่ยงผลกระทบเศรษฐกิจ แนะรัฐ-เอกชน จัดสรรเงินทุนสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างเป็นธรรม ควบคู่มิติด้านสังคมและแรงงาน


ฝ่ายตราสารหนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เผยแพร่บทความ เรื่อง “เส้นทางการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ” โดยระบุว่าปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นในปัจจุบันกำลังส่งสัญญาณเตือนว่า ทั่วโลกต้องเร่งร่วมมือกันดำเนินการเพื่อบรรเทาปัญหานี้อย่างจริงจัง โดยตัวชี้วัดปัญหาที่สำคัญจะเห็นได้จากข้อมูลของ Copernicus Climate Change Service (C3S) ผู้ให้บริการด้านข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภายใต้ Copernicus Earth Observation Programme ของสหภาพยุโรป ที่เผยแพร่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ระบุว่าอุณหภูมิของโลกในปี 2566 มีช่วงที่ปรับสูงขึ้นเกินกว่าระดับ 1.5 องศาเซลเซียสแล้ว เมื่อเทียบกับระดับก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม อีกทั้งในปัจจุบันการเกิดภัยธรรมชาติและเหตุการณ์สุดขั้วของสภาพภูมิอากาศก็มีความถี่เพิ่มมากขึ้นและทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ จากรายงาน Emissions Gap Report 2023 ของ United Nations Environment Programme ยังระบุว่า แผนงานและมาตรการต่าง ๆ ที่ทั่วโลกดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน จะสามารถควบคุมอุณหภูมิของโลกให้เพิ่มขึ้นได้ไม่เกิน 2.5 – 2.9 องศาเซลเซียสเท่านั้น ซึ่งยังห่างไกลจากเป้าหมายภายใต้ความตกลงปารีสที่จะควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับระดับก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม และมุ่งมั่นที่จะรักษาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ในศตวรรษนี้ จากสถานการณ์ที่อุณหภูมิโลกยังสูงขึ้นต่อเนื่องเช่นนี้ สิ่งมีชีวิตหลายชนิดจะต้องอพยพย้ายถิ่น หรืออาจจะสูญพันธุ์ ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงอาจท่วมพื้นที่เศรษฐกิจและถิ่นที่อยู่อาศัย ประกอบกับภัยธรรมชาติที่รุนแรงยิ่งขึ้นจะส่งผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจของโลกโดยรวม


สำหรับประเทศไทย จากรายงานของ Swiss Re Institute (2021) ระบุว่า ประเทศไทยมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจรุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็นอันดับ 4 จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 48 ประเทศทั่วโลก (ครอบคลุมร้อยละ 90 ของ GDP โลก) และในกรณีที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นเกิน 2 – 2.6 องศาเซลเซียส คาดว่าจะส่งผลกระทบให้ GDP ของประเทศไทยลดลงถึงร้อยละ 33 – 36 ในปี 2048 (พ.ศ. 2591)

การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ที่ผ่านมาการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนเข้าสู่เป้าหมายความตกลงปารีส ทั้งภาครัฐและเอกชนเน้นให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเศรษฐกิจ “สีเขียว” ซึ่งหมายถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas: GHG) เป็นศูนย์หรือใกล้เคียงศูนย์แล้ว อย่างไรก็ดี หากจะบรรลุเป้าหมายภายใต้ความตกลงปารีส การมุ่งเน้นสนับสนุนเฉพาะกิจกรรมสีเขียวอาจไม่เพียงพอ แต่ต้องครอบคลุมถึงอุตสาหกรรมที่ยังคงปล่อย GHG สูง และลดการปล่อย GHG ได้ยาก (hard-to-abate sector) เช่น การผลิตซีเมนต์ การผลิตเหล็กและอะลูมิเนียม การผลิตเคมีภัณฑ์ และการผลิตพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 20 ของ GDP โลก และมีส่วนสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมอื่น ๆ โดยรวมแล้วคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 85 ของ GDP โลก ดังนั้น หากทั้งกิจกรรมใน hard-to-abate sector และห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้องสามารถเปลี่ยนผ่านได้สำเร็จ จะสามารถลดการปล่อย GHG ทั่วโลกลงได้อย่างมีนัยสำคัญ

ด้วยเหตุนี้ การเปลี่ยนผ่านไปสู่การดำเนินธุรกิจที่มีการปล่อย GHG ต่ำ (Transition) ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังคงปล่อย GHG สูง และลดการปล่อย GHG ได้ยาก จึงมีความสำคัญและต้องเริ่มทำอย่างเร่งด่วน โดยในระยะเริ่มต้น กิจกรรมกลุ่มนี้อาจยังไม่มีเส้นทางการเปลี่ยนผ่าน (pathway) ไปสู่กิจกรรมสีเขียวที่สอดรับกับเป้าหมายภายใต้ความตกลงปารีส แต่หากได้รับการสนับสนุนและเงินทุนที่เพียงพอให้สามารถเริ่มการ Transition ได้อย่างรวดเร็ว กิจกรรมเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะสามารถปรับปรุงเส้นทางการเปลี่ยนผ่านของตนเองให้สอดคล้องกับเป้าหมายดังกล่าวได้ในอนาคต ซึ่งการสนับสนุนตามแนวทางดังกล่าวข้างต้นสามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น การศึกษาวิจัยเพื่อเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีที่ปล่อย GHG ต่ำ (เช่น พลังงานไฮโดรเจน) การเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องจักรที่ประหยัดพลังงานหรือเครื่องจักรที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล และการเปลี่ยนไปใช้วัตถุดิบธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น


การ Transition นอกจากจะช่วยให้เกิดการลด GHG ลงได้อย่างมีนัยสำคัญแล้ว ยังช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดและยกระดับความสามารถในการแข่งขันในภาวะที่ตลาดโลกต่างให้ความสำคัญกับการปรับเปลี่ยนธุรกิจรวมถึงห่วงโซ่อุปทานให้มีความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (greening value chain) อีกด้วย

เส้นทางการเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นธรรม
นอกจากคำนึงถึงการลดการปล่อย GHG สู่ชั้นบรรยากาศ และการบรรเทาปัญหาโลกร้อนแล้ว การ Transition ยังต้องพิจารณามิติด้านสังคมและแรงงานควบคู่ไปด้วย ประเด็นนี้จึงถูกกล่าวถึงอย่างมากภายใต้หลักการเรื่องการเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นธรรม (Just transition) เนื่องจากการ Transition ครอบคลุมตั้งแต่การปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน การเปลี่ยนเทคโนโลยี ไปจนถึงการหยุดกิจกรรมบางอย่างเพื่อเปลี่ยนไปทำกิจกรรมที่ปล่อย GHG ต่ำกว่า (เช่น การปิดโรงไฟฟ้าถ่านหิน เปลี่ยนจากโรงงานผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นโรงงานผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด เป็นต้น) มีความเป็นไปได้ที่จะส่งผลต่อแรงงานในด้านลบ เนื่องจากปัจจุบันยังมีอุตสาหกรรมจำนวนมากที่ใช้เทคโนโลยีที่ปล่อย GHG เข้มข้น และเป็นแหล่งจ้างงานของแรงงานจำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งหากแรงงานไม่ได้รับการฝึกทักษะใหม่ ๆ ให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ก็มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบ เช่น ว่างงานหรือมีรายได้น้อยลง เกิดความยากจน เป็นต้น และจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังสภาพเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม การ Transition จึงจะต้องคำนึงถึงผลกระทบในประเด็นเหล่านี้ด้วย

สนับสนุนการ Transition ในภูมิภาค
การ Transition ต้องคำนึงถึงบริบทของอุตสาหกรรมหรือภูมิภาคที่แตกต่างกันออกไป เช่น ระดับการพัฒนาของโครงสร้างพื้นฐาน ระดับการพัฒนาของเทคโนโลยีและนวัตกรรม นโยบายทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม โครงสร้างและระดับการพัฒนาของเศรษฐกิจและสังคม เป็นต้น จึงมีความเป็นไปได้ที่แต่ละธุรกิจจะมีแผนงานและ pathway สำหรับการ Transition ที่แตกต่างกันออกไป โดยธุรกิจบางส่วนในประเทศพัฒนาแล้ว มีโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีพร้อมที่จะสนับสนุนให้สามารถกำหนด Transition pathway ได้สอดคล้องกับเป้าหมายความตกลงปารีส ในขณะที่ธุรกิจในประเทศกำลังพัฒนาซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจในอุตสาหกรรมที่ยังคงปล่อย GHG สูง และลดการปล่อย GHG ได้ยาก และเป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) โดยเฉพาะในอาเซียนที่มี SME คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 97-99 ของธุรกิจทั้งหมด ยังขาดความพร้อมทั้งในแง่ความรู้ความเข้าใจ เครื่องมือ เทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะเอื้อต่อการเริ่ม Transition ของธุรกิจ

นอกจากนี้ การ Transition ไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำยังต้องการเงินทุนจำนวนมหาศาลเพื่อลงทุนในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การศึกษาพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อให้เกิดการ Transition และการเสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการและแรงงานให้มีความพร้อมและมีทักษะที่เหมาะสม เป็นต้น สำหรับภูมิภาคเอเชียมีการประมาณการว่า มีความต้องการเงินทุนถึง 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ไปจนถึงปี 2593 เพื่อลงทุนในกิจกรรมด้านการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งเงินทุนจากภาครัฐอาจไม่เพียงพอ ทำให้ภาคเอกชนต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนด้วย ส่วนภาคการเงินซึ่งรวมถึงตลาดทุนก็จะมีบทบาทสำคัญที่จะเป็นตัวกลางในการจัดสรรเงินทุนในระบบเศรษฐกิจไปสู่กิจกรรมเพื่อการเปลี่ยนผ่าน

อย่างไรก็ดี การจัดสรรเงินให้ตรงจุดและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการ Transition ต้องมีการกำหนดนิยามให้ชัดเจนว่ากิจกรรม Transition และการระดมทุนเพื่อการเปลี่ยนผ่านหรือ Transition finance ต้องมีลักษณะหรือองค์ประกอบอย่างไร จึงจะมีความน่าเชื่อถือ ลดข้อกังวลในการถูกมองว่าเป็น greenwashing และสอดรับกับบริบทที่แตกต่างกันของธุรกิจที่มาระดมทุน ตลอดจนตระหนักถึงหลักการการเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นธรรมด้วย. -516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

กทม. 13 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 6 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทยและคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบน (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 12-13 กรกฎาคม 2568) ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2568 ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งโดยเฉพาะภาคเหนือบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก มีดังนี้ ในวันที่ 13 กรกฎาคม […]

ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ หลังเมียนมาปะทะรุนแรง

ตาก 12 ก.ค. – ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ด่วน พร้อมเฝ้าระวังชายแดนอำเภอพบพระอย่างใกล้ชิด หลังเหตุปะทะในเมียนมาทวีความรุนแรง มีรายงานการโจมตีค่ายทหารเมียนมาด้วยโดรน กองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นแอลเอ กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมา ใช้โดรนทิ้งระเบิดโจมตีใส่ฐาน “ทีตาแหล่” ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามบ้านวาเล่ย์เหนือ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก หลายครั้ง ขณะที่ทหารเมียนมาก็ยิงปืนเล็กยาวตอบโต้ โดยยังไม่ทราบความเสียหายที่เกิดขึ้น และยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อฝั่งประเทศไทย พลตรีไมตรี ชูปรีชา ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร พร้อมคณะนายทหารระดับสูง และฝ่ายปกครองอำเภอพบพระ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์บริเวณบ้านวาเล่ย์ และบ้านมอเกอร์ไทย อำเภอพบพระ อย่างใกล้ชิด เพื่อประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงในการเตรียมแผนเผชิญเหตุจากผลกระทบของการสู้รบใกล้แนวชายแดนในด้านมนุษยธรรม โดยขณะนี้มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาจำนวน 457 คน อาศัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 2 แห่ง ในอำเภอพบพระ และได้รับการดูแลตามหลักมนุษยธรรมภายใต้ความร่วมมือของศูนย์สั่งการชายแดนประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จังหวัดตาก และแนวทางของสภาความมั่นคงแห่งชาติ พลตรี ไมตรี เน้นย้ำให้หน่วยเฉพาะกิจราชมนู ร่วมกับฝ่ายปกครอง เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังติดอาวุธต่างชาติ และดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งกองกำลังนเรศวรยืนยันว่าประเทศไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้ง และไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในการใช้พื้นที่ประเทศไทยเพื่อประโยชน์ของตนเอง .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

“บิ๊กเต่า” ให้โอกาสคณะสงฆ์ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง

กทม. 12 ก.ค.-“บิ๊กเต่า” ให้โอกาสคณะสงฆ์ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเอี่ยวสีกากอล์ฟ เชื่อพระเป็นเหยื่อ หากไม่เสร็จพร้อมดำเนินการ เผยอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เข้าให้ข้อมูล เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง วันนี้ (12 ก.ค.) หลังจากอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เข้าให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เมื่อเวลา 12.30 น. แต่งกายด้วยชุดโปโลสีเทา กางเกงวอร์มขายาว ผู้สื่อข่าว พยายามสอบถามว่าเข้ามาให้ปากคำกรณีที่ปรากฏอยู่ในคลิปหรือไม่ ทางอดีตผู้ช่วยเจ้าวาสไม่ตอบ เมื่อถามเพิ่มเติมว่า คลิปที่ปรากฏอยู่ตอนนนี้ ใช่ตัวเองจริงหรือไม่ อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร ปิดปากเงียบ ไม่มีการให้ข้อมูลอะไรกับสื่อมวลชน ก่อนที่จะเดินขึ้นไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้ากองปราบด้านบน จากนั้นในเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยเดินทางขึ้นตึกด้านหลัง ใช้ลิฟต์ลานจอดรถ หลังเดินทางกลับจากวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร โดยหลบผู้สื่อข่าวที่มารออยู่ด้านหน้า และได้สอบปากคำอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ในเวลา 16.20 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ให้สัมภาษณ์ว่าการหารือกับพระผู้ใหญ่ในวันนี้ ก็ถือเป็นการทำงานร่วมกันกับ ปปท. ซึ่งมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ […]