กรุงเทพฯ 28 ก.พ. – ไทยออยล์เดินหน้า ตามแผนลงทุน 3 ปี 703 ล้านเหรียญฯ มาร์จิ้นช่วงนี้อยู่ในเกณฑ์ดี 8.25 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
นางชนมาศ ศาสนนันทน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านการเงินและบัญชี บมจ.ไทยออยล์ (TOP) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนการลงทุนโครงการในอนาคต ตั้งแต่ปี 67-69 รวม 703 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนใหญ่เป็นโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project) 233 ล้านเหรียญสหรัฐ และเงินลงทุนในธุรกิจโอเลฟินส์ของบริษัทฯ โดยผ่านการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท PT Chandra Asri Petrochemical Tbk ประมาณ 270 ล้านเหรียญสหรัฐ และโครงการอื่นของบริษัทที่อยู่ระหว่างดำเนินการ
สำหรับการดำเนินงานของโครงการ CFP มีความคืบหน้าประมาณ 95% คาดว่าจะสามารถทดลองเดินเครื่องจักรหน่วยกำจัดสารกำมะถันในน้ำมันดีเซลหน่วยใหม่ (Hydrodesulfurization; HDS-4) ในเดือน ก.พ.67 เร็วกว่าแผนงานเพื่อรองรับการผลิตน้ำมันมาตรฐาน Euro 5 ที่มีผลบังคับใช้ทั่วประเทศในปี 67 ในส่วนของหน่วยผลิตอื่น ๆ อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการเพื่อให้เริ่มทยอยทดลองเดินเครื่องจักรได้ต่อไป นอกจากนี้บริษัทยังศึกษาโครงการใหม่ ๆ อย่างไบโอเจท การศึกษาเทคโนโลยี การดักจับและการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture and Storage : CCS) และใช้ประโยชน์คาร์บอน (Carbon Capture and Utilization: CCU) รวมไปถึงโครงการไฮโดรเจน
ส่วนความต้องการน้ำมันดิบทั่วโลกปีนี้ คาดว่าน่ายังเติบโตเฉลี่ยราว 1.6 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งกลับมาอยู่ในระดับเดียวกับช่วงก่อนโควิด-19 แล้ว โดยหลักจะมาจากจีนที่ยังมีความต้องการใช้น้ำมันเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ส่วนสหรัฐ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้มุมมองต่อเศรษฐกิจ และความต้องการใช้น้ำมันของสหรัฐดีขึ้น ขณะที่ในประเทศความต้องการน้ำมันยังคงเติบโตราว 3.4% จากปีก่อน ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ภาพรวมดังกล่าวทำให้ธุรกิจโรงกลั่น ในส่วนของมาร์จิ้น (Singapore Cracking GRM) ตั้งแต่ต้นไตรมาส 1/67 จนถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 8.25 เหรียญ/บาร์เรล, ด้านตลาดอะโรเมติกส์ โดยภาพรวมดูมีความหวังมากขึ้น จากพาราไซลีน (Px) จากความต้องการปีนี้โต 1.5 ล้านตัน สูงกว่าซัพพลายที่เข้ามา ,ส่วนโอเลฟินส์ ยังมีความท้าทายอยู่บ้างจาก HDPE แม้ว่าดีมานด์ และซัพพลายจะเติบโตใกล้เคียงกัน แต่หากดูโพลีโพรพิลีน (PP) ปีนี้ซัพพลายเข้ามาค่อนข้างมากจากอินเดียและจีน ก็น่าจะเป็นตัวที่ทำให้ตลาดของโอเลฟินส์ได้รับแรงกดดันอยู่, น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน ซัพพลายเข้ามามากขึ้นในปีนี้ และมีการเติบโตค่อนข้างมาก, ด้านยางมะตอยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ดีมานด์ยังเติบโตขึ้นต่อเนื่องทุกปี ขณะที่ซัพพลายยังทรงตัว.-511-สำนักข่าวไทย