นนทบุรี 21 ก.พ.-รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ออกตรวจเข้มเสื้อสีเหลือง เนื่องในโอกาสมหามงคล หวั่นขายเกินราคา ย้ำผู้จำหน่ายต้องปิดป้ายให้ชัดเจน
นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 ขอความร่วมมือให้บุคลากรของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐแต่งกายด้วยเสื้อสีเหลืองที่มีตราสัญลักษณ์ หรือเสื้อเหลืองทั่วไป แทนการแต่งกายในปกติทุกวันจันทร์หรือในโอกาสอื่นที่เหมาะสม เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องปรามมิให้ผู้ประกอบการฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าในลักษณะที่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค อธิบดีกรมการค้าภายในจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สายตรวจออกตรวจสอบกำกับดูแลผู้ประกอบการที่จำหน่ายเสื้อสีเหลืองดังกล่าว รวมถึงห้างสรรพสินค้าต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ พร้อมทั้งขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้มีการปิดป้ายแสดงราคาสินค้าอย่างชัดเจน และปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และยังได้สั่งการให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มงวด
อย่างไรก็ตาม จากการนำกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจลงพื้นที่บริเวณตลาดท่าน้ำนนท์ และจากการสำรวจราคาจำหน่ายบริเวณตลาดโบ้เบ้ ซึ่งเป็นแหล่งจำหน่ายเสื้อผ้าพบว่า ส่วนใหญ่จำหน่ายราคาตัวละ 150 – 250 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาด คุณภาพของเนื้อผ้า และรูปแบบการตัดเย็บ อีกทั้งผู้ประกอบการยังให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด มีการแสดงราคาจำหน่ายสินค้าให้ผู้บริโภคได้ทราบก่อนการตัดสินใจซื้อ กรมฯจึงขอแนะนำให้ประชาชนเปรียบเทียบราคาและคุณภาพก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าและฝากเตือนผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตามกฎหมายโดยเฉพาะการติดป้ายแสดงราคาสินค้าและบริการ อย่างเคร่งครัด หากพบว่าผู้ประกอบการรายใดไม่มีการแสดงราคาจำหน่ายสินค้า หรือบริการ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือจำหน่ายสินค้าในราคาสูงโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542
ทั้งนี้ หากผู้บริโภคพบเห็นการจำหน่ายสินค้าหรือบริการที่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการซื้อสินค้าและบริการสามารถร้องเรียน ได้ที่สายด่วน 1569 กรมการค้าภายใน หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ตรวจพบจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเข้มงวดต่อไป.-514-สำนักข่าวไทย