ก.พาณิชย์แจงข้อเท็จจริงโกดังข้าว 8 แห่ง

นนทบุรี 30 ก.ค.-กรมการค้าต่างประเทศแจงข้อเท็จจริง กรณีที่โกดังข้าว 8 แห่ง เรียกร้องรัฐบาลระงับการระบายข้าว


นางดวงพร  รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ขอชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่โกดังข้าว 8 แห่ง เรียกร้องรัฐบาลระงับการระบายข้าวในโครงการรับจำนำข้าวปี 2556/2557 นั้น โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ คือ ตั้งแต่ที่รัฐบาลคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ได้แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) และคณะอนุกรรมการต่างๆ รวมทั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐ เพื่อทำหน้าที่ตรวจนับปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือจากการรับจำนำของรัฐบาลชุดที่แล้ว โดยการลงพื้นที่ของคณะทำงาน 100 ชุด ซึ่งมีผู้ตรวจราชการจากทุกกระทรวงเป็นหัวหน้าชุด และใช้บุคลากรจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและทหารจากกองทัพทั้ง 4 ภาค ภายใต้หลักเกณฑ์ในการปฏิบัติตามการอบรมและคู่มือการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐที่จัดทำขึ้นตามหลักสากลในการตรวจสอบสินค้าเกษตรซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วไป โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ผลการตรวจสอบออกมาเช่นใด จะถือว่าเป็นคุณภาพของสินค้านั้นทั้งกอง และจะยึดถือผลนี้เป็นเกณฑ์ โดยมีผู้แทนเจ้าของคลังและบริษัทผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าวหรือผู้แทนร่วมรับทราบและลงนามรับรองในเอกสารกำกับตัวอย่างข้าวและรายงานผลการปฏิบัติงานโดยตลอดและไม่มีข้อโต้แย้งในขณะปฏิบัติงานแต่อย่างใด และคณะกรรมการ นบข. ได้เห็นชอบให้ใช้ผลการตรวจสอบตามรายงานของคณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐเป็นข้อมูลเพื่อใช้ในการระบายข้าว รวมทั้งแจ้งความดำเนินคดีกรณีข้าวมีคุณภาพไม่เป็นไปตามมาตรฐานกำหนด

ด้านการระบายข้าวในสตอกของรัฐตลอดระยะเวลากว่า 3 ปี ในช่วงเดือนสิงหาคม 2557 ถึงเดือนกรกฎาคม 2560 กรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะเลขานุการคณะอนุกรรมการดำเนินการระบายข้าว ได้ดำเนินการตามยุทธศาสตร์ แนวทาง วิธีการ หลักเกณฑ์ ที่คณะกรรมการ นบข. ให้ความเห็นชอบมาโดยตลอดใช้หลักปฏิบัติเดียวกันกับทุกราย ด้วยความโปร่งใส ชัดเจน โดยนำข้าวที่ผ่านการตรวจนับปริมาณและมีการวิเคราะห์และจัดระดับคุณภาพแล้วมาระบายตามจังหวะเวลา และช่องทางที่เหมาะสม โดยการระบายข้าวในช่วงที่ผ่านมา ภาครัฐได้พยายามนำข้าวออกมาประมูลเป็นการทั่วไปให้มากที่สุดเพื่อประโยชน์สูงสุดของรัฐ แต่การระบายก็ยังทำได้ไม่เร็วเท่าที่ควร เพราะตลาดข้าวทั่วไปมีขีดจำกัดในการรองรับปริมาณข้าวจากการที่ภาครัฐได้ระบายข้าวไปแล้วจำนวนมากก่อนหน้านี้ และข้าวฤดูกาลผลิตใหม่ได้ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องเป็นความกดดันให้ต้องพิจารณาช่องทางการระบายที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหาสต็อกข้าวกดทับตลาดซึ่งมีผลต่อจิตวิทยาตลาด และรักษาเสถียรภาพราคาข้าวฤดูกาลผลิตใหม่ที่เกษตรกรจะได้รับ รวมทั้งลดภาระค่าใช้จ่าย ประกอบกับข้าวในสต็อกของรัฐส่วนใหญ่เป็นข้าวที่คุณภาพไม่เป็นไปตามมาตรฐานและข้าวดีบางส่วนปะปนกันไม่สามารถแยกกองขายได้ นอกจากนี้ข้าวในแต่ละคลังมีรายละเอียดของชนิดและคุณภาพข้าวที่แตกต่างกัน จากข้อจำกัดและปัญหาดังกล่าวข้างต้น คณะกรรมการ นบข. จึงต้องทบทวนแนวทางหลักเกณฑ์การระบายมาเป็นระยะตามสถานการณ์ โดยในช่วงต้นปี 2560 ได้มีมติทบทวนและปรับแนวทางการระบาย เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ สภาพข้าวและสภาพคลัง 


ทั้งนี้ มีการจัดกลุ่มข้าวเพื่อการระบายออกเป็น 3 กลุ่ม ตามเกณฑ์คุณภาพของข้าว เพื่อแยกช่องทางการตลาดให้ชัดเจน โดยขายแบบยกคลัง ดังนี้ กลุ่มที่ 1 เป็นข้าวทั่วไปเพื่อการบริโภค กลุ่มที่ 2 เป็นข้าวระบายเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่เพื่อการบริโภคของคน และกลุ่มที่ 3 เป็นข้าวระบายเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่เพื่อการบริโภคของคนและสัตว์ 3. คลังข้าวทั้ง 8 แห่ง เมื่อจัดกลุ่มตามแนวทางที่มติคณะกรรมการนบข. กำหนดไว้เป็น คือ มี 5 คลังที่จัดเป็นข้าวกลุ่มที่ 2 ที่ต้องระบายเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่เพื่อการบริโภคของคน เนื่องจากมีสัดส่วนข้าวผิดมาตรฐานมาก (C) ปนอยู่เกินร้อยละ 20 ดังนี้

(1) คลังวรโชติ หลัง 2 จังหวัดอ่างทอง ที่ผ่านมาได้นำข้าวในคลังดังกล่าวออกมาประมูลแล้วแต่ไม่สามารถจำหน่ายได้ และเมื่อ นบข. มีมติทบทวนและปรับแนวทางการระบาย คลังวรโชติฯ ซึ่งมีข้าวปทุมธานีจำนวน 5 กอง ปีการผลิต 2556/57 และมีผลการจัดระดับคุณภาพข้าว แบ่งเป็น ข้าวผิดมาตรฐานแต่ปรับปรุงได้ 4 กอง และเป็นข้าวที่ผิดมาตรฐานมาก (C) ซึ่งไม่คุ้มหรือไม่อาจปรับปรุงเพื่อการบริโภคของคน 1 กอง โดยมีสัดส่วนข้าวผิดมาตรฐานมาก (C) ปนอยู่ร้อยละ 24 (2) คลังถาวรโชคชัย หลัง 1 จังหวัดสระบุรี มีข้าวขาว 5% ปีการผลิต 2556/57 จำนวน 4 กอง มีข้าวผิดมาตรฐานแต่ปรับปรุงได้ 2 กอง และเป็นข้าวที่ผิดมาตรฐานมาก (C) ซึ่งไม่คุ้มหรือไม่อาจปรับปรุงเพื่อการบริโภคของคน 2 กอง โดยมีสัดส่วนข้าวผิดมาตรฐานมาก (C) ปนอยู่ร้อยละ50

(3) คลัง บจก.โรงสีไฟแสงไพฑูรย์ (2000) หลัง 2 จังหวัด นนทบุรี มีข้าวขาว 5 % จำนวน 8 กอง มีข้าวผ่านมาตรฐาน 1 กอง ข้าวผิดมาตรฐานแต่ปรับปรุงได้ 6 กอง ซึ่งที่ผ่านมาได้นำข้าวออกมาประมูลแล้ว ส่วนที่เหลือเป็นข้าวที่ผิดมาตรฐานมาก (C) ซึ่งไม่คุ้มหรือไม่อาจปรับปรุงเพื่อการบริโภคของคน 1 กอง โดยมีสัดส่วนข้าวผิดมาตรฐานมาก (C) ปนอยู่ร้อยละ 22


(4) คลังกิจเจริญทรัพย์ ลพบุรี หลัง 1/1 มีข้าวจำนวน 6 กอง เป็นข้าวขาว 25 % ปีการผลิต 2556/57 จำนวน 4 กอง เป็นข้าวที่ถูกต้องมาตรฐาน ที่ผ่านมาได้นำข้าวออกมาประมูลแล้ว โดยในคลังยังคงเหลือข้าวเหนียวขาว 10% ปีการผลิต 2555/56 จำนวน 2 กอง ซึ่งทั้ง 2 กองเป็นข้าวที่ผิดมาตรฐานมาก (C) ไม่คุ้มหรือไม่อาจปรับปรุงเพื่อการบริโภคของคน โดยมีสัดส่วนข้าวผิดมาตรฐานมาก (C) ปนอยู่ร้อยละ 36

(5) คลังกิจเจริญทรัพย์ ลพบุรี หลัง 2 มีข้าวปทุมธานี 5 % ปีการผลิต 2556 /57 จำนวน 5 กอง มีข้าวผิดมาตรฐานแต่ปรับปรุงได้ 4 กอง และเป็นข้าวที่ผิดมาตรฐานมาก (C) ซึ่งไม่คุ้มหรือไม่อาจปรับปรุงเพื่อการบริโภคของคน 1 กอง โดยมีสัดส่วนข้าวผิดมาตรฐานมาก (C) ปนอยู่ร้อยละ 24

 นอกจากนี้ มี 3 คลังจัดเป็นข้าวกลุ่มที่ 3 ที่ต้องระบายเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่เพื่อการบริโภคของคนและสัตว์ กำหนดสัดส่วนข้าวผิดมาตรฐานมาก (C) ปนอยู่เกินร้อยละ 80 และเป็นข้าวที่มีอายุการเก็บรักษาเกินกว่า 5 ปี (1) คลังกิจเจริญทรัพย์ ลพบุรี หลัง 1 มีข้าวจำนวน 5 กอง ปีการผลิต 2554/55 แบ่งเป็น ปลายข้าวหอมมะลิจำนวน 3 กอง เป็นข้าวที่ผิดมาตรฐานแต่ปรับปรุงได้ ที่ผ่านมาได้นำข้าวออกมาประมูลแล้ว ส่วนข้าวที่เหลือมีปลายข้าวหอมมะลิ จำนวน 1 กอง และข้าวท่อนหอมมะลิ จำนวน 1 กอง และเป็นข้าวที่ผิดมาตรฐานมาก (C) ทั้ง 2 กอง ซึ่งไม่คุ้มหรือไม่อาจปรับปรุงเพื่อการบริโภคของคน และเป็นข้าวที่มีอายุการเก็บรักษาเกินกว่า 5 ปี (2) คลังกิจเจริญทรัพย์ ลพบุรี หลัง 3 มีข้าวเหนียวขาว 10 % ปีการผลิต 2554 / 55 จำนวน 5 กอง แบ่งเป็น ข้าวที่ผ่านมาตรฐานจำนวน 1 กอง ที่ผ่านมาได้นำข้าวออกมาประมูลแล้ว ส่วนที่เหลือเป็นข้าวผิดมาตรฐานแต่ปรับปรุงได้ 2 กอง และเป็นข้าวที่ผิดมาตรฐานมาก (C) ซึ่งไม่คุ้มหรือไม่อาจปรับปรุงเพื่อการบริโภคของคน 2 กอง และเป็นข้าวที่มีอายุการเก็บรักษาเกินกว่า 5 ปี (3) คลังโรงสีไฟเจริญประภา หลัง 2 จังหวัดลพบุรี มีข้าวปทุมธานี จำนวน 1 กอง มีเป็นข้าวที่ผิดมาตรฐานมาก (C) ซึ่งไม่คุ้มหรือไม่อาจปรับปรุงเพื่อการบริโภคของคน โดยมีสัดส่วนข้าวผิดมาตรฐานมาก (C) ทั้งหมด (ร้อยละ100) ที่ผ่านมากรมการค้าต่างประเทศได้มีหนังสือตอบชี้แจงข้อร้องเรียนเรื่องดังกล่าวให้เจ้าของคลัง โรงสี เซอร์เวย์ ที่รับผิดชอบคุณภาพข้าวทราบโดยตลอด 

อย่างไรก็ตาม คลังดังกล่าวถูก อคส.และ อ.ต.ก ฟ้องดำเนินคดีเรื่องข้าวไม่ได้คุณภาพ โดยกระบวนการระบายข้าวในคลังดังกล่าวได้ดำเนินการตามขั้นตอนตามมติคณะกรรมการ นบข. เสร็จสิ้นแล้ว เจ้าของคลังมีสิทธิโต้แย้งแสดงข้อเท็จจริงต่อสู้ตามกฎหมายและกระบวนการพิจารณาในชั้นศาลต่อไป แต่ไม่มีสิทธิมายับยั้งไม่ให้รัฐขายข้าวของรัฐ เพราะหากไม่ระบายออกไปก็จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ และกรณีให้ตรวจสอบคุณภาพใหม่นั้น ขณะนี้ได้เลยขั้นตอนดังกล่าวมานานแล้ว เพราะได้มีการตรวจสอบคุณภาพข้าวมาตั้งแต่ปี 2557 ผลการตรวจก็เป็นที่รับทราบต่อสาธารณชนและเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องดำเนินการใหม่

ในการระบายข้าวในสตอกของรัฐกลุ่มที่ 2 และกลุ่มที่ 3 เข้าสู่อุตสาหกรรม คณะกรรมการ นบข. ได้ให้ความสำคัญในการกำกับดูแลข้าวดังกล่าวเพื่อป้องกันการรั่วไหลเข้าสู่ระบบการค้าปกติมาตั้งแต่แรก โดยได้มอบหมาย อคส. และอ.ต.ก กำหนดมาตรการและดำเนินการบริหารจัดการ ควบคุมให้มีการนำข้าวไปใช้ในอุตสาหกรรมที่ผู้ซื้อระบุอย่างเคร่งครัด และได้แต่งตั้ง “คณะอนุกรรมการตรวจสอบการปฎิบัติตามสัญญาซื้อขายข้าวในสต็อก” เพื่อติดตามการปฏิบัติงานของทั้งสองหน่วยด้วย 5. การระบายข้าวในสตอกของรัฐที่มีปริมาณมากถึง 17.76 ล้านตัน และคุณภาพส่วนใหญ่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน คณะกรรมการ นบข. จึงต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ  โดยคำนึงถึงผลกระทบในหลายมิติ เพราะเป็นปริมาณข้าวส่วนเกินที่กดทับตลาด และการเสื่อมสภาพของข้าว การระบายจะต้องพิจารณาช่องทางและเวลาที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้กระทบต่อจิตวิทยาตลาด และราคาข้าวที่เกษตรกรจะได้รับจากการขายข้าวเปลือกฤดูกาลผลิตใหม่ที่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องทุกปี รวมทั้งผลกระทบต่อตลาดข้าวสุขอนามัยของมนุษย์และสัตว์ ชื่อเสียงและคุณภาพข้าวไทย เพื่อให้สภาพการค้าข้าวไทยกลับมาสู่ภาวะปกติเป็นไปตามกลไกตลาดโดยเร็ว ดังนั้น เรื่องราคาข้าวที่ได้รับไม่ใช่เรื่องหลักในการตัดสินใจระบาย แต่ประเด็นสำคัญคือจะต้องคำนึงถึงผลกระทบที่ไม่สามารถคำนวณเป็นตัวเงินดังกล่าวได้ เนื่องจากราคารับจำนำที่สูงกว่าราคาตลาดมาก และมีภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการรับจำนำสูงมาก การขาดทุนจึงเกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการรับจำนำแล้ว

ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่าเหตุใดในช่วงเวลานี้จึงมีการหยิบยกประเด็นเรื่องการระบายข้าว ประเด็นเรื่องคลัง และผลการตรวจสอบคุณภาพข้าวมาวิพากษ์วิจารณาอย่างบิดเบือนข้อเท็จจริงให้สังคมเกิดความสับสน เพราะที่ผ่านมากรมการค้าต่างประเทศได้ชี้แจงให้ผู้ประกอบการและชี้แจงผ่านสื่อมวลชนให้สาธารณชนทราบอย่างโปร่งใสมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 3 ปี-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย

จับตา! กัมพูชาพาทัวร์เขมรเยือน “ตาเมือนธม”

สุรินทร์ 20 ก.ค.- จับตา! กัมพูชาพาทัวร์เขมรเยือนปราสาท “ตาเมือนธม” ด้านทหารไทย-ฝ่ายปกครอง จัดกำลังดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวไทยใกล้ชิด บรรยากาศการท่องเที่ยวช่วงวันหยุดที่ปราสาทตาเมือนธม ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ วันนี้ ถูกจับตามองเป็นพิเศษ หลังมีรายงานว่าทางกัมพูชาเตรียมเกณฑ์นักท่องเที่ยวชาวเขมรขึ้นมาเยือนปราสาทตาเมือนธม ซึ่งขณะนี้ทราบว่า มวลชนมาด้วยรถโดยสารประจำทางของฝั่งกัมพูชาเกือบ 23 คันรถ โดยจอดอยู่ข้างล่างฝั่งกัมพูชาและเริ่มทยอยขึ้นมายังปราสาทตาเมือนธมอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศภายในตัวปราสาทฯ ยังคงเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งไทยและกัมพูชา ท่ามกลางการดูแลอำนวยความสะดวกของเจ้าที่ทหารไทยเป็นอย่างดี ขณะนี้ยังไม่มีปัญหาเกิดขึ้นแต่อย่างใด -สำนักข่าวไทย