ก.พาณิชย์แจงข้อเท็จจริงโกดังข้าว 8 แห่ง

นนทบุรี 30 ก.ค.-กรมการค้าต่างประเทศแจงข้อเท็จจริง กรณีที่โกดังข้าว 8 แห่ง เรียกร้องรัฐบาลระงับการระบายข้าว


นางดวงพร  รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ขอชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่โกดังข้าว 8 แห่ง เรียกร้องรัฐบาลระงับการระบายข้าวในโครงการรับจำนำข้าวปี 2556/2557 นั้น โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ คือ ตั้งแต่ที่รัฐบาลคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ได้แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) และคณะอนุกรรมการต่างๆ รวมทั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐ เพื่อทำหน้าที่ตรวจนับปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือจากการรับจำนำของรัฐบาลชุดที่แล้ว โดยการลงพื้นที่ของคณะทำงาน 100 ชุด ซึ่งมีผู้ตรวจราชการจากทุกกระทรวงเป็นหัวหน้าชุด และใช้บุคลากรจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและทหารจากกองทัพทั้ง 4 ภาค ภายใต้หลักเกณฑ์ในการปฏิบัติตามการอบรมและคู่มือการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐที่จัดทำขึ้นตามหลักสากลในการตรวจสอบสินค้าเกษตรซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วไป โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ผลการตรวจสอบออกมาเช่นใด จะถือว่าเป็นคุณภาพของสินค้านั้นทั้งกอง และจะยึดถือผลนี้เป็นเกณฑ์ โดยมีผู้แทนเจ้าของคลังและบริษัทผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าวหรือผู้แทนร่วมรับทราบและลงนามรับรองในเอกสารกำกับตัวอย่างข้าวและรายงานผลการปฏิบัติงานโดยตลอดและไม่มีข้อโต้แย้งในขณะปฏิบัติงานแต่อย่างใด และคณะกรรมการ นบข. ได้เห็นชอบให้ใช้ผลการตรวจสอบตามรายงานของคณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐเป็นข้อมูลเพื่อใช้ในการระบายข้าว รวมทั้งแจ้งความดำเนินคดีกรณีข้าวมีคุณภาพไม่เป็นไปตามมาตรฐานกำหนด

ด้านการระบายข้าวในสตอกของรัฐตลอดระยะเวลากว่า 3 ปี ในช่วงเดือนสิงหาคม 2557 ถึงเดือนกรกฎาคม 2560 กรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะเลขานุการคณะอนุกรรมการดำเนินการระบายข้าว ได้ดำเนินการตามยุทธศาสตร์ แนวทาง วิธีการ หลักเกณฑ์ ที่คณะกรรมการ นบข. ให้ความเห็นชอบมาโดยตลอดใช้หลักปฏิบัติเดียวกันกับทุกราย ด้วยความโปร่งใส ชัดเจน โดยนำข้าวที่ผ่านการตรวจนับปริมาณและมีการวิเคราะห์และจัดระดับคุณภาพแล้วมาระบายตามจังหวะเวลา และช่องทางที่เหมาะสม โดยการระบายข้าวในช่วงที่ผ่านมา ภาครัฐได้พยายามนำข้าวออกมาประมูลเป็นการทั่วไปให้มากที่สุดเพื่อประโยชน์สูงสุดของรัฐ แต่การระบายก็ยังทำได้ไม่เร็วเท่าที่ควร เพราะตลาดข้าวทั่วไปมีขีดจำกัดในการรองรับปริมาณข้าวจากการที่ภาครัฐได้ระบายข้าวไปแล้วจำนวนมากก่อนหน้านี้ และข้าวฤดูกาลผลิตใหม่ได้ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องเป็นความกดดันให้ต้องพิจารณาช่องทางการระบายที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหาสต็อกข้าวกดทับตลาดซึ่งมีผลต่อจิตวิทยาตลาด และรักษาเสถียรภาพราคาข้าวฤดูกาลผลิตใหม่ที่เกษตรกรจะได้รับ รวมทั้งลดภาระค่าใช้จ่าย ประกอบกับข้าวในสต็อกของรัฐส่วนใหญ่เป็นข้าวที่คุณภาพไม่เป็นไปตามมาตรฐานและข้าวดีบางส่วนปะปนกันไม่สามารถแยกกองขายได้ นอกจากนี้ข้าวในแต่ละคลังมีรายละเอียดของชนิดและคุณภาพข้าวที่แตกต่างกัน จากข้อจำกัดและปัญหาดังกล่าวข้างต้น คณะกรรมการ นบข. จึงต้องทบทวนแนวทางหลักเกณฑ์การระบายมาเป็นระยะตามสถานการณ์ โดยในช่วงต้นปี 2560 ได้มีมติทบทวนและปรับแนวทางการระบาย เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ สภาพข้าวและสภาพคลัง 


ทั้งนี้ มีการจัดกลุ่มข้าวเพื่อการระบายออกเป็น 3 กลุ่ม ตามเกณฑ์คุณภาพของข้าว เพื่อแยกช่องทางการตลาดให้ชัดเจน โดยขายแบบยกคลัง ดังนี้ กลุ่มที่ 1 เป็นข้าวทั่วไปเพื่อการบริโภค กลุ่มที่ 2 เป็นข้าวระบายเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่เพื่อการบริโภคของคน และกลุ่มที่ 3 เป็นข้าวระบายเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่เพื่อการบริโภคของคนและสัตว์ 3. คลังข้าวทั้ง 8 แห่ง เมื่อจัดกลุ่มตามแนวทางที่มติคณะกรรมการนบข. กำหนดไว้เป็น คือ มี 5 คลังที่จัดเป็นข้าวกลุ่มที่ 2 ที่ต้องระบายเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่เพื่อการบริโภคของคน เนื่องจากมีสัดส่วนข้าวผิดมาตรฐานมาก (C) ปนอยู่เกินร้อยละ 20 ดังนี้

(1) คลังวรโชติ หลัง 2 จังหวัดอ่างทอง ที่ผ่านมาได้นำข้าวในคลังดังกล่าวออกมาประมูลแล้วแต่ไม่สามารถจำหน่ายได้ และเมื่อ นบข. มีมติทบทวนและปรับแนวทางการระบาย คลังวรโชติฯ ซึ่งมีข้าวปทุมธานีจำนวน 5 กอง ปีการผลิต 2556/57 และมีผลการจัดระดับคุณภาพข้าว แบ่งเป็น ข้าวผิดมาตรฐานแต่ปรับปรุงได้ 4 กอง และเป็นข้าวที่ผิดมาตรฐานมาก (C) ซึ่งไม่คุ้มหรือไม่อาจปรับปรุงเพื่อการบริโภคของคน 1 กอง โดยมีสัดส่วนข้าวผิดมาตรฐานมาก (C) ปนอยู่ร้อยละ 24 (2) คลังถาวรโชคชัย หลัง 1 จังหวัดสระบุรี มีข้าวขาว 5% ปีการผลิต 2556/57 จำนวน 4 กอง มีข้าวผิดมาตรฐานแต่ปรับปรุงได้ 2 กอง และเป็นข้าวที่ผิดมาตรฐานมาก (C) ซึ่งไม่คุ้มหรือไม่อาจปรับปรุงเพื่อการบริโภคของคน 2 กอง โดยมีสัดส่วนข้าวผิดมาตรฐานมาก (C) ปนอยู่ร้อยละ50

(3) คลัง บจก.โรงสีไฟแสงไพฑูรย์ (2000) หลัง 2 จังหวัด นนทบุรี มีข้าวขาว 5 % จำนวน 8 กอง มีข้าวผ่านมาตรฐาน 1 กอง ข้าวผิดมาตรฐานแต่ปรับปรุงได้ 6 กอง ซึ่งที่ผ่านมาได้นำข้าวออกมาประมูลแล้ว ส่วนที่เหลือเป็นข้าวที่ผิดมาตรฐานมาก (C) ซึ่งไม่คุ้มหรือไม่อาจปรับปรุงเพื่อการบริโภคของคน 1 กอง โดยมีสัดส่วนข้าวผิดมาตรฐานมาก (C) ปนอยู่ร้อยละ 22


(4) คลังกิจเจริญทรัพย์ ลพบุรี หลัง 1/1 มีข้าวจำนวน 6 กอง เป็นข้าวขาว 25 % ปีการผลิต 2556/57 จำนวน 4 กอง เป็นข้าวที่ถูกต้องมาตรฐาน ที่ผ่านมาได้นำข้าวออกมาประมูลแล้ว โดยในคลังยังคงเหลือข้าวเหนียวขาว 10% ปีการผลิต 2555/56 จำนวน 2 กอง ซึ่งทั้ง 2 กองเป็นข้าวที่ผิดมาตรฐานมาก (C) ไม่คุ้มหรือไม่อาจปรับปรุงเพื่อการบริโภคของคน โดยมีสัดส่วนข้าวผิดมาตรฐานมาก (C) ปนอยู่ร้อยละ 36

(5) คลังกิจเจริญทรัพย์ ลพบุรี หลัง 2 มีข้าวปทุมธานี 5 % ปีการผลิต 2556 /57 จำนวน 5 กอง มีข้าวผิดมาตรฐานแต่ปรับปรุงได้ 4 กอง และเป็นข้าวที่ผิดมาตรฐานมาก (C) ซึ่งไม่คุ้มหรือไม่อาจปรับปรุงเพื่อการบริโภคของคน 1 กอง โดยมีสัดส่วนข้าวผิดมาตรฐานมาก (C) ปนอยู่ร้อยละ 24

 นอกจากนี้ มี 3 คลังจัดเป็นข้าวกลุ่มที่ 3 ที่ต้องระบายเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่เพื่อการบริโภคของคนและสัตว์ กำหนดสัดส่วนข้าวผิดมาตรฐานมาก (C) ปนอยู่เกินร้อยละ 80 และเป็นข้าวที่มีอายุการเก็บรักษาเกินกว่า 5 ปี (1) คลังกิจเจริญทรัพย์ ลพบุรี หลัง 1 มีข้าวจำนวน 5 กอง ปีการผลิต 2554/55 แบ่งเป็น ปลายข้าวหอมมะลิจำนวน 3 กอง เป็นข้าวที่ผิดมาตรฐานแต่ปรับปรุงได้ ที่ผ่านมาได้นำข้าวออกมาประมูลแล้ว ส่วนข้าวที่เหลือมีปลายข้าวหอมมะลิ จำนวน 1 กอง และข้าวท่อนหอมมะลิ จำนวน 1 กอง และเป็นข้าวที่ผิดมาตรฐานมาก (C) ทั้ง 2 กอง ซึ่งไม่คุ้มหรือไม่อาจปรับปรุงเพื่อการบริโภคของคน และเป็นข้าวที่มีอายุการเก็บรักษาเกินกว่า 5 ปี (2) คลังกิจเจริญทรัพย์ ลพบุรี หลัง 3 มีข้าวเหนียวขาว 10 % ปีการผลิต 2554 / 55 จำนวน 5 กอง แบ่งเป็น ข้าวที่ผ่านมาตรฐานจำนวน 1 กอง ที่ผ่านมาได้นำข้าวออกมาประมูลแล้ว ส่วนที่เหลือเป็นข้าวผิดมาตรฐานแต่ปรับปรุงได้ 2 กอง และเป็นข้าวที่ผิดมาตรฐานมาก (C) ซึ่งไม่คุ้มหรือไม่อาจปรับปรุงเพื่อการบริโภคของคน 2 กอง และเป็นข้าวที่มีอายุการเก็บรักษาเกินกว่า 5 ปี (3) คลังโรงสีไฟเจริญประภา หลัง 2 จังหวัดลพบุรี มีข้าวปทุมธานี จำนวน 1 กอง มีเป็นข้าวที่ผิดมาตรฐานมาก (C) ซึ่งไม่คุ้มหรือไม่อาจปรับปรุงเพื่อการบริโภคของคน โดยมีสัดส่วนข้าวผิดมาตรฐานมาก (C) ทั้งหมด (ร้อยละ100) ที่ผ่านมากรมการค้าต่างประเทศได้มีหนังสือตอบชี้แจงข้อร้องเรียนเรื่องดังกล่าวให้เจ้าของคลัง โรงสี เซอร์เวย์ ที่รับผิดชอบคุณภาพข้าวทราบโดยตลอด 

อย่างไรก็ตาม คลังดังกล่าวถูก อคส.และ อ.ต.ก ฟ้องดำเนินคดีเรื่องข้าวไม่ได้คุณภาพ โดยกระบวนการระบายข้าวในคลังดังกล่าวได้ดำเนินการตามขั้นตอนตามมติคณะกรรมการ นบข. เสร็จสิ้นแล้ว เจ้าของคลังมีสิทธิโต้แย้งแสดงข้อเท็จจริงต่อสู้ตามกฎหมายและกระบวนการพิจารณาในชั้นศาลต่อไป แต่ไม่มีสิทธิมายับยั้งไม่ให้รัฐขายข้าวของรัฐ เพราะหากไม่ระบายออกไปก็จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ และกรณีให้ตรวจสอบคุณภาพใหม่นั้น ขณะนี้ได้เลยขั้นตอนดังกล่าวมานานแล้ว เพราะได้มีการตรวจสอบคุณภาพข้าวมาตั้งแต่ปี 2557 ผลการตรวจก็เป็นที่รับทราบต่อสาธารณชนและเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องดำเนินการใหม่

ในการระบายข้าวในสตอกของรัฐกลุ่มที่ 2 และกลุ่มที่ 3 เข้าสู่อุตสาหกรรม คณะกรรมการ นบข. ได้ให้ความสำคัญในการกำกับดูแลข้าวดังกล่าวเพื่อป้องกันการรั่วไหลเข้าสู่ระบบการค้าปกติมาตั้งแต่แรก โดยได้มอบหมาย อคส. และอ.ต.ก กำหนดมาตรการและดำเนินการบริหารจัดการ ควบคุมให้มีการนำข้าวไปใช้ในอุตสาหกรรมที่ผู้ซื้อระบุอย่างเคร่งครัด และได้แต่งตั้ง “คณะอนุกรรมการตรวจสอบการปฎิบัติตามสัญญาซื้อขายข้าวในสต็อก” เพื่อติดตามการปฏิบัติงานของทั้งสองหน่วยด้วย 5. การระบายข้าวในสตอกของรัฐที่มีปริมาณมากถึง 17.76 ล้านตัน และคุณภาพส่วนใหญ่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน คณะกรรมการ นบข. จึงต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ  โดยคำนึงถึงผลกระทบในหลายมิติ เพราะเป็นปริมาณข้าวส่วนเกินที่กดทับตลาด และการเสื่อมสภาพของข้าว การระบายจะต้องพิจารณาช่องทางและเวลาที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้กระทบต่อจิตวิทยาตลาด และราคาข้าวที่เกษตรกรจะได้รับจากการขายข้าวเปลือกฤดูกาลผลิตใหม่ที่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องทุกปี รวมทั้งผลกระทบต่อตลาดข้าวสุขอนามัยของมนุษย์และสัตว์ ชื่อเสียงและคุณภาพข้าวไทย เพื่อให้สภาพการค้าข้าวไทยกลับมาสู่ภาวะปกติเป็นไปตามกลไกตลาดโดยเร็ว ดังนั้น เรื่องราคาข้าวที่ได้รับไม่ใช่เรื่องหลักในการตัดสินใจระบาย แต่ประเด็นสำคัญคือจะต้องคำนึงถึงผลกระทบที่ไม่สามารถคำนวณเป็นตัวเงินดังกล่าวได้ เนื่องจากราคารับจำนำที่สูงกว่าราคาตลาดมาก และมีภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการรับจำนำสูงมาก การขาดทุนจึงเกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการรับจำนำแล้ว

ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่าเหตุใดในช่วงเวลานี้จึงมีการหยิบยกประเด็นเรื่องการระบายข้าว ประเด็นเรื่องคลัง และผลการตรวจสอบคุณภาพข้าวมาวิพากษ์วิจารณาอย่างบิดเบือนข้อเท็จจริงให้สังคมเกิดความสับสน เพราะที่ผ่านมากรมการค้าต่างประเทศได้ชี้แจงให้ผู้ประกอบการและชี้แจงผ่านสื่อมวลชนให้สาธารณชนทราบอย่างโปร่งใสมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 3 ปี-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

เร่งล่าคนร้ายฆ่าหญิงสาวยัดกระเป๋าเดินทางถ่วงน้ำ

ชลบุรี 3 ก.ย. – คดีสังหารโหดหญิงปริศนายัดกระเป๋าเดินทาง โยนทิ้งอ่างเก็บน้ำ จ.ชลบุรี ตำรวจเร่งหาเบาะแสล่าตัวคนร้าย พบลายนิ้วมือแฝงบนดัมเบลที่ใช้ถ่วงน้ำหนักกระเป๋า ตำรวจ สภ.ห้วยใหญ่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน นำกระเป๋าเดินทางสีดำขนาดใหญ่ ซึ่งมีโซ่เหล็ก และกุญแจล็อกแน่นหนา ขึ้นมาตรวจสอบ หลังจากพบลอยอยู่ในอ่างเก็บน้ำคลองบางไผ่ ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ จากการตรวจสอบภายในกระเป๋า พบศพหญิงสาว อายุประมาณ 30 ปี ไม่ทราบสัญชาติ เปลือยท่อนบน นุ่งกางเกงขา 3 ส่วน สีครีม นอนขดตัวอยู่ในกระเป๋า พบร่องรอยเขียวช้ำบริเวณลำคอ กลางหน้าอก และดั้งจมูก คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 5 วัน โดยเจ้าหน้าที่ได้ส่งศพไปชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง รวมถึงตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลว่า ผู้ตายเป็นใคร มาจากไหน ส่วนบริเวณช่องใส่ของด้านหน้ากระเป๋า พบแผ่นดัมเบล 9 แผ่น (ขนาดน้ำหนัก 5 กก. จำนวน 1 แผ่น / 2.5 […]

แห่แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” ปมยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภา

3 ก.ย. – แห่แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” ปมยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภา ชี้ผิดมาตรา 112 และมาตรา 157 สะพัด! ตีกลับ พ.ร.ฎ.ยุบสภา เหตุไม่เป็นไปตามระเบียบ-กฤษฎีกาแย้งไร้อำนาจ ด้าน “อนุทิน” บอกยังเป็นแค่ข่าว รอรัฐบาลแจงดีกว่า นายไทกร พลสุวรรณ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และนายสุรทิน พิจารณ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เอาผิดนายภูมิธรรม เวชยชัย ในความผิดมาตรา 112 พร้อมเผยว่า การพยายามยื่นทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.ยุบสภา ถือเป็นการกระทำที่มิบังควร เนื่องจากไม่มีอำนาจหน้าที่หรือสิทธิที่สามารถทำได้ นายไทกร ระบุว่า ได้รับข้อมูลว่านายภูมิธรรม นำเรื่องพระราชกฤษฎีกายุบสภาไปส่งยังสำนักพระราชวังแล้ว หนังสือฉบับนั้นได้ถูกส่งกลับมาที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แต่พรรคเพื่อไทยและนายภูมิธรรมยังไม่ยอมที่จะเคารพต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่รู้ว่าตนเองไม่มีสิทธิในการที่จะใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญเพื่อที่จะยุบสภา กลับมีความพยายามที่จะเรียกประชุมคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะใหญ่ โดยมีการทาบทามให้ ดร.วิษณุ เครืองาม และคณะ มาทำหน้าที่ เพื่อที่จะตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาขึ้นอีกฉบับใหม่ในวันพรุ่งนี้ เพื่อที่จะนำส่งสำนักพระราชวังอีกครั้ง ถือว่าการกระทำที่ไม่บังควร “ศุภชัย” […]

วิป 2 ฝ่ายโยน “วันนอร์” เคาะวันโหวตนายกฯ

รัฐสภาพ 3 ก.ย.- ไร้ข้อสรุป วิป 2 ฝ่ายโยน “วันนอร์” เคาะวันโหวตเลือกนายกฯ เหตุ “ภูมิธรรม” ยื่นยุบสภา ต้องไม่ก้าวล่วงพระราชอำนาจ ปัดยื้อเวลา อ้างเดินตามกระบวนการข้อกฎหมาย ยันไทยต้องมี “นายกฯ” แบบสง่างาม-ไร้ครหา นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมวิป 2 ฝ่ายว่า หากมีมติวันนี้ก่อนเวลา 16.30 น. จะสามารถเสนอให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร บรรจุระเบียบวาระโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ภายในวันที่ 5 กันยายนนี้ แต่เนื่องจากฝ่ายรัฐบาลเดิม ชี้แจงว่า ขณะนี้นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฎิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ได้ยื่นเสนอพระราชกฤษฎีกาทูลเกล้าฯ เพื่อยุบสภา และอยู่ในกระบวนการ แต่เพื่อไม่ให้เป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจ ตนจึงขอที่ประชุมว่า อำนาจในการบรรจุระเบียบวาระเป็นของประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยในวันนี้นายวันมูหะมัดนอร์ จะลงจากการทำหน้าที่บนบัลลังก์ในเวลา 16.30 น. โดยตนได้หารือกับประธานสภาฯ ให้ลงจากการทำหน้าที่บนบัลลังก์ก่อน เพื่อที่จะได้เดินทางมาหารือกับวิป 2 […]

“ภท.” เปิดประวัติ-ผลงาน “อนุทิน” แคนดิเดตนายกฯ คนที่ 32

กทม. 3 ก.ย.- “พรรคภูมิใจไทย” โพสต์ประวัติ-ผลงาน “อนุทิน ชาญวีรกูล” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แถลงจัดตั้งรัฐบาลเสร็จเรียบร้อย ที่รัฐสภา โดยมีพรรคประชาชนประกาศสนับสนุน พร้อมรายชื่อ สส. 146 คน ร่วมสนับสนุนให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ล่าสุด เพจพรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์ภาพและประวัตินายอนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ทันที โดยระบุว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 การศึกษา2527 : โรงเรียนอัสสัมชัญ กรุงเทพฯ2528 : Worcester Academy, Massachusetts U.S.A.2532 : B.S. in Industrial Engineering, Hofstra […]