ก.พาณิชย์แจงข้อเท็จจริงโกดังข้าว 8 แห่ง

นนทบุรี 30 ก.ค.-กรมการค้าต่างประเทศแจงข้อเท็จจริง กรณีที่โกดังข้าว 8 แห่ง เรียกร้องรัฐบาลระงับการระบายข้าว


นางดวงพร  รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ขอชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่โกดังข้าว 8 แห่ง เรียกร้องรัฐบาลระงับการระบายข้าวในโครงการรับจำนำข้าวปี 2556/2557 นั้น โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ คือ ตั้งแต่ที่รัฐบาลคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ได้แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) และคณะอนุกรรมการต่างๆ รวมทั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐ เพื่อทำหน้าที่ตรวจนับปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือจากการรับจำนำของรัฐบาลชุดที่แล้ว โดยการลงพื้นที่ของคณะทำงาน 100 ชุด ซึ่งมีผู้ตรวจราชการจากทุกกระทรวงเป็นหัวหน้าชุด และใช้บุคลากรจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและทหารจากกองทัพทั้ง 4 ภาค ภายใต้หลักเกณฑ์ในการปฏิบัติตามการอบรมและคู่มือการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐที่จัดทำขึ้นตามหลักสากลในการตรวจสอบสินค้าเกษตรซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วไป โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ผลการตรวจสอบออกมาเช่นใด จะถือว่าเป็นคุณภาพของสินค้านั้นทั้งกอง และจะยึดถือผลนี้เป็นเกณฑ์ โดยมีผู้แทนเจ้าของคลังและบริษัทผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าวหรือผู้แทนร่วมรับทราบและลงนามรับรองในเอกสารกำกับตัวอย่างข้าวและรายงานผลการปฏิบัติงานโดยตลอดและไม่มีข้อโต้แย้งในขณะปฏิบัติงานแต่อย่างใด และคณะกรรมการ นบข. ได้เห็นชอบให้ใช้ผลการตรวจสอบตามรายงานของคณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐเป็นข้อมูลเพื่อใช้ในการระบายข้าว รวมทั้งแจ้งความดำเนินคดีกรณีข้าวมีคุณภาพไม่เป็นไปตามมาตรฐานกำหนด

ด้านการระบายข้าวในสตอกของรัฐตลอดระยะเวลากว่า 3 ปี ในช่วงเดือนสิงหาคม 2557 ถึงเดือนกรกฎาคม 2560 กรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะเลขานุการคณะอนุกรรมการดำเนินการระบายข้าว ได้ดำเนินการตามยุทธศาสตร์ แนวทาง วิธีการ หลักเกณฑ์ ที่คณะกรรมการ นบข. ให้ความเห็นชอบมาโดยตลอดใช้หลักปฏิบัติเดียวกันกับทุกราย ด้วยความโปร่งใส ชัดเจน โดยนำข้าวที่ผ่านการตรวจนับปริมาณและมีการวิเคราะห์และจัดระดับคุณภาพแล้วมาระบายตามจังหวะเวลา และช่องทางที่เหมาะสม โดยการระบายข้าวในช่วงที่ผ่านมา ภาครัฐได้พยายามนำข้าวออกมาประมูลเป็นการทั่วไปให้มากที่สุดเพื่อประโยชน์สูงสุดของรัฐ แต่การระบายก็ยังทำได้ไม่เร็วเท่าที่ควร เพราะตลาดข้าวทั่วไปมีขีดจำกัดในการรองรับปริมาณข้าวจากการที่ภาครัฐได้ระบายข้าวไปแล้วจำนวนมากก่อนหน้านี้ และข้าวฤดูกาลผลิตใหม่ได้ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องเป็นความกดดันให้ต้องพิจารณาช่องทางการระบายที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหาสต็อกข้าวกดทับตลาดซึ่งมีผลต่อจิตวิทยาตลาด และรักษาเสถียรภาพราคาข้าวฤดูกาลผลิตใหม่ที่เกษตรกรจะได้รับ รวมทั้งลดภาระค่าใช้จ่าย ประกอบกับข้าวในสต็อกของรัฐส่วนใหญ่เป็นข้าวที่คุณภาพไม่เป็นไปตามมาตรฐานและข้าวดีบางส่วนปะปนกันไม่สามารถแยกกองขายได้ นอกจากนี้ข้าวในแต่ละคลังมีรายละเอียดของชนิดและคุณภาพข้าวที่แตกต่างกัน จากข้อจำกัดและปัญหาดังกล่าวข้างต้น คณะกรรมการ นบข. จึงต้องทบทวนแนวทางหลักเกณฑ์การระบายมาเป็นระยะตามสถานการณ์ โดยในช่วงต้นปี 2560 ได้มีมติทบทวนและปรับแนวทางการระบาย เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ สภาพข้าวและสภาพคลัง 


ทั้งนี้ มีการจัดกลุ่มข้าวเพื่อการระบายออกเป็น 3 กลุ่ม ตามเกณฑ์คุณภาพของข้าว เพื่อแยกช่องทางการตลาดให้ชัดเจน โดยขายแบบยกคลัง ดังนี้ กลุ่มที่ 1 เป็นข้าวทั่วไปเพื่อการบริโภค กลุ่มที่ 2 เป็นข้าวระบายเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่เพื่อการบริโภคของคน และกลุ่มที่ 3 เป็นข้าวระบายเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่เพื่อการบริโภคของคนและสัตว์ 3. คลังข้าวทั้ง 8 แห่ง เมื่อจัดกลุ่มตามแนวทางที่มติคณะกรรมการนบข. กำหนดไว้เป็น คือ มี 5 คลังที่จัดเป็นข้าวกลุ่มที่ 2 ที่ต้องระบายเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่เพื่อการบริโภคของคน เนื่องจากมีสัดส่วนข้าวผิดมาตรฐานมาก (C) ปนอยู่เกินร้อยละ 20 ดังนี้

(1) คลังวรโชติ หลัง 2 จังหวัดอ่างทอง ที่ผ่านมาได้นำข้าวในคลังดังกล่าวออกมาประมูลแล้วแต่ไม่สามารถจำหน่ายได้ และเมื่อ นบข. มีมติทบทวนและปรับแนวทางการระบาย คลังวรโชติฯ ซึ่งมีข้าวปทุมธานีจำนวน 5 กอง ปีการผลิต 2556/57 และมีผลการจัดระดับคุณภาพข้าว แบ่งเป็น ข้าวผิดมาตรฐานแต่ปรับปรุงได้ 4 กอง และเป็นข้าวที่ผิดมาตรฐานมาก (C) ซึ่งไม่คุ้มหรือไม่อาจปรับปรุงเพื่อการบริโภคของคน 1 กอง โดยมีสัดส่วนข้าวผิดมาตรฐานมาก (C) ปนอยู่ร้อยละ 24 (2) คลังถาวรโชคชัย หลัง 1 จังหวัดสระบุรี มีข้าวขาว 5% ปีการผลิต 2556/57 จำนวน 4 กอง มีข้าวผิดมาตรฐานแต่ปรับปรุงได้ 2 กอง และเป็นข้าวที่ผิดมาตรฐานมาก (C) ซึ่งไม่คุ้มหรือไม่อาจปรับปรุงเพื่อการบริโภคของคน 2 กอง โดยมีสัดส่วนข้าวผิดมาตรฐานมาก (C) ปนอยู่ร้อยละ50

(3) คลัง บจก.โรงสีไฟแสงไพฑูรย์ (2000) หลัง 2 จังหวัด นนทบุรี มีข้าวขาว 5 % จำนวน 8 กอง มีข้าวผ่านมาตรฐาน 1 กอง ข้าวผิดมาตรฐานแต่ปรับปรุงได้ 6 กอง ซึ่งที่ผ่านมาได้นำข้าวออกมาประมูลแล้ว ส่วนที่เหลือเป็นข้าวที่ผิดมาตรฐานมาก (C) ซึ่งไม่คุ้มหรือไม่อาจปรับปรุงเพื่อการบริโภคของคน 1 กอง โดยมีสัดส่วนข้าวผิดมาตรฐานมาก (C) ปนอยู่ร้อยละ 22


(4) คลังกิจเจริญทรัพย์ ลพบุรี หลัง 1/1 มีข้าวจำนวน 6 กอง เป็นข้าวขาว 25 % ปีการผลิต 2556/57 จำนวน 4 กอง เป็นข้าวที่ถูกต้องมาตรฐาน ที่ผ่านมาได้นำข้าวออกมาประมูลแล้ว โดยในคลังยังคงเหลือข้าวเหนียวขาว 10% ปีการผลิต 2555/56 จำนวน 2 กอง ซึ่งทั้ง 2 กองเป็นข้าวที่ผิดมาตรฐานมาก (C) ไม่คุ้มหรือไม่อาจปรับปรุงเพื่อการบริโภคของคน โดยมีสัดส่วนข้าวผิดมาตรฐานมาก (C) ปนอยู่ร้อยละ 36

(5) คลังกิจเจริญทรัพย์ ลพบุรี หลัง 2 มีข้าวปทุมธานี 5 % ปีการผลิต 2556 /57 จำนวน 5 กอง มีข้าวผิดมาตรฐานแต่ปรับปรุงได้ 4 กอง และเป็นข้าวที่ผิดมาตรฐานมาก (C) ซึ่งไม่คุ้มหรือไม่อาจปรับปรุงเพื่อการบริโภคของคน 1 กอง โดยมีสัดส่วนข้าวผิดมาตรฐานมาก (C) ปนอยู่ร้อยละ 24

 นอกจากนี้ มี 3 คลังจัดเป็นข้าวกลุ่มที่ 3 ที่ต้องระบายเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่เพื่อการบริโภคของคนและสัตว์ กำหนดสัดส่วนข้าวผิดมาตรฐานมาก (C) ปนอยู่เกินร้อยละ 80 และเป็นข้าวที่มีอายุการเก็บรักษาเกินกว่า 5 ปี (1) คลังกิจเจริญทรัพย์ ลพบุรี หลัง 1 มีข้าวจำนวน 5 กอง ปีการผลิต 2554/55 แบ่งเป็น ปลายข้าวหอมมะลิจำนวน 3 กอง เป็นข้าวที่ผิดมาตรฐานแต่ปรับปรุงได้ ที่ผ่านมาได้นำข้าวออกมาประมูลแล้ว ส่วนข้าวที่เหลือมีปลายข้าวหอมมะลิ จำนวน 1 กอง และข้าวท่อนหอมมะลิ จำนวน 1 กอง และเป็นข้าวที่ผิดมาตรฐานมาก (C) ทั้ง 2 กอง ซึ่งไม่คุ้มหรือไม่อาจปรับปรุงเพื่อการบริโภคของคน และเป็นข้าวที่มีอายุการเก็บรักษาเกินกว่า 5 ปี (2) คลังกิจเจริญทรัพย์ ลพบุรี หลัง 3 มีข้าวเหนียวขาว 10 % ปีการผลิต 2554 / 55 จำนวน 5 กอง แบ่งเป็น ข้าวที่ผ่านมาตรฐานจำนวน 1 กอง ที่ผ่านมาได้นำข้าวออกมาประมูลแล้ว ส่วนที่เหลือเป็นข้าวผิดมาตรฐานแต่ปรับปรุงได้ 2 กอง และเป็นข้าวที่ผิดมาตรฐานมาก (C) ซึ่งไม่คุ้มหรือไม่อาจปรับปรุงเพื่อการบริโภคของคน 2 กอง และเป็นข้าวที่มีอายุการเก็บรักษาเกินกว่า 5 ปี (3) คลังโรงสีไฟเจริญประภา หลัง 2 จังหวัดลพบุรี มีข้าวปทุมธานี จำนวน 1 กอง มีเป็นข้าวที่ผิดมาตรฐานมาก (C) ซึ่งไม่คุ้มหรือไม่อาจปรับปรุงเพื่อการบริโภคของคน โดยมีสัดส่วนข้าวผิดมาตรฐานมาก (C) ทั้งหมด (ร้อยละ100) ที่ผ่านมากรมการค้าต่างประเทศได้มีหนังสือตอบชี้แจงข้อร้องเรียนเรื่องดังกล่าวให้เจ้าของคลัง โรงสี เซอร์เวย์ ที่รับผิดชอบคุณภาพข้าวทราบโดยตลอด 

อย่างไรก็ตาม คลังดังกล่าวถูก อคส.และ อ.ต.ก ฟ้องดำเนินคดีเรื่องข้าวไม่ได้คุณภาพ โดยกระบวนการระบายข้าวในคลังดังกล่าวได้ดำเนินการตามขั้นตอนตามมติคณะกรรมการ นบข. เสร็จสิ้นแล้ว เจ้าของคลังมีสิทธิโต้แย้งแสดงข้อเท็จจริงต่อสู้ตามกฎหมายและกระบวนการพิจารณาในชั้นศาลต่อไป แต่ไม่มีสิทธิมายับยั้งไม่ให้รัฐขายข้าวของรัฐ เพราะหากไม่ระบายออกไปก็จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ และกรณีให้ตรวจสอบคุณภาพใหม่นั้น ขณะนี้ได้เลยขั้นตอนดังกล่าวมานานแล้ว เพราะได้มีการตรวจสอบคุณภาพข้าวมาตั้งแต่ปี 2557 ผลการตรวจก็เป็นที่รับทราบต่อสาธารณชนและเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องดำเนินการใหม่

ในการระบายข้าวในสตอกของรัฐกลุ่มที่ 2 และกลุ่มที่ 3 เข้าสู่อุตสาหกรรม คณะกรรมการ นบข. ได้ให้ความสำคัญในการกำกับดูแลข้าวดังกล่าวเพื่อป้องกันการรั่วไหลเข้าสู่ระบบการค้าปกติมาตั้งแต่แรก โดยได้มอบหมาย อคส. และอ.ต.ก กำหนดมาตรการและดำเนินการบริหารจัดการ ควบคุมให้มีการนำข้าวไปใช้ในอุตสาหกรรมที่ผู้ซื้อระบุอย่างเคร่งครัด และได้แต่งตั้ง “คณะอนุกรรมการตรวจสอบการปฎิบัติตามสัญญาซื้อขายข้าวในสต็อก” เพื่อติดตามการปฏิบัติงานของทั้งสองหน่วยด้วย 5. การระบายข้าวในสตอกของรัฐที่มีปริมาณมากถึง 17.76 ล้านตัน และคุณภาพส่วนใหญ่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน คณะกรรมการ นบข. จึงต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ  โดยคำนึงถึงผลกระทบในหลายมิติ เพราะเป็นปริมาณข้าวส่วนเกินที่กดทับตลาด และการเสื่อมสภาพของข้าว การระบายจะต้องพิจารณาช่องทางและเวลาที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้กระทบต่อจิตวิทยาตลาด และราคาข้าวที่เกษตรกรจะได้รับจากการขายข้าวเปลือกฤดูกาลผลิตใหม่ที่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องทุกปี รวมทั้งผลกระทบต่อตลาดข้าวสุขอนามัยของมนุษย์และสัตว์ ชื่อเสียงและคุณภาพข้าวไทย เพื่อให้สภาพการค้าข้าวไทยกลับมาสู่ภาวะปกติเป็นไปตามกลไกตลาดโดยเร็ว ดังนั้น เรื่องราคาข้าวที่ได้รับไม่ใช่เรื่องหลักในการตัดสินใจระบาย แต่ประเด็นสำคัญคือจะต้องคำนึงถึงผลกระทบที่ไม่สามารถคำนวณเป็นตัวเงินดังกล่าวได้ เนื่องจากราคารับจำนำที่สูงกว่าราคาตลาดมาก และมีภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการรับจำนำสูงมาก การขาดทุนจึงเกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการรับจำนำแล้ว

ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่าเหตุใดในช่วงเวลานี้จึงมีการหยิบยกประเด็นเรื่องการระบายข้าว ประเด็นเรื่องคลัง และผลการตรวจสอบคุณภาพข้าวมาวิพากษ์วิจารณาอย่างบิดเบือนข้อเท็จจริงให้สังคมเกิดความสับสน เพราะที่ผ่านมากรมการค้าต่างประเทศได้ชี้แจงให้ผู้ประกอบการและชี้แจงผ่านสื่อมวลชนให้สาธารณชนทราบอย่างโปร่งใสมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 3 ปี-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณ จ.จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง […]

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]