กรุงเทพฯ 19 ธ.ค.-ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลิตภัณฑ์การออม ธุรกิจรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดมุมมองเชิงกลยุทธ์ ธุรกิจบริหารความมั่งคั่งและการลงทุน ปี 2567
นายติยะชัย ชอง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลิตภัณฑ์การออม ธุรกิจรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ซีไอเอ็มบี ไทย มุ่งมั่นที่จะเป็นประตูสำหรับพาลูกค้า wealth เข้าถึงผลิตภัณฑ์การจัดการความมั่งคั่งที่ดีที่สุดทั่วโลก ในแบบที่เหมาะกับความต้องการรายบุคคลและความเสี่ยงของลูกค้า โดยตั้งเป้าหมายจะมอบโซลูชั่นที่ดีที่สุดให้ลูกค้าทุกคนไม่ว่าสภาวะตลาดจะเป็นอย่างไร ในฐานะพันธมิตรทางการเงินที่แท้จริงตลอดเส้นทางชีวิตของคุณลูกค้า
ฝ่ายวิจัยของธนาคารมองว่ามีโอกาสราวร้อยละ 65 ที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวในลักษณะ Soft Landing ในปี 2567 จากการชะลอตัวอย่างรวดเร็วของอัตราเงินเฟ้อ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งการชะลอตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 และระดับอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในกรอบเป้าหมายมีโอกาสที่จะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed เริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 ดังนั้นในปี 2567 จะเป็นปีที่ดีสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากธนาคารกลางในประเทศต่างๆ เชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อน่าจะอยู่ในระดับที่ต่ำ และเริ่มมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย มูลค่าของตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศต่างมีความน่าสนใจเช่นกัน โดยเฉพาะหุ้นกู้คุณภาพดี รวมไปถึงการลงทุนในตราสารหนี้ประเภทอื่น เช่น Private Credit ที่มีคุณภาพสูง และตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือ Mortgage-backed securities เป็นต้น
ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจมีการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้สอดคล้องกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ คาดว่าจะถูกปรับลดลงไปที่ระดับร้อยละ 3.50 – 3.75 ในปี 2568 จากระดับปัจจุบันที่ร้อยละ 5.25 – 5.50 ซึ่งเราเชื่อว่าลูกค้ามีโอกาสที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นกู้คุณภาพดี และพันธบัตรรัฐบาลของไทยในช่วงวัฎจักรอัตราดอกเบี้ยขาลงได้เช่นเดียวกัน หนึ่งในเสาหลักและเป็นข้อได้เปรียบของ Wealth Management ของธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทย คือการให้บริการซื้อ-ขายพันธบัตรและหุ้นกู้ในตลาดรองที่ลูกค้าสามารถที่จะขายคืนตราสารหนี้ที่ลงทุน เพื่อที่จะรับรู้กำไรจากการลงทุนในตราสารหนี้จากการปรับตัวลดลงของอัตราดอกเบี้ย รวมไปถึงเป็นช่องทางการซื้อตราสารหนี้คุณภาพดีเข้ามาในพอร์ทการลงทุน ซึ่งทางธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทย มีทีม Wealth Research and Advisory ที่คอยให้คำแนะนำการลงทุน รวมไปถึงวิเคราะห์และปรับพอร์ทการลงทุนให้สอดคล้องและตอบรับกับสภาวะตลาดและการลงุทนเพื่อสร้างผลตอบแทนตามความต้องการและความสามารถในการรับความเสี่ยงของลูกค้า
ในฝั่งตราสารทุนก็เป็นโอกาสของนักลงทุน
เนื่องจากในแต่ละตลาด หรืออุตสาหกรรมได้มีการรับรู้มุมมองเชิงลบต่อตลาดมากกว่าที่เราคาด ธนาคารจึงแนะนำให้นักลงทุนโดยทั่วไปให้ความสำคัญกับการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีความแข็งแกร่งในเชิงธุรกิจและปัจจัยพื้นฐาน ทั้งในส่วนของคุณภาพของกำไร และความสามารถของทีมบริหาร โดยเรามองว่าการลงทุนเป็นการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาวไม่ใช่เป็นเพียงการเก็งกำไรในระยะสั้น ซึ่งการพลาดจังหวะซื้อในช่วงสั้นๆ ไม่สามารถที่จะส่งผลกระทบเชิงลบอย่างมีนัยยะสำคัญต่อผลตอบแทนจากการลงทุนทุนในระยะยาวได้
ทั้งนี้ ซีไอเอ็มบีไทย มีทางเลือกลงทุนระยะยาวให้ลูกค้ามากมายทั้งกองทุนรวม หุ้นกู้ทั้งในและต่างประเทศ รวมไปถึง หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง หรือ structured product อาทิ Equity Linked Notes ที่สามารถออกแบบเพื่อที่จะสร้างสมดุลระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยงให้ตอบโจทย์ต่อความต้องการชองลูกค้าได้ ตลอดจนการลงทุนผ่านผลิตภัณฑ์กลุ่มประกัน ทั้ง Unit-Linked และ Universal Life ซึ่งช่วยเป็นตัวเลือกให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งการลงทุนสอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินของตนได้
นอกจากนี้ สำหรับลูกค้าที่รับความเสี่ยงได้สูงขึ้น ซีไอเอ็มบี ไทยมี Wealth Credit Line ซึ่งเป็นวงเงินพิเศษ เพื่อมอบสภาพคล่องให้กับลูกค้าที่มีการลงทุนกับเราอยู่แล้ว และต้องการลงทุนเพิ่มโดยไม่จำเป็นต้องขายสินทรัพย์ในพอร์ทการลงทุน
บริการดังกล่าวเป็นเครื่องมือที่จะช่วยเพิ่มผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ลูกค้า ในขณะที่สร้างความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการการลงทุนเพื่อให้ตอบโจทย์ผลตอบแทนต่อความเสี่ยงที่ลูกค้าต้องการ ในขณะเดียวกัน เงินฝากยังคงเป็นรากฐานหลักในการบริหารความมั่งคั่งของลูกค้าทุกคน ธนาคารมุ่งมั่นที่จะมอบอัตราดอกเบี้ยที่แข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้มากที่สุด ทั้งในส่วนของบัญชีออมทรัพย์ บัญชีเงินฝากดิจิทัล เงินฝากประจำ และเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศ (FCD) รวมถึงบัญชีเงินฝากสำหรับ CIMB Preferred ที่ให้ดอกเบี้ยสูงสุดถึง 2.2% รวมถึงอัตราพิเศษเป็นโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่
“จุดแข็งของ CIMB Thai ในฐานะธนาคารระดับภูมิภาค ช่วยให้เราสามารถเชื่อมโยงลูกค้ากับข้อเสนอแนะที่ดีที่สุดในระดับภูมิภาค เช่น ผลิตภัณฑ์ offshore insurance ที่มาพร้อมกับการจัดหาเงินทุนระดับพรีเมียมสำหรับลูกค้า CIMB Preferred รวมไปถึง รางวัล และสิทธิพิเศษระดับภูมิภาค สำหรับ การศึกษา การแพทย์ และครอบครัวของลูกค้า นอกจากนี้ ทีมวิเคราะห์และวิจัยของ Chief Investment Officer (CIO) ระดับภูมิภาคของ CIMB Thai จะช่วยให้คำปรึกษาที่ดีที่สุดและปรับให้เหมาะลูกค้า CIMB Preferred เพราะความไว้วางใจและประสบการณ์ที่ดีที่สุดของลูกค้าเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดของเรา” นายติยะชัย กล่าว
น.ส.กมลพรพรรณ ภัทรฤทธิศักดิ์ ผู้อำนวยการ กลยุทธ์ลูกค้าบุคคลธนกิจ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า จากกลยุทธ์ดูแลลูกค้า Wealth อย่างเข้าใจ ใกล้ชิด และตอบโจทย์ลูกค้าที่มีความต้องการที่แตกต่าง ธนาคารมีแผนงานขยายฐานลูกค้า CIMB Preferred ให้เติบโตต่อเนื่องมากกว่า 12% ต่อปี จากปัจจุบันมีสมาชิก CIMB Preferred ประมาณ 100,000 ราย และมีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) 3.6 แสนล้านบาท และจากการศึกษาความต้องการของลูกค้า พบเป้าหมายที่แตกต่างกันของลูกค้า 3 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่ม Preferred 3-10 ล้านบาท กลุ่ม Preferred Elite 10-30 ล้านบาท และ Private Wealth 30 ล้านบาทขึ้นไป ด้วยผลิตภัณฑ์การลงทุนของ CIMB Thai มีจุดแข็งเรื่องความหลากหลายและครบทุกความต้องการ ธนาคารจึงสามารถคัดสรร และนำเสนอผลิตภัณฑ์และรูปแบบบริการได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม
นายสุวดิศ ดิสถาพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารช่องทางการขายธุรกิจรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า อีกจุดแข็งที่โดดเด่นของ CIMB Thai คือ เจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้า จากการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าทางด้าน Wealth ที่ผ่านมา CIMB Thai ได้รับคะแนนความพึงพอใจในอันดับต้นๆ มาโดยตลอด และปัจจัยสำคัญที่ลูกค้าให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่น คือความรู้ความสามารถและการดูแลเอาใจใส่จากเจ้าหน้าที่ผู้ดูแล โดยเรามีการพัฒนาศักยภาพของพนักงานอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องในทุกช่วงอายุการทำงาน เริ่มตั้งแต่มีกระบวนก