กรุงเทพฯ 25 พ.ย.- ธ.ก.ส. เตรียมพร้อมจ่ายเงินลดต้นทุนปลูกข้าว ปี 2566/67 วงเงิน 54,336 ล้านบาท ไร่ละ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 ไร่ เป้าหมาย 4.68 ล้านครัวเรือน เริ่มโอนเงิน ตั้งแต่ 28 พ.ย. 66
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า หลังจากคณะกรรมการ ธ.ก.ส เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ผ่านโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกร หรือการลดต้นทุน ผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 วงเงิน 54,336 ล้านบาท ให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปีการผลิต 2566/67 เป้าหมายเกษตรกร รับประโยชน์ จำนวน 4.68 ล้านครัวเรือน
ในวันจันทร์นี้ 27 พ.ย. 66 นายกรัฐมนตรี พร้อมกดปุ่ม kick Off โอนเงินส่งถึงมือเกษตรกร เป็นรายภูมิภาค แบ่งเป็น 5 รอบ เริ่มตั้งแต่ 28 พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป จึงแนะนำให้ เกษตรกร ตรวจสอบผลการโอนเงินได้ทางแอปพลิเคชัน BAAC Mobile ตลอด 24 ชั่วโมง และจะมีข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าบัญชีผ่านบริการ BAAC Connect ทาง Line: BAAC Family อีกด้วย
รัฐบาลได้มอบนโยบายในการจัดทำมาตรการคู่ขนาน เพื่อดูแลและรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกแบบครบวงจร อีก 2 มาตรการ ได้แก่ 1) สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2566/67 วงเงินรวม 34,000 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องในการใช้จ่ายให้เกษตรกรมีเงินทุนหมุนเวียนระหว่างชะลอการขายข้าว โดยไม่ต้องเร่งขายข้าวเปลือกในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมากและราคาตกต่ำ โดยรัฐบาลรับภาระในการชำระดอกเบี้ยแทนเกษตรกร และ ธ.ก.ส. ยังพร้อมสนับสนุนค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกให้เกษตรกรอีก 1,500 บาทต่อตัน กรณีเกษตรกรเก็บข้าวเอง ได้รับ 1,500 บาทต่อตัน กรณีเกษตรกรฝากข้าวกับสถาบันเกษตรกร เกษตรกรจะได้รับ 500 บาทต่อตัน และสถาบันฯ จะได้รับ 1,000 บาทต่อตัน
สำหรับเกษตรกรที่เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ลูกค้ารายย่อย สามารถแจ้งความประสงค์เข้าร่วมสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีได้ (เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด) และ 2) สินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2566/67 วงเงินรวม 10,000 ล้านบาท โดยสหกรณ์การเกษตร ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชนและศูนย์ข้าวชุมชนที่ประกอบธุรกิจรวบรวมข้าวจากเกษตรกรสมาชิก และเกษตรกรทั่วไป โดยสถาบันฯ ชำระดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 1 ต่อปี ส่วนที่เหลือรัฐบาลรับภาระชำระแทน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศหรือ Call Center 02 555 0555
นายฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอแสดงความยินดีกับเกษตรกรผู้ถูกรางวัลที่ 1 Grand Pize จำนวน 60 ล้านบาท ให้กับ จ.ส.อ. ณรงค์ สีโยธา ลูกค้า ธ.ก.ส. สาขาบ้านโคก จังหวัดอุตรดิตถ์ มีลูกๆ ทำงานที่อิสราเอล ส่งเงินมาให้ซื้อสลากฯ ผู้โชคดีจากการฝากสลาก ธ.ก.ส. ชุดถุงทอง งวดประจำวันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 นอกจากผู้โชคดีจะนำเงินรางวัลที่ได้รับแบ่งให้ลูก ๆ ยังพร้อมออมเงินกับ 5.ก.ส. ต่อไปอีก โดยนำเงินถูกรางวัล ซื้อสลาก ธ.ก.ส. ชุดถุงทองเพิ่มอีก จำนวน 20 ล้านบาท จึงอยากเชิญชวนให้ทุกคนออมเงินระยะยาว เพราะมีสิทธิ์รับโชคเหมือนกัน เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันทางการเงิน เพราะหากสิ้นสุดระยะเวลาการฝาก ยังได้รับดอกเบี้ย ไม่มีอะไรเสีย มีแต่ได้กับได้
“สลาก ธ.ก.ส. ชุดถุงทอง” หน่วยละ 2,000 บาท จำนวน 50 ล้านหน่วย แบ่งเป็น 5 หมวด ได้แก่ GA, GB, GC, GD และ GEหมวดละ 10 ล้านหน่วย วงเงินรวม 100,000 ล้านบาท อายุการรับฝาก 2 ปี เมื่อฝากครบกำหนด จะได้รับดอกเบี้ยหน่วยละ 35 บาท คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.875 ต่อปี โดยรางวัลที่ 1 มีมูลค่าสูงถึง 60 ล้านบาท และยังมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลอื่น ๆ ทุกเดือนรวม 24 ครั้ง จับรางวัลทุกวันที่ 16 ของเดือน ยกว้นเดือนมกราคม ออกรางวัลในวันที่ 17 มกราคม 1 Grand Prize จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 60 ล้านบาท ต่างหมวด รางวัลที่ 1 จำนวน 4 รางวัล รางวัลละ 100,000 บาท รางวัลที่ 2 หมุน 3 ครั้ง จำนวน 15 รางวัล รางวัลละ 100,000 บาท รางวัลที่ 3 หมุน 10 ครั้ง จำนวน 50 รางวัล รางวัลละ 50,000 บาท ดอกเบี้ยและเงินรางวัลในการฝากสลากออมทรัพย์ได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาและสามารถนำไปใช้เป็นหลักประกันเงินกู้ของ ธ.ก.ส. ได้อีกด้วย.-สำนักข่าวไทย