กปน.เดินหน้าอุโมงค์ส่งน้ำ 43.37 กม.มูลค่ากว่า 171,00 ล้านบาท

กรุงเทพฯ 8 พ.ย.-กปน.ทุ่มงบประมาณกว่า 17,100 ล้านบาท เดินหน้าก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำ โครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลักครั้งที่ 9 จำนวน 4 โครงการ รวมความยาวอุโมงค์ส่งน้ำ 43.37 กิโลเมตร เพื่อสร้างเสถียรภาพการส่งน้ำในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ขณะที่ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุ กปน. ขานรับนโยบายยืดเวลาชำระค่าน้ำประปาได้ไม่เกิน 3 เดือน จากเดิม 2 เดือนจะถูกถอดมิเตอร์ของกระทรวงมหาดไทยแล้ว เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน


นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยกล่าวภายหลังลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้างานก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำตามแนวถนนกาญจนาภิเษกและถนนทางรถไฟสายเก่า จากสถานีสูบจ่ายน้ำบางมดถึงสถานีสูบจ่ายน้ำสำโรงในโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลักครั้งที่ 9 โดยงานก่อสร้างเดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็วคาดว่าจะเสร็จตามแผนที่วางไว้เพราะน้ำคือชีวิต และน้ำประปาถือเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตของพี่น้องชาวกรุงเทพมหานครนนทบุรี และสมุทรปราการ 

ทั้งนี้ ยังได้กล่าวถึงนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย ได้สิทธิ์ยืดจ่าย-ค้างจ่าย น้ำประปาของการประปานครหลวงด้วยว่า ได้หารือกับผู้ว่าการประปานครหลวงให้ยืดเวลาชำระค่าน้ำประปาได้ไม่เกิน 3 เดือน จากเดิม 2 เดือนจะถูกถอดมิเตอร์ โดยเงื่อนไขนี้จะให้เฉพาะผู้ที่มีค่าน้ำประปาคงค้างไม่เกิน 150 บาทต่อเดือน รวมแล้วสามารถค้างค่าน้ำได้ 3 เดือนหรือ 450 บาทซึ่งทางการประปานครหลวง รับทราบนโยบายของกระทรวงมหาดไทยและพร้อมนำไปปฏิบัติโดยคาดว่าจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน


นายมานิต ปานเอม ผู้ว่าการการประปานครหลวง(กปน.)กล่าวว่า  กปน.ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำในโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลักครั้งที่ 9 จำนวน 4 โครงการ ความยาวอุโมงค์ส่งน้ำ รวมระยะทาง 43.37 กิโลเมตร ใช้งบประมาณกว่า 17,100 ล้านบาท เพื่อเชื่อมโยงการจ่ายน้ำประปาจากพื้นที่ฝั่งตะวันตกไปยังพื้นที่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ เพื่อช่วยเสริมเสถียรภาพระบบส่งน้ำและการให้บริการน้ำประปาให้มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันทุกโครงการอยู่ในขั้นตอนการขุดเจาะและก่อสร้างอุโมงค์จากบ่อก่อสร้างแต่ละแห่ง คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จทุกโครงการภายในปี 2568

สำหรับโครงการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำ ทั้ง 4 โครงการ ประกอบด้วย

    1.แนวอุโมงค์เส้นทางที่ 1 โครงการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำตามแนวคลองมหาสวัสดิ์ถึงถนนราชพฤกษ์ ระยะทาง 5.21 กิโลเมตร งบประมาณ 2,707.7 ล้านบาท มีความคืบหน้า 48% คาดว่าจะแล้วเสร็จ มิถุนายน 2568


    2.แนวอุโมงค์เส้นทางที่ 2 โครงการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำตามแนวถนนราชพฤกษ์ ตั้งแต่คลองมหาสวัสดิ์ถึงถนนเพชรเกษม ระยะทาง 9.2 กิโลเมตร งบประมาณ 4,039.6 ล้านบาท มีความคืบหน้า 27.6% คาดว่าจะแล้วเสร็จตุลาคม 2568

   3. แนวอุโมงค์เส้นทางที่ 3 โครงการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำตามแนวถนนกาญจนาภิเษก ตั้งแต่ถนนกัลปพฤกษ์ถึงสถานีสูบจ่ายน้ำบางมด ระยะทาง 15.6 กิโลเมตร งบประมาณ 5,350.4 ล้านบาท มีความคืบหน้า 33.23% คาดว่าจะแล้วเสร็จ ธันวาคม 2568

   4. แนวอุโมงค์เส้นทางที่ 4 โครงการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำตามแนวถนนกาญจนาภิเษกและถนนทางรถไฟเก่า ตั้งแต่สถานีสูบจ่ายน้ำบางมด ถึงสถานีสูบจ่ายน้ำสำโรง ระยะทาง 13.36 กิโลเมตร งบประมาณ 5,004.8 ล้านบาท มีความคืบหน้า 57.61 % คาดว่าจะแล้วเสร็จ ธันวาคม 2567

ทั้งนี้ โครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลักครั้งที่ 9 เป็นเมกะโปรเจ็กต์เพื่อสร้างโครงข่ายความมั่นคงในการให้บริการน้ำประปาสำหรับบริการประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร นนทบุรีและสมุทรปราการ มีมูลค่าการลงทุนกว่า42,750 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการขยายกำลังการผลิตน้ำที่โรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ 2.โครงการขยายระบบอุโมงค์ส่งน้ำเพื่อส่งน้ำประปาลอดแม่น้ำเจ้าพระยาเชื่อมฝั่งตะวันตกกับฝั่งตะวันออก 3.โครงการก่อสร้างสถานีสูบจ่ายน้ำแห่งใหม่และถังเก็บน้ำใสเพิ่มเติมตามสถานีสูบจ่ายน้ำต่างๆรวมถึงโครงการวางท่อประปาขนาดต่างๆเพื่อขยายระบบจ่ายน้ำ เมื่อโครงการต่างๆแล้วเสร็จจะช่วยเสริมเสถียรภาพของระบบส่งน้ำของ กปน.ให้มั่นคงยิ่งขึ้นรองรับการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นในอนาคต.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

ลุ้นผลประชุม JBC ไทย-กัมพูชา

14 มิ.ย.- ประชาชน 2 ประเทศลุ้นผลการประชุม JBC ด้านกัมพูชายันหากไทยไม่ไปศาลโลก จะยื่นเอกสารไปฝ่ายเดียว นายเปง สุเพีย ผู้สื่อข่าวกัมพูชา รายงานว่าก่อนการประชุม JBC ไทย-กัมพูชา ขณะนี้เป็นการประชุมกลุ่มเล็ก ผ่านไปกว่า 2 ชม. ยังไม่ออกมา ประชาชนสองประเทศลุ้นผลการประชุม ด้านกัมพูชายันหากไทยไม่ไปศาลโลก จะยื่นเอกสารไปฝ่ายเดียว .-สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! โจรชิงทองที่ลำพูน หนีกบดานพัทยา

พัทยา 14 มิ.ย.- หนีไม่รอด! รวบโจรบุกเดี่ยวชิงทอง จ.ลำพูน หนีกบดานพัทยา สารภาพติดการพนันออนไลน์ จากกรณีเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 เกิดเหตุคนร้ายรูปร่างสูงประมาณ 160-165 ซม. ทราบชื่อต่อมาคือ นายประกร อายุ 47 ปี ขี่รถจักรยานยนต์สีดำ บุกเดี่ยวเข้าไปชิงทองคำรูปพรรณ จากห้างทองฯ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ได้สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 5 บาท ไปจำนวน 2 เส้น มูลค่ากว่า 500,000 บาท แล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุดตำรวจ สภ.จว.ชลบุรี ได้เบาะแสว่า นายประกร ที่มีหมายจับศาลจังหวัดลำพูน ในข้อหากระทำความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” หลังก่อเหตุได้หนีมากบดานในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จึงนำกำลังออกติดตาม กระทั่งพบตัวนายประกร อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านพัทยากลาง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุม เจ้าตัวให้การยอมรับ เป็นผู้ก่อเหตุวิ่งราวทองจากห้างทองในพื้นที่จังหวัดลำพูนจริง หลังก่อเหตุได้หนีมายังพื้นที่เมืองพัทยาและนำทองไปขายในห้างทองแห่งหนึ่ง ตอนแรก คิดว่าจะเดินทางเข้ามาตัว แต่ก็สายไปเนื่องจากมาโดนเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุลงไปนั้นเนื่องจากตนเองติดการพนันออนไลน์ จนเงินหมด […]