Smart Recycling Hub เปลี่ยนขยะเป็นทรัพยากรเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจยั่งยืน

กรุงเทพฯ 7​ ก.ย. – รัฐและองค์กรเอกชนผนึกกำลังพัฒนาระบบดึงวัสดุเหลือใช้กลับสร้างมูลค่าสตาร์ทโครงการ Smart Recycling Hub นำร่องกรุงเทพฯ ขยายผลสู่ EEC นำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนมาประยุกต์ใช้เพื่อแก้ปัญหามลพิษจากวัสดุเหลือใช้ และเปลี่ยนขยะเป็นทรัพยากรเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน


Alliance to End Plastic Waste (AEPW) ร่วมกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC), โครงการความร่วมมือภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม เพื่อจัดการพลาสติกและขยะอย่างยั่งยืน (PPP Plastics) และภาคีเครือข่ายภาคเอกชน-ภาครัฐ ประกาศความร่วมมือภายใต้โครงการ “Smart Recycling Hub: Building Plastic Circularity Ecosystem” โดยมีเป้าหมายเพื่อจัดการพลาสติกใช้แล้วและวัสดุรีไซเคิลตั้งแต่ต้นทาง ป้องกันการเกิดขยะและการหลุดรอดสู่สิ่งแวดล้อม และเปลี่ยนเป็นวัตถุดิบคุณภาพสูงเพื่อหมุนเวียนในกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมต่างๆ

โครงการ Smart Recycling Hub พัฒนาขึ้นเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน ภายใต้วาระแห่งชาติ BCG Economy Model โดยจะจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อจัดการและแปรรูปวัสดุรีไซเคิลครบวงจร (Material Recovery Facility : MRF) แห่งแรกของประเทศไทย และมีเป้าหมายเพื่อนำขยะพลาสติกกลับเข้าสู่ระบบไม่ต่ำกว่า 50,000 ตันต่อปี โดยในระยะแรกจะศึกษาความเป็นไปได้และออกแบบโครงสร้างพื้นฐานของศูนย์ต้นแบบในกรุงเทพมหานครและพื้นที่ EEC 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา และจะนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการวางแผนเพื่อดำเนินการสร้างศูนย์นวัตกรรมเศรษฐกิจหมุนเวียนฯ ต้นแบบในพื้นที่นำร่องต่อไป


ศูนย์นวัตกรรมเศรษฐกิจหมุนเวียนฯ จะจัดการพลาสติกและวัสดุรีไซเคิลตั้งแต่ต้นทางและและแปรรูปอย่างครบวงจรเพื่อเปลี่ยนเป็นวัตถุดิบคุณภาพสูง ที่สามารถนำไปหมุนเวียนใช้ในอุตสาหกรรมรีไซเคิลได้อย่างไม่รู้จบ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศษวัสดุ และสร้างรายได้

การร่วมมือในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการรวมตัวของพันธมิตรกว่า 20 องค์กร นำโดย Alliance to End Plastic Waste (AEPW) ), Public Private Partnership for Sustainable Plastic and Waste Management (PPP Plastics), สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.), สถาบันพลาสติก, กรุงเทพมหานคร และสมาชิกของ AEPW ในประเทศไทย ได้แก่ Dow, SCGC และ INSEE Ecocycle และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการพัฒนาและดำเนินโครงการ

นายเจค็อบ ดูเออร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AEPW กล่าวว่า​ AEPW เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไร ที่มีพันธกิจเพื่อป้องกันขยะพลาสติกปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม มีความยินดีที่ได้เห็นความมุ่งมั่นและความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมในการเดินหน้าให้เกิดการพัฒนาระบบการหมุนเวียนของพลาสติก เราพร้อมให้การสนับสนุนโครงการนี้เพื่อร่วมยกระดับการจัดการขยะพลาสติกในทุกมิติ พร้อมๆ กับการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยโครงการนี้จะถือเป็นโมเดลระบบนิเวศ นวัตกรรมเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อจัดการและแปรรูปวัสดุรีไซเคิลครบวงจร แห่งแรกในภูมิภาคนี้


ทั้งนี้​รู้สึก​ประทับใจมากที่ได้เห็นการพัฒนาโครงการที่สำคัญนี้จนเป็นรูปเป็นร่างจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่าความร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งนี้จะทำให้พวกเราประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนซึ่งจะช่วยนำชุมชนและประชาคมโลกก้าวไปสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง

นายพรพรหม ณ.ส. วิกิตเศรฐ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ด้านสิ่งแวดล้อม) กล่าวว่า “กทม. มีเป้าหมายผลักดันให้กรุงเทพฯเป็น “กรุงเทพเมืองสะอาด” ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของ กทม. ที่ได้มีการรณรงค์ “ไม่เทรวม” เพื่อเชิญชวนประชาชน และทุกภาคส่วน ให้มีส่วนร่วมคัดแยกขยะอินทรีย์ออกจากขยะทั่วไป วัสดุรีไซเคิล และขยะแห้ง ดังนั้น ความร่วมมือของทุกฝ่ายในครั้งนี้ จึงเป็นจุดสำคัญในการส่งเสริมนโยบายและต่อยอดโครงการของ กทม. เพื่อสร้างคุณค่าของวัสดุเหลือใช้และมีส่วนสำคัญในการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างถูกต้อง เป็นระบบ ทำให้สามารถลดปัญหาขยะและงบประมาณในการจัดการได้อีกทางหนึ่งด้วย”

ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศ (วว.)กล่าวว่า การบูรณาการความร่วมมือขององค์กรที่มีศักยภาพเข้ามาเป็นพันธมิตร เพื่อการจัดตั้งศูนย์ฯ ในครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งและนำงานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรม ของคนไทย ไปขยายผลให้เกิดการใช้งานจริง สู่การสร้างต้นแบบศูนย์นวัตกรรมเศรษฐกิจหมุนเวียน แบบครบวงจร ทำให้เกิดประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน สอดรับบริบทกับนโยบาย BCG Economy และทิศทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประชาคมโลก

นายวีระ ขวัญเลิศจิต ผู้อำนวยการสถาบันพลาสติกแห่งประเทศไทย และฝ่ายเลขานุการ PPP Plastics กล่าวว่า “ข้อมูลที่ได้จากการศึกษาเบื้องต้นจากโครงการนี้จะนำไปใช้ในการพัฒนาและจัดตั้งระบบและต้นแบบในพื้นที่นำร่องเพื่อสร้างศูนย์คัดแยกและแปรรูปวัสดุใช้แล้ว Material Recovery Facility (MRF) โดยจะนำผลสำเร็จจากการตั้งศูนย์นำร่องนี้ไปขยายผลยังพื้นที่เป้าหมายอื่น ๆ ทั้งในกรุงเทพและ EEC ซึ่งศูนย์ฯ ดังกล่าว จะมีกลไกการทำงาน ในการคัดแยกวัสดุเหลือใช้ วัสดุรีไซเคิลและแปรรูปเบื้องต้น เพื่อเตรียมเป็นวัสดุรีไซเคิลที่สะอาด และมีคุณภาพสูง เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป.-สำนัก​ข่าว​ไท​ย​

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีตครูจำใจสร้างห้องขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา

สลด! อดีตครูวัย 64 ปี จำใจจ้างช่างทำห้องคล้ายกรงขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา-พนันออนไลน์ หลังส่งตัวบำบัดกว่า 10 ครั้ง แต่ออกมาก็เหมือนเดิม

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2 โชคดีบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ส่งรักษาตัวที่ รพ.เจ้าพระยา

อาม่าแจ้งความ “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธีสูญ 60 ล้าน

อาม่าวัย 77 ปี โร่แจ้งความเอาผิด “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธี-แนะซื้อวัตถุมงคลแล้วไม่ได้รับของ สูญเงินกว่า 60 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

จนท.รุดช่วยอดีตครูจำใจสร้างห้องขังลูกติดยา

หลายหน่วยงานลงพื้นที่ช่วยอดีตครูจำใจสร้างห้องลูกกรง เตรียมขังลูกชายตกเป็นทาสยาเสพติด-พนันออนไลน์ บำบัดนับสิบครั้งไม่หาย พร้อมทำความเข้าใจผิดกฎหมายหน่วงเหนี่ยวกักขัง ขณะที่ รมว.ยุติธรรม เตรียมพิจารณาออกมาตรการบำบัดซ้ำโดยคำสั่งศาล

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” ปรากฏตัวแล้ว บอกไม่สบายใจมี ตร.เฝ้าหน้าบ้าน

ปรากฏตัวแล้ว “ทนายตั้ม” พบตำรวจเหตุมีเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าที่บ้าน พร้อมแจงปมเงิน 39 ล้านบาท ค่าศิลปินจีน ที่แท้เป็นมิจฉาชีพหลอก “เจ๊อ้อย” ปฏิเสธพบคู่กรณี บอกยังไม่พร้อมคุย

เกาะกูด

“ภูมิธรรม” ย้ำจะรักษาผลประโยชน์ทางทะเลของไทยไว้เท่าชีวิต

“ภูมิธรรม” มอง MOU44 คือกลไกที่ดีที่สุด ก่อนย้อนกลุ่มการเมือง พปชร.ไปถามหัวหน้าพรรคตัวเอง เพราะเป็นคนนำเจรจาในปี 57 ยันไม่เคยยกเลิกในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ย้ำรัฐบาลจะรักษาดินแดน-ผลประโยชน์ทางทะเลของไทยไว้เท่าชีวิต