กรุงเทพฯ 28
มิ.ย.-องค์กรแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (CAC) มอบประกาศนียบัตรให้ภาคเอกชนไทยไร้ทุจริตในองค์กร จำนวน 64 ราย มีบมจ.อสมท
รวมอยู่ด้วย
นายพนัส สิมะเสถียร ประธานกรรมการโครงการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต
(CAC) เป็นประธานมอบประกาศนียบัตรแก่ผู้ผ่านกระบวนการรับรองและเป็นสมาชิกแนวร่วมปฎิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริตอย่างสมบูรณ์
ของไตรมาสที่ 4 ปี 2559 และไตรมาสที่ 1 ปี 2560 โดยมีเอกชนได้รับประกาศนียบัตรในครั้งนี้จำนวน
64 ราย ตามโครงการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (CAC)
ซึ่งเอกชนเข้าร่วมโครงการเหล่านี้ ทำให้ปัญหาการทุจริตในระบบน้อยลง ซึ่งนายพนัส
เชื่อว่า หากทุกฝ่ายไม่ยอมที่จะจ่ายสินบนในรูปแบบต่าง ๆ จะทำในระบบความโปร่งใสของประเทศไทยจะกลับมาดีขึ้นได้แน่นอน
ทั้งนี้ โครงการ CAC จะมุ่งเน้น 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.
เปลี่ยนทัศนคติผู้นำภาคธุรกิจปฏิเสธการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการุทจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบโดยชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการต่อต้านการทุจริตและร่วมมือกันเพื่อให้เกิดการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นในวงกว้าง
2. ผลักดันให้ภาครัฐปรับปรุงกระบวนการทำงานอย่างโปร่งใส
ยอมรับการมีส่วนร่วมและตรวจสอบได้จากภาค เอกชนและประชาสังคม
เพื่อปกป้องประโยชน์สาธารณะจากการทุจริตคอร์รัปชั่น และ 3.
ส่งเสริมและขยายเครือข่ายการประกอบธุรกิจที่สะอาดปราศจากการผูกขาดหรือซื้อความได้เปรียบจากเงินสินบนโดยเน้นไปที่การใช้ระบบกลไกตลาดและการแข่งขันด้วยราคาและคุณภาพของสินค้าและบริการ
ในการมอบประกาศนียบัตรครั้งนี้ นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล
รองประธานกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด(มหาชน)
ได้ขึ้นรับประกาศนียบัตรด้วย โดยทาง บมจ อสมท
ได้แสดงเจตนารมณ์เข้าร่วมโครงการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต
(CAC) มาตั้งแต่วันที่
9 พฤศจิกายน 2553 และได้นำส่งแบบประเมินตนเองเกี่ยวกับมาตรการต่อต้านคอร์รัปชั่น
เพื่อเสนอขอรับประกาศนียบัตรรับรองฐานะสมาชิกแนวร่วมปฏิบัติในการต่อต้านการทุจริตของภาคเอกชนไทยต่อสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
(IOD) และคณะกรรมการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต
ในการประชุมเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2560 ได้มีมติรับรองบมจ.อสมท
เป็นสมาชิกแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริตมาแล้ว ดังนั้น
การได้รับใบประกาศนียบัตรในครั้งนี้จะทำให้องค์กรมีความน่าเชื่อถือต่อสายตาประชาชนมากขึ้น
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล ประธานกำกับดูแลกิจการที่ดี บมจ.ไออาร์พีซี กล่าวว่า การที่ บมจ ไออาร์พีซี
ได้รับใบรับรองประกาศนียบัตรในครั้งนี้จะทำให้องค์กรไปจนถึงคณะผู้บริหารและพนักงานเป็นที่ยอมรับในสายตาของสาธารณชนมากขึ้น
ดังนั้น
การเป็นสมาชิกแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริตถือว่าจะทำให้การประกอบธุรกิจที่สะอาด
โปร่งใส ปราศจากการผูกขาด หรือซื้อความได้เปรียบจากเงินสินบนหมดไป
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า บมจ.ไออาร์พีซี
เล็งเห็นความสำคัญในการประสานผลักดันภาคเอกชนไทย โดยเป็นบริษัทจดทะเบียนกลุ่มแรก
อันดับที่ 40
ที่ประกาศเจตนารมณ์เข้าเป็นแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยตั้งแต่เริ่มจัดตั้งแนวร่วมฯ
ปี 2553
และดำเนินธุรกิจโดยมีนโยบายมาตรการแนวปฏิบัติด้านต้านทุจริตครบถ้วนตามเกณฑ์ได้รับการรับรองการเป็นสมาชิก
(แนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต Thailand’s Private Sector
Collective Action Coalition Against Corruption หรือ CAC) เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2557
ซึ่งเป็นการรับรองว่าบริษัทมีนโยบายและแนวปฏิบัติป้องกันการทุจริตภายในองค์กรครบถ้วน
และตามเกณฑ์ที่ CAC กำหนดให้มีการต่ออายุสมาชิกทุก 3 ปี
ครบกำหนดวันที่ 4 เมษายน 2560
ขณะเดียวกัน ปีนี้ บริษัทได้รับการพิจารณารับรองการต่ออายุเป็นสมาชิก
(Re-Certification) ของแนวร่วมปฏิบัติด้านต้านทุจริตของภาคเอกชน
เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2560 ครบกำหนดวันที่ 9 เมษายน 2563 ระบบการบริหารภายในบริษัท
และมีความมุ่งมั่นในการรณรงค์ต่อต้านคอร์รัปชันในทุกรูปแบบ
โดยใช้แนวทางการดำเนินงานของ CAC (Thailand’s Private Sector Collective
Action Coalition Against Corruption)
ทั้งนี้ โครงการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต
เป็นระบบมีความเป็นธรรม สามารถวัดผลเป็นรูปธรรม
และครอบคลุมเรื่องการบริหารความเสี่ยงไว้ โดยบริษัท
ประเมินความเสี่ยงด้านทุจริตขององค์กรเป็นประจำทุกกลุ่มงานที่ลักษณะงานอาจมีความเสี่ยงด้านการทุจริต
เช่น งานจัดซื้อจัดจ้าง งานโครงการ งาน CSR จัดให้มีระบบการจัดซื้อ
ระบบการตลาด ที่มีมาตรฐานสากล -สำนักข่าวไทย
