กรุงเทพฯ 8 ส.ค.-ตลาดหลักทรัพย์ mai ต้อนรับ บมจ. ไอ ทู เอ็นเตอร์ไพรซ์ เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขาย วันนี้ ภายใต้กลุ่มเทคโนโลยี โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “I2” เปิดเทรดวันแรก 3.12 บ. เหนือจอง15.56%
I2 เปิดเทรดวันแรกที่ 3.12 บาท เพิ่มขึ้น 0.42 บาท หรือ 15.56% จากราคา IPO 2.70 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาIPO 1,134 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจ System Integration (SI) แบบครบวงจร ได้แก่ ให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดหา ติดตั้ง และจำหน่ายผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร โทรคมนาคม และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในงานบริการโครงการขนาดใหญ่แก่ลูกค้า ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างการเติบโต และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ
นายอธิพร ลิ่มเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ ทู เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (มหาชน) เชื่อว่าหุ้น I2 จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและจากความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านรวมถึงประสบการณ์การทำงานของทีมผู้บริหารที่ทำงานด้านเทคโนโลยีมาอย่างยาวนาน จะช่วยเป็นแรงขับเคลื่อนให้ธุรกิจมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะบริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) (MFEC) ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ที่ดีต่อกันมายาวนาน และภายหลังการเสนอขายหุ้นไอพีโอครั้งนี้กลุ่ม MFEC จะยังคงรักษาสัดส่วนการถือหุ้นที่ 15% เท่าเดิม จากการให้บริษัท ซินเนอร์ยี่กรุ๊ป เวนเจอร์ส จำกัด (SGV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ MFEC ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 มีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาทเข้าซื้อหุ้นบนกระดานซื้อขายรายใหญ่ (Big lot) ในราคาไอพีโอในวันแรกของการเข้าซื้อขาย กลุ่ม MFEC ได้แสดงเจตนารมณ์ว่าการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมในครั้งนี้เป็นการลงทุนในระยะยาว ไม่มีแผนขายหุ้นออกเพื่อทำกำไรในเร็วๆ นี้และวางแผนที่จะซินเนอร์ยี่ร่วมกันต่อไปในอนาคต
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร I2 กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา กิจการค้าร่วมไอทูวาร์ ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้า ระหว่าง บมจ.ไอ ทู เอ็นเตอร์ไพรซ์ กับ บริษัท วี เอ อาร์ เอส จำกัด ได้เข้าร่วมในพิธีลงนามสัญญาโครงการซื้อขายพร้อมติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System : BESS) บนพื้นที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี กับ บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือแห่งแรกของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ ซึ่ง BESS หรือ เทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่จะช่วยลดความผันผวนในระบบไฟฟ้าที่มาจากพลังงานหมุนเวียนทั้งพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ที่ผลิตไฟฟ้าได้เป็นบางช่วงเวลา แบตเตอรี่นี้จะทำหน้าที่กักเก็บสะสมพลังงานส่วนเกินจากระบบส่ง เพื่อนำไฟฟ้ามาจ่ายในช่วงเวลาที่ต้องการได้ โดยมีมูลค่าโครงการรวม 1,541.28 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) .–สำนักข่าวไทย