ธปท.เผยเศรษฐกิจครึ่งปีหลังยังโตได้ดี ชี้เงินเฟ้อลดชั่วคราว

กรุงเทพฯ 19 ก.ค.-ผู้ว่าฯ ธปท.เผยเศรษฐกิจครึ่งปีหลังยังโตได้ดี ชี้เงินเฟ้อลดชั่วคราว แต่เศรษฐกิจโลกยังชะลอตัวส่งผลต่อส่งออกไทย โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่ออกมาไม่ค่อยดี ทำให้ส่งออกของไทยปีนี้แทบจะไม่เติบโต


ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงแนวโน้มสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและการเงิน ของไทยว่า เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่องและครึ่งปีหลังน่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก ช่วงแรกเรามองว่า เศรษฐกิจจะโตที่ 2.9 แต่ช่วงหลังมองว่าเศรษฐกิจจะโตได้ถึง 4.2 จากปัจจัยการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวได้ดี สอดคล้องกับรยได้ และหัวใจหลักคือการท่องเที่ยว ปีนี้น่าจะเห็นตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 29 ล้านคน อย่างไรก็ตามช่วงครึ่งปีแรกตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติดีเกินคาด ทว่าครึ่งปีหลังกลับพบว่านักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาน้อยกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ แต่ทั้งนี้ก็ยังมีนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ มาทดแทนจึงทำให้ยังสามารถคาดการณ์ตัวเลขไว้ที่ 29 ล้านคน 

ส่วนกรณีที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทย โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีน ที่ออกมาไม่ค่อยดี ทำให้คาดว่าการส่งออกของไทย ทั้งปีคือแทบจะไม่เติบโต


ส่วนข่าวที่ออกมาจากต่างประเทศ เช่นเรื่องเศรษฐกิจโลก อีกทั้งช่วงนี้มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับจีนออกมาทั้งภาคอสังหาฯการบริโภคการ ส่งออกซึ่งส่งผลกระทบกับประเทศไทยโดยเฉพาะภาคการส่งออก แต่ในทางกลับกันข่าวจากฝั่งอเมริกากลับเป็นข่าวดีทั้งจากเรื่องการ  recession ที่ต่ำเท่าที่คาดการณ์ไว้

ในส่วนของเงินเฟ้อ ช่วงนี้เงินเฟ้อไทยต่ำกว่าที่คาด โดยเราคาดการณ์ไว้ว่าเงินเฟ้อจะต่ำลงจากปัจจัยค่าไฟฟ้าที่มีมาตรการออกมาชั่วคราว แต่ปรากฏว่าในช่วง2 เดือนที่ผ่านมา เงินเฟ้อกลับลดลงมากกว่าที่คาด ส่วนหนึ่งจากปัจจัยราคาอาหาร แต่อย่างไรก็ตามตัวเลขเงินเฟ้อจะต่ำในลักษณะนี้เพียงชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากฐานปีที่แล้วสูง ดังนั้นโอกาสที่จะเห็นเงินเฟ้อต่ำยาวๆ ไม่มีเพราะเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปัจจัยด้านการท่องเที่ยว การบริการ รวมถึงการใช้กำลังการผลิตมากขึ้น ซึ่งมีโอกาสส่งผ่านต้นทุนของภาคธุรกิจก็จะเพิ่มขึ้น จากการฟื้นตัวของเศรษบกิจประกอบกับการมีรัฐบาลใหม่ ซึ่งจะเพิ่มรายจ่ายจึงเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้เงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าช่วงนี้เงินเฟ้อจะลงแต่ยังต้องหาจุดสมดุลของดอกเบี้ย ในสภาวะที่เหมาะสม เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตได้ตามศักยภาพที่ควรเป็น จากที่ผ่านมาดอกเบี้ยนโยบายเราต่ำผิดปกติ ดังนั้นจึงยังต้องมีการทยอยขึ้นดอกเบี้ยให้เหมาะสม เพื่อกลับเข้าไปสู่ normalize  จากปัจจัความเสี่ยงจากเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ หลังเศรษฐกิจกลับมาการท่องเที่ยวฟื้นตัวดีกว่าคาด


“ซึ่งไม่ได้พิจารณาแค่ปัจจัยเรื่องเงินเฟ้อเท่านั้น แต่ต้องดูปัจจัยระยะยาวให้กลับสู่สภาวะปกติ หาจุดที่เหมาะสม สร้างความสมดุลของดอกเบี้ยให้เหมาะกับเศรษฐกิจ และขยายตัวได้ตามศักยภาพ เงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมาย 1-3% และไม่ได้สร้างปัญหาเสถียรภาพการเงิน ไม่ใช่การขึ้นดอกเบี้ยเพื่อจัดการเงินเฟ้อ ตอนนี้ความจำเป็นที่จะต้องหยุดการทำนโยบายการเงินกลับสู่ภาวะปกตินั้น ยังไม่เห็น เราไม่อยากให้ตลาดเข้าใจว่าเงินเฟ้อลงแล้ว เหมาะที่จะหยุดขึ้นดอกเบี้ย แต่เงินเฟ้อที่ลง เป็นเรื่องชั่วคราว และมีโอกาสกลับขึ้นมา เราอยากเห็นเงินเฟ้อเข้าสู่กรอบอย่างยั่งยืน ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายแท้จริงติดลบ ถ้านาน ก็มีผลต่อพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนของนักลงทุน มีความเสี่ยงในการลงทุน พฤติกรรมการออม การกู้ เป็นปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงให้ดอกเบี้ยกลับมาสมดุล” ผู้ว่าฯ ธปท.กล่าว

ส่วนเรื่องมาตรการแก้ไขหนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่การระบาดโควิด-19 ซึ่ง นังมีหนี้4 ส่วน ที่น่าเป็นห่วงคือ 1.หนี้เสียปัจจุบัน  2.หนี้เรื้อรัง 3.หนี้ใหม่ที่เพิ่มขึ้นเร็ว และ 4.หนี้นอกระบบ ดังนั้น ธปท.จึงจะมีการออกมาตรการเพิ่มเติมภายใต้การแก้หนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน โดยจะเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ให้กู้และผู้กู้ ซึ่งจะทำผ่านมาตรการปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ (Responsible Lending) ที่จะมีผลภายในวันที่ 1 มกราคม 2567 รวมถึงมาตรการแก้หนี้เรื้อรังภายใน 1 เมษายน 2566 อย่างไรก็ดี ธปท.จะมีการออก Directional Paper ภายในไตรมาสที่3/2566 นี้

ทั้งนี้ มาตรการแก้ไขหนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยจะดูแลหนี้ครบวงจร ตั้งแต่ก่อนเป็นหนี้ ระหว่างเป็นหนี้ หนี้เริ่มมีปัญหา และการถูกตัดหนี้ออก  ซึ่งก่อนเป็นหนี้ จะเป็นเรื่องของการโฆษณาต่างๆ ให้ผู้ให้กู้ชี้แจ้งรายละเอียดว่าอัตราดอกเบี้ยเท่าไร และผ่อนกี่งวด เพื่อให้ผู้กู้รับรู้และไม่ให้คนเป็นกับดักหนี้

ส่วนความคืบหน้า virtual bank ขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เตรียมร่างฯ ที่จะส่งให้กระทรวงการคลังแล้วโดยคาดว่าจะสามารถส่งออกจากธนาคารแห่งประเทศไทยได้สิ้นเดือนนี้ จากนั้นจะมีการเปิดรับสมัครในช่วงปลายปี ซึ่งต้นปี 2567 ก็จะได้ชื่อผู้สมัครขอจัดตั้ง virture bank และหากทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ก็จะสามารถเปิดให้บริการ virtual bank ได้ในปี 2568  พร้อมแจงสาเหตุที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจำกัดให้ยื่นขอจัดตั้งจำนวน 3 รายและต้องมีทุนจดทะเบียนอย่างน้อย 5,000 ล้านบาทนั้น เพื่อให้มั่นใจว่า virtual bank ที่เปิดให้บริการจะต้องมีทุนใหญ่พอสมควี ซึ่งจะต้องมีความเข้มแข็งไร้ความเสี่ยง เนื่องจากปีแรกของการเปิดให้บริการมีโอกาสขาดทุนสูงเพราะต้องลงทุนจำนวนมากเช่น แบงก์กาเกา ของประเทศเกาหลีต้องใช้เวลาถึงสามปีจึงได้กำไรกลับคืนมา ส่วนการจำกัดจำนวนให้มีเพียงสามรายเนื่องจากหากมีแบงค์เยอะก็มี โอกาสเกิดปัญหามากขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]

“ภูมิธรรม” อุบตอบรายละเอียดถก GBC บอกทิศทางดี

ทำเนียบรัฐบาล 6 ส.ค.- “ภูมิธรรม” อุบตอบรายละเอียดถก GBC ไทย-กัมพูชา ขอพูดทีเดียวหลังเจรจา บอกทิศทางดี ด้าน “บิ๊กเล็ก” หวังพรุ่งนี้มีข่าวดี มั่นใจ 90% ยอมรับกังวลบ้าง แต่มีผู้สังเกตการณ์ประเทศอื่น เขมรคงไม่กล้า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และคณะรัฐมนตรีชุดเล็ก ว่า ที่ประชุมวันนี้ได้รับฟังข้อมูลจากคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ฝ่ายเลขานุการ รายงานผลการหารือ ในช่วงวันที่ 4-6 สิงหาคม จากการพูดคุยมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี โดยจะแถลงรายละเอียดเมื่อมีการหารือเสร็จสิ้นในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค.68) ซึ่งการเจรจาในวันพรุ่งนี้ได้ให้แนวทาง พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อเข้าร่วมการประชุม เพื่อให้ได้ข้อยุติอย่างดีที่สุด พร้อมยืนยันว่าในการหารือครั้งนี้จะไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชา ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ยังไม่สามารถตอบได้ ด้านพลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังการประขุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ว่า มีความมั่นใจ […]