ปตท.มั่นใจ มาตรฐานสูง-ต้นทุนต่ำ แข่งได้ “อีวี”ครบวงจร

กรุงเทพฯ 11 ก.ค.-ปตท.มั่นใจ มาตรฐานสูง-ต้นทุนต่ำ แข่งได้ “อีวี”ครบวงจร ดึงดูดลูกค้าใช้บริการทั้งโรงงานประกอบรถยนต์ โรงงานแบตเตอรี่ที่มีทั้งระบบ “ MODULE  และ Cell-To-Pack”  รองรับฐานผลิตอีวีครบวงจรในไทย พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานเตรียมเสนอรัฐบาลใหม่สนับสนุนแพคเกจใหม่สนับสนุนอีวี เพื่อสร้างระบบนิเวศน์แข่งขันได้ โดยเฉพาะกับ ค่ายจีนที่ได้ประโยชน์จาก FTA 


นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ธุรกิจใหม่ของ ปตท. ในขณะนี้เดินหน้าตามแผน มุ่งหา New Growth ด้วยเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนกำไรของธุรกิจพลังงานแห่งอนาคตและธุรกิจอื่นให้มากกว่า 30% ในปี 2573  โดยในระหว่างทางจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และจะมีสัดส่วน 15 % ในปี 2569 โดย จึงมีกลยุทธ์ที่สำคัญ 2 เรื่อง หลักคือ  Future Energy การมุ่งสู่ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน,ยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร,ไฮโดรเจน ,สมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ และ Beyond  การรุกธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน  เช่น ธุรกิจวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต(Life Science) การสร้างอุตสาหกรรมมูลค่าเพิ่มสูงของปิโตรเคมี  ธุรกิจMOBILITY ของ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์  เป็นต้นโดยหลักการสำคัญในการขยายธุรกิจคือ การมองหาพันธมิตรที่แข็งแกร่ง มีความเชี่ยวชาญจริงในธุรกิจนั้น ๆ   พัฒนาธุรกิจใหม่ให้ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ และ มองหาช่องทางขยายธุรกิจและสร้างความแข็งแกร่งด้านบริหารจัดการโดยอาศัยทรัพยากรและฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง กว้างขวางของ ปตท.

“เราเริ่มธุรกิจใหม่มา 2-3 ปีแล้ว ในขณะนี้มีความคืบหน้าต่อเนื่องร่วมมือกันพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ โดยกำหนดเป้าหมายการทำธุรกิจที่ชัดเจนว่าจะต้องมีผลตอบแทนภายใน 3-5 ปี และปรับกลยุทธ์ที่เหมาะสมตลอด  ซึ่งนอกจากตอบโจทย์ทางธุรกิจที่ยั่งยืนแล้ว ยังร่วมแก้ปัญหาโลกร้อน ก้าวเข้าสู่แผนงาน NET ZERO “ นายเชิดชัยกล่าว 


สำหรับโครงการอีวีครบวงจรนั้น  บริษัท อรุณ พลัส จำกัด มีการร่วมทุน ทั้งการผลิตรถยนต์,แบตตเตอรี่,สถานีชาร์จ,ระบบรถเช่าอีวี และการเปลี่ยนแบตฯ  ซึ่งการร่วมทุนกับฟ็อกคอนซ์  จัดตั้งบริษัท ฮอริษอน พลัส จำกัด ร่วมทุนผลิตยานยนต์ไฟฟ้าออกแบบภายใต้แนวคิด BOL (Build-Operate-Localize) นำเทคโนโลยีระดับโลกมาดำเนินการออกแบบก่อสร้างและทั้งการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของของลูกค้า  ในขณะนี้มีค่ายรถยนต์ทั้งจีน,ญี่ปุ่น,ยุโรป มาเจรจาเพื่อให้ผลิต แม้ว่าค่ายยักษ์ใหญ่ของจีนหลายรายจะมีการเริ่มลงทุนในไทยด้วยโรงงานอื่นๆ แล้วก็ตาม  โครงการนี้เม็ดเงินลงทุนรวม   3.6 หมื่นล้านบาท เฟส แรกลงทุน 2.4 หมื่นล้านบาท ผลิต 5 หมื่นคัน/ปี จะเสร็จตามแผนในปี2567 และเฟส 2 จะลงทุนอีก 1.2 หมื่นล้านบาท ขยายเป็น 1.5 แสนคัน/ปีในปี 2569-2570 

ส่วนระบบแบตเตอรี่ ปตท.มีทั้ง 2 ระบบรองรับอีวีทุกประเภท ทั้งระบบแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน แบบโมดูลแบตเตอรี่ และระบบ Cell-To-Pack (CTP)     นับเป็นทางเลือกตอบสนองความต้องการของลูกค้า  และเป็นการร่วมมือกับยักษ์ใหญ่ TOP TEN ระดับโลกจากจีน ได้แก่ ความร่วมมือกับบริษัทในเครือ  Gotion High-tech  จัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อบริษัท เอ็นวี โกชั่น จำกัด (NV Gotion) ทุนจดทะเบียนไม่เกิน 600 ล้านบาท  ดำเนินธุรกิจนำเข้า ประกอบ และจัดจำหน่ายโมดูลแบตเตอรี่    ลิเทียมไอออนคุณภาพสูงสร้างโรงงานเสร็จ ภายปลายปี 2566 และเริ่มจำหน่ายต้นปี 2567 ด้วยกำลังการผลิตเริ่มต้น 1 กิกะวัตต์-ชั่วโมงต่อปี และขยายกำลังการผลิตเป็น 2 กิกะวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ภายในปี 2568 โดย NV Gotion จะเริ่มก่อสร้างโรงงานประกอบชุดแบตเตอรี่ขนาด 2 กิกะวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) คาดว่าจะสามารถผลิตและส่งมอบแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนคุณภาพสูงแก่ตลาดได้ภายในไตรมาส 4 ของปี 2566 นับเป็นการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี และผลักดันเป้าหมาย Net Zero ของประเทศจากทุกภาคส่วนร่วมกัน ส่วนโรงงานประกอบแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ Cell-To-Pack (CTP)ตกลงร่วมมือลงทุนกับ กับบริษัท Contemporary Amperex Technology Co., Limited (CATL) กรอบการลงทุนกว่า 3,600 ล้านบาท โดยโรงงานดังกล่าวจะพร้อมเดินสายการผลิตภายในปี 2567 ด้วยกำลังการผลิต 6 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี

ส่วนการให้เช่ารถอีวี โดยบริษัท อีวี มี พลัส จำกัด (EVme Plus) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการเช่ารถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรรายแรกของประเทศไทย ได้รับความนิยมใช้บริการสูงมาก ณ เดือนมีนาคม 66 มีรถบริการ 700 คัน ตั้งเป้าหมายเป็น 2,000 คันในปลายปี 66 โดยจะมุ่งเน้นการเพิ่มการเช่าระยะยาว3-5ปีให้เพิ่มขึ้น เป็นสัดส่วนร้อย70 จากปัจจุบันมีสัดส่วนร้อยละ 60 โดยที่เหลือเป็นเช่าระยะสั้นและยังจัดทำแผนงาน ROSE วางแผนซื้อขายรถอีวีแผ่นแพลตฟอร์มEVme  หารายได้เพิ่มจากแพล็ตฟอร์มออนไลน์ ส่งเสริมให้ประชาชนคุ้นเคยรถอีวี ผ่านแพลตฟอร์มนี้ ด้วยการเป็นสมาชิก 


ในขณะที่ สถานีอัดประจุยานยนต์ ในกลุ่ม ปตท.ก็จะมีการลงทุนติดตั้งทั้งในสถานีน้ำมัน ผ่านโออาร์ แบรนด์อีวีสเตชั่นพลัส และนอกสถานีน้ำมันโดย ออน-ไอออน (on-ion) ซึ่งมีทั้งบริการติดตั้งสถานีชาร์จที่บ้าน และร่วมกับพันธมิตร ติดตั้งในพื้นที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า พื้นที่ธุรกิจ และอื่นๆ โดย บริการติดตั้งที่บ้านแล้วกว่า 1,000 หลัง ส่วนพื้นที่ธุรกิจเปิดบริการแล้ว 59 สถานีทั่วประเทศ 430 หัวชาร์จ จุดแข็งของ ออน-ไอออน คือ พัฒนาโดย สถาบันนวัตกรรม ปตท.ขึ้นทะเบียนสินค้านวัตกรรม ระบบบริการหลังการขายไม่ว่าจะติดตั้งที่ใดติดต่อง่ายสะดวกและพร้อมบริการแก้ปัญหา

“ปตท.เดินหน้าอีโคศิสเต็มของอีวี ในอนาคตก็จะศึกษาร่วมทุนในระบบเซลล์แบตเตอรี่ และ SMART ELECTRONIC  รองรับความต้องการชิ้นส่วนอิเล็กทอรนิกส์ทั้งอีวี,โทรศัพท์มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม ทุกด้านต้องหารือร่วมกับภาครัฐว่า จะมีการสนับสนุนให้เดินหน้า เพื่อสร้างความเข้มแข็งแก่อุตสาหกรรมในประเทศอย่างไรด้วย โดยรูปแบบเช่นนี้ ก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง ซึ่งในส่วนของรถอีวี  ฮอริษอน พลัส นั้นคาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นคน”นายเชิดชัยกล่าว

นายเอกชัย ยิ้มสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (Arun Plus)กล่าวว่า มั่นใจ ผู้มาจ้าง โรงงานประกอบรถยนต์และแบตเตอรี่ จะเป็นไปตามเป้าหมาย เพราะในปีหน้าจะต้องเริ่มผลิตรถในไทยเพราะต้องทำตามข้อกำหนดของรัฐบาล คือใช้แบตฯและประกอบรถยนต์ในไทย หลังหมดโปรแกรมอุดหนุนทางการเงินจากภาครัฐ  31 ธ.ค.2566  ที่รถยนต์อีวีจะได้รับเงินอุดหนุนสูงสุด 1.5 แสนบาทต่อคันส่วนรถจักรยานยนต์อีวี ได้รับ 1.8 หมื่นบาทต่อคัน โดยในส่วนของความเชี่ยวชาญและต้นทุนของกลุ่ม ปตท.นั้นจะสามารถแข่งขันได้ด้วยต้นทุนต่ำ เพราะผู้ร่วมทุนแต่ละราย ล้วนมีความเชี่ยวชาญระดับโลกทั้งสิ้น สร้างความมั่นใจแก่ค่ายรถอีวีที่จะมาลงทุนในไทย

“แพคเกจใหม่สนับสนุนอีวีในไทย ทางหน่วยงานรัฐและกลุ่มเอกชนมีการหารือร่วมกันและจะเสนอรัฐบาลใหม่ เช่น ปัญหาภาษี ซึ่ง FTA ไทย-จีน ก็ทำให้ รถอีวีประกอบในจีนภาษีเป็นศูนย์ และจะทำอย่างไรให้รถที่ผลิตในไทยค่ายอื่นๆ แข่งขันได้ ก็เป็นโจทย์ที่ทุกฝ่ายกำลังทำการบ้านร่วมกัน”นายเอกชัยกล่าว.–สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]