กรุงเทพฯ 11 ก.ค.-ปตท.มั่นใจ มาตรฐานสูง-ต้นทุนต่ำ แข่งได้ “อีวี”ครบวงจร ดึงดูดลูกค้าใช้บริการทั้งโรงงานประกอบรถยนต์ โรงงานแบตเตอรี่ที่มีทั้งระบบ “ MODULE และ Cell-To-Pack” รองรับฐานผลิตอีวีครบวงจรในไทย พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานเตรียมเสนอรัฐบาลใหม่สนับสนุนแพคเกจใหม่สนับสนุนอีวี เพื่อสร้างระบบนิเวศน์แข่งขันได้ โดยเฉพาะกับ ค่ายจีนที่ได้ประโยชน์จาก FTA
นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ธุรกิจใหม่ของ ปตท. ในขณะนี้เดินหน้าตามแผน มุ่งหา New Growth ด้วยเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนกำไรของธุรกิจพลังงานแห่งอนาคตและธุรกิจอื่นให้มากกว่า 30% ในปี 2573 โดยในระหว่างทางจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และจะมีสัดส่วน 15 % ในปี 2569 โดย จึงมีกลยุทธ์ที่สำคัญ 2 เรื่อง หลักคือ Future Energy การมุ่งสู่ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน,ยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร,ไฮโดรเจน ,สมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ และ Beyond การรุกธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน เช่น ธุรกิจวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต(Life Science) การสร้างอุตสาหกรรมมูลค่าเพิ่มสูงของปิโตรเคมี ธุรกิจMOBILITY ของ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ เป็นต้นโดยหลักการสำคัญในการขยายธุรกิจคือ การมองหาพันธมิตรที่แข็งแกร่ง มีความเชี่ยวชาญจริงในธุรกิจนั้น ๆ พัฒนาธุรกิจใหม่ให้ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ และ มองหาช่องทางขยายธุรกิจและสร้างความแข็งแกร่งด้านบริหารจัดการโดยอาศัยทรัพยากรและฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง กว้างขวางของ ปตท.
“เราเริ่มธุรกิจใหม่มา 2-3 ปีแล้ว ในขณะนี้มีความคืบหน้าต่อเนื่องร่วมมือกันพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ โดยกำหนดเป้าหมายการทำธุรกิจที่ชัดเจนว่าจะต้องมีผลตอบแทนภายใน 3-5 ปี และปรับกลยุทธ์ที่เหมาะสมตลอด ซึ่งนอกจากตอบโจทย์ทางธุรกิจที่ยั่งยืนแล้ว ยังร่วมแก้ปัญหาโลกร้อน ก้าวเข้าสู่แผนงาน NET ZERO “ นายเชิดชัยกล่าว
สำหรับโครงการอีวีครบวงจรนั้น บริษัท อรุณ พลัส จำกัด มีการร่วมทุน ทั้งการผลิตรถยนต์,แบตตเตอรี่,สถานีชาร์จ,ระบบรถเช่าอีวี และการเปลี่ยนแบตฯ ซึ่งการร่วมทุนกับฟ็อกคอนซ์ จัดตั้งบริษัท ฮอริษอน พลัส จำกัด ร่วมทุนผลิตยานยนต์ไฟฟ้าออกแบบภายใต้แนวคิด BOL (Build-Operate-Localize) นำเทคโนโลยีระดับโลกมาดำเนินการออกแบบก่อสร้างและทั้งการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของของลูกค้า ในขณะนี้มีค่ายรถยนต์ทั้งจีน,ญี่ปุ่น,ยุโรป มาเจรจาเพื่อให้ผลิต แม้ว่าค่ายยักษ์ใหญ่ของจีนหลายรายจะมีการเริ่มลงทุนในไทยด้วยโรงงานอื่นๆ แล้วก็ตาม โครงการนี้เม็ดเงินลงทุนรวม 3.6 หมื่นล้านบาท เฟส แรกลงทุน 2.4 หมื่นล้านบาท ผลิต 5 หมื่นคัน/ปี จะเสร็จตามแผนในปี2567 และเฟส 2 จะลงทุนอีก 1.2 หมื่นล้านบาท ขยายเป็น 1.5 แสนคัน/ปีในปี 2569-2570
ส่วนระบบแบตเตอรี่ ปตท.มีทั้ง 2 ระบบรองรับอีวีทุกประเภท ทั้งระบบแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน แบบโมดูลแบตเตอรี่ และระบบ Cell-To-Pack (CTP) นับเป็นทางเลือกตอบสนองความต้องการของลูกค้า และเป็นการร่วมมือกับยักษ์ใหญ่ TOP TEN ระดับโลกจากจีน ได้แก่ ความร่วมมือกับบริษัทในเครือ Gotion High-tech จัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อบริษัท เอ็นวี โกชั่น จำกัด (NV Gotion) ทุนจดทะเบียนไม่เกิน 600 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจนำเข้า ประกอบ และจัดจำหน่ายโมดูลแบตเตอรี่ ลิเทียมไอออนคุณภาพสูงสร้างโรงงานเสร็จ ภายปลายปี 2566 และเริ่มจำหน่ายต้นปี 2567 ด้วยกำลังการผลิตเริ่มต้น 1 กิกะวัตต์-ชั่วโมงต่อปี และขยายกำลังการผลิตเป็น 2 กิกะวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ภายในปี 2568 โดย NV Gotion จะเริ่มก่อสร้างโรงงานประกอบชุดแบตเตอรี่ขนาด 2 กิกะวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) คาดว่าจะสามารถผลิตและส่งมอบแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนคุณภาพสูงแก่ตลาดได้ภายในไตรมาส 4 ของปี 2566 นับเป็นการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี และผลักดันเป้าหมาย Net Zero ของประเทศจากทุกภาคส่วนร่วมกัน ส่วนโรงงานประกอบแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ Cell-To-Pack (CTP)ตกลงร่วมมือลงทุนกับ กับบริษัท Contemporary Amperex Technology Co., Limited (CATL) กรอบการลงทุนกว่า 3,600 ล้านบาท โดยโรงงานดังกล่าวจะพร้อมเดินสายการผลิตภายในปี 2567 ด้วยกำลังการผลิต 6 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี
ส่วนการให้เช่ารถอีวี โดยบริษัท อีวี มี พลัส จำกัด (EVme Plus) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการเช่ารถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรรายแรกของประเทศไทย ได้รับความนิยมใช้บริการสูงมาก ณ เดือนมีนาคม 66 มีรถบริการ 700 คัน ตั้งเป้าหมายเป็น 2,000 คันในปลายปี 66 โดยจะมุ่งเน้นการเพิ่มการเช่าระยะยาว3-5ปีให้เพิ่มขึ้น เป็นสัดส่วนร้อย70 จากปัจจุบันมีสัดส่วนร้อยละ 60 โดยที่เหลือเป็นเช่าระยะสั้นและยังจัดทำแผนงาน ROSE วางแผนซื้อขายรถอีวีแผ่นแพลตฟอร์มEVme หารายได้เพิ่มจากแพล็ตฟอร์มออนไลน์ ส่งเสริมให้ประชาชนคุ้นเคยรถอีวี ผ่านแพลตฟอร์มนี้ ด้วยการเป็นสมาชิก
ในขณะที่ สถานีอัดประจุยานยนต์ ในกลุ่ม ปตท.ก็จะมีการลงทุนติดตั้งทั้งในสถานีน้ำมัน ผ่านโออาร์ แบรนด์อีวีสเตชั่นพลัส และนอกสถานีน้ำมันโดย ออน-ไอออน (on-ion) ซึ่งมีทั้งบริการติดตั้งสถานีชาร์จที่บ้าน และร่วมกับพันธมิตร ติดตั้งในพื้นที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า พื้นที่ธุรกิจ และอื่นๆ โดย บริการติดตั้งที่บ้านแล้วกว่า 1,000 หลัง ส่วนพื้นที่ธุรกิจเปิดบริการแล้ว 59 สถานีทั่วประเทศ 430 หัวชาร์จ จุดแข็งของ ออน-ไอออน คือ พัฒนาโดย สถาบันนวัตกรรม ปตท.ขึ้นทะเบียนสินค้านวัตกรรม ระบบบริการหลังการขายไม่ว่าจะติดตั้งที่ใดติดต่อง่ายสะดวกและพร้อมบริการแก้ปัญหา
“ปตท.เดินหน้าอีโคศิสเต็มของอีวี ในอนาคตก็จะศึกษาร่วมทุนในระบบเซลล์แบตเตอรี่ และ SMART ELECTRONIC รองรับความต้องการชิ้นส่วนอิเล็กทอรนิกส์ทั้งอีวี,โทรศัพท์มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม ทุกด้านต้องหารือร่วมกับภาครัฐว่า จะมีการสนับสนุนให้เดินหน้า เพื่อสร้างความเข้มแข็งแก่อุตสาหกรรมในประเทศอย่างไรด้วย โดยรูปแบบเช่นนี้ ก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง ซึ่งในส่วนของรถอีวี ฮอริษอน พลัส นั้นคาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นคน”นายเชิดชัยกล่าว
นายเอกชัย ยิ้มสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (Arun Plus)กล่าวว่า มั่นใจ ผู้มาจ้าง โรงงานประกอบรถยนต์และแบตเตอรี่ จะเป็นไปตามเป้าหมาย เพราะในปีหน้าจะต้องเริ่มผลิตรถในไทยเพราะต้องทำตามข้อกำหนดของรัฐบาล คือใช้แบตฯและประกอบรถยนต์ในไทย หลังหมดโปรแกรมอุดหนุนทางการเงินจากภาครัฐ 31 ธ.ค.2566 ที่รถยนต์อีวีจะได้รับเงินอุดหนุนสูงสุด 1.5 แสนบาทต่อคันส่วนรถจักรยานยนต์อีวี ได้รับ 1.8 หมื่นบาทต่อคัน โดยในส่วนของความเชี่ยวชาญและต้นทุนของกลุ่ม ปตท.นั้นจะสามารถแข่งขันได้ด้วยต้นทุนต่ำ เพราะผู้ร่วมทุนแต่ละราย ล้วนมีความเชี่ยวชาญระดับโลกทั้งสิ้น สร้างความมั่นใจแก่ค่ายรถอีวีที่จะมาลงทุนในไทย
“แพคเกจใหม่สนับสนุนอีวีในไทย ทางหน่วยงานรัฐและกลุ่มเอกชนมีการหารือร่วมกันและจะเสนอรัฐบาลใหม่ เช่น ปัญหาภาษี ซึ่ง FTA ไทย-จีน ก็ทำให้ รถอีวีประกอบในจีนภาษีเป็นศูนย์ และจะทำอย่างไรให้รถที่ผลิตในไทยค่ายอื่นๆ แข่งขันได้ ก็เป็นโจทย์ที่ทุกฝ่ายกำลังทำการบ้านร่วมกัน”นายเอกชัยกล่าว.–สำนักข่าวไทย